มาถึงวันนี้แม้สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ลดความตึงเครียดลงระดับหนึ่ง หลังกองทัพไทยใช้ยุทธวิธีกดดัน จำกัดเวลาเปิดและปิดด่าน พร้อมทั้งขู่ตัดกระแสไฟฟ้าและสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทำให้กัมพูชายอมถอนกำลังจากพื้นที่ทับซ้อนไปอยู่ในแนวที่ตั้งเดิมที่ตกลงกันไว้เมื่อปี 2567

ส่วนการที่รัฐบาลไทยได้เสนอเจรจาทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทางกัมพูชาได้ยืนยันว่าจะไม่เจรจาเรื่องพื้นที่ชายแดน 4 แห่ง ได้แก่ พื้นที่บริเวณช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย โดยยื่นฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกให้ตัดสินชี้ขาด ทั้งที่พื้นที่ 4 แห่ง เป็นของไทย

และก็ชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบยกกรณีปัญหาที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิในพื้นที่ชายแดนด้านช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นมาหารือ ซึ่งก็ยังต้องเป็นปมขัดแย้งกันต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นำคณะ สว.แถลงข่าวและส่งหนังสือเรียกร้องขอให้รัฐบาลเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหารือสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้ว่าแม้กัมพูชาถอนกำลัง แต่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระดับพื้นที่ ไม่ใช่แก้ปัญหาระยะยาว

 โดย สว.ตระหนักถึงแนวทางเจรจาแก้ปัญหาข้อพิพาทโดยสันติวิธี แต่ต้องอยู่บนหลักเคารพกันและกัน จริงใจ เท่าเทียมในฐานะมิตรประเทศ จึงเรียกร้องนายกฯให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อแถลงข้อเท็จจริง และเปิดโอกาสให้สส. สว.ร่วมเสนอแนวทางคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ให้รัฐบาลนำไปประกอบการตัดสินใจ

...

แต่ปรากฏว่าทางรัฐบาลปฏิเสธ โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุม ครม. เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพราะสถานการณ์คลี่คลายแล้ว และประชาชนเข้าใจสถานการณ์ได้ดีแล้ว ที่สำคัญได้มีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ วันที่ 3 ก.ค.นี้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีสิทธิขอเปิดประชุมรัฐสภาชี้แจงกรณีสำคัญต่างๆ และรับฟังข้อเสนอแนะของสส. สว.ได้ ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาพิพาทเขตแดนกับกัมพูชา ส่อกระทบต่ออธิปไตย จึงสมควรยกเป็นวาระแห่งชาติ โดยใช้กลไกรัฐสภาชี้แจงประชาชนและระดมความคิดเห็นจาก สส. สว. เพราะความขัดแย้งนี้คงต้องสู้กันอีกยาว

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม