93 ปี ประชาธิปไตยตรงกับเดือน มิ.ย.2568 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 ก่อเกิดกลุ่มศักดินากษัตริย์นิยม อนุรักษ์นิยม กลุ่มประชาธิปไตยเสรีก้าวหน้า แนวคิดการเมืองซ้ายจัดปะทะขวาจัด เข้าสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กลายเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ ขยับเข้าสู่ทุนนิยมผูกขาด ปัจจุบันกระชับอำนาจตามจารีตขณะที่สถาบันการเมืองในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ขาดการพัฒนาไม่เป็นที่มุ่งหวังของประชาชน การเมืองขาดเสถียรภาพอยู่ในวังวนขัดแย้ง กลุ่มทุนมีบทบาทต่อพรรคมากขึ้น แต่การปฏิรูปการเมืองล่าช้า ไม่เท่าทันแรงกดดันของเศรษฐกิจโลกตกต่ำ และความขัดแย้งจีนกับสหรัฐอเมริกาปรากฏการณ์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเผาป่าฆ่าหนูตัวเดียว ยึดตำแหน่ง รมว.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย จนชิงถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน โดยอ้างเหตุคลิปสนทนาหาทางออกจากความขัดแย้งของสองประเทศระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภากัมพูชา ชี้ให้เห็นถึงการเมืองปฏิรูปไปไม่ถึงไหนสะท้อนบทบาทกลุ่มผลประโยชน์กับพรรคการเมืองยังทรงอำนาจ อีกพรรค การเมืองหนึ่งเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับวุฒิสภาที่มี สว.ส่วนใหญ่ถูกเรียกว่าสายสีน้ำเงิน และคลิปฉาวข้ามประเทศเป็นดัชนีชี้วัดภาวะผู้นำประเทศได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดเป็นชนวนตอกลิ่ม เหมารวมนักการเมืองไม่เป็นที่มุ่งหวังของประชาชนตรงกับนิด้าโพลตอกย้ำเสียงของประชาชนอย่างชัดเจน ไว้วางใจกองทัพสูงถึง 86.26% แต่ไว้วางใจรัฐบาลเพียง 30.84% ที่จะสามารถป้องกันประโยชน์ของชาติได้จากกรณีความข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ ตามหลักรัฐศาสตร์ การเมืองตกอยู่ในโซนอันตรายทันที สามารถเกิดอุบัติเหตุการเมืองได้ทุกเมื่อสถานการณ์เช่นนี้นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองอีกครั้ง โดยสังคมอยากเห็นการเมืองพัฒนาเดินตามกรอบรัฐธรรมนูญ ทั้งปรับ ครม.ใหญ่ นายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน แต่ยังมีบางกลุ่มต้องการให้มีรัฐบาลแห่งชาติ และที่เรียกร้องสุดขั้วเลย คือต้องการให้กองทัพรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลขอให้คนไทยเชื่อมั่นในกองทัพบก มีจุดยืนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ยืนยันจุดยืนชัดเจน แต่วันนี้บรรดานักการเมืองต้องสำนึก โดยเฉพาะรัฐบาลต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เริ่มต้นจากแก้รัฐธรรมนูญผ่าทางตันการเมือง เปิดประตูสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม