ไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ แม่ทัพภาค 2 แม่ทัพภาค 1 สั่งจำกัดเวลาเข้าออกด่านชายแดนไทย–กัมพูชา และ พล.ท.บุญสิน พาด กลาง แม่ทัพภาค 2 ได้สั่งการให้ใช้มาตรการเพิ่มเติมหากเขมรมีการเพิ่มกำลัง คือ ตัดการส่งไฟฟ้าไปยังกัมพูชา 9 จุด ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและกองทัพเรือ ส่งผลให้ ฮุน เซน ต้องรีบส่งทหารกัมพูชามาถามฝ่ายไทยว่า มีมาตรการตัดไฟจริงหรือไม่ เพราะถ้าไทยตัดไฟเมื่อไหร่ บ่อนกาสิโน ศูนย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อินเตอร์เน็ต ในหลายจังหวัดฝั่งกัมพูชาจะเป็นอัมพาตทันที ทำให้ ฮุน เซน ต้องรีบเปิดการเจรจากับฝ่ายไทย ยอมถอนทหารกลับไปยังที่ตั้งเดิม
ดังนั้น นายกฯแพทองธาร ชินวัตร และ คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม อย่าเพิ่งรีบเคลมเป็นผลงานของตัวเอง ขนาดทหารเขมรรุกล้ำดินแดนเข้ามา 3 เดือนกว่ายังไม่รู้ ต้องบินไปดูที่หน้างานเห็นความจริงจึงแถลงยอมรับ
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า การเจรจาระหว่างทหารไทยและกัมพูชา เกิดขึ้นหลังจากที่ พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา ได้ประสานเชิญฝ่ายไทย โดยมี พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 เป็นนายทหารอาวุโสของคณะร่วมเจรจา ในฐานะที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ พล.ท.สรัย ดึก มายาวนาน ฝ่ายไทยยังมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ซึ่งเคยรบกับเขมรในศึกเขาพระวิหารในปี 2554 มาแล้วร่วมเจรจา จากการหารือเบื้องต้น สองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบการปรับวางกำลังให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อปี พ.ศ.2567 เพื่อลดการเผชิญหน้า พร้อมทั้งกลบคูติดต่อ (คูเลต) กลับสู่สภาพเดิม เพื่อสร้างบรรยากาศเกื้อกูลต่อการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 คือวันเสาร์นี้ที่กรุงพนมเปญ
...
คุณภูมิธรรม รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ที่กัมพูชายอมถอยกำลังกลับไปสู่จุดเดิมเมื่อปี 67 ระดับสูงมีการคุยมาตลอด นายกฯ รองนายกฯ ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. แม่ทัพภาค 2 นายกฯแพทองธาร คุยกับ นายกฯฮุน มาเนต ตนคุยกับ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา แต่ผลสำเร็จครั้งนี้ผมคิดว่าต้องยกเครดิตให้กับฝ่ายทหารครับ
พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 ได้โพสต์ถึงการเจรจาประเด็นช่องบกกับกัมพูชาว่า “คุยกันอย่างลูกผู้ชาย ไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่เสียความสัมพันธ์ ไม่เสียเศรษฐกิจ พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รอง มทภ.2 พล.อ.สรัย ดึก รอง ผบ.ทบ./ผบ.พส.สสน.3 บันทึกไว้ ณ วันที่ 8 มิ.ย.68 ณ ช่องอานม้าและช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี” พล.ต.ณัฏฐ์ ยังโพสต์เพิ่มเติมต่อว่า “วันนี้คลี่คลาย แต่ต้องคิดว่าวันหน้าจะยังไงต่อ เตรียมการเพื่อรองรับวันข้างหน้าอย่างเป็นระบบ อย่าปล่อยเวลาเสียเปล่า ปัญหาข้างหน้าอาจแก้ไม่ง่ายเหมือนวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยน คนเปลี่ยน วิธีการเปลี่ยน”
ผมเห็นด้วยกับคำเตือนของ พล.ต.ณัฏฐ์ นี่คือกลยุทธ์ในตำราพิชัยสงคราม แม้ไม่ได้ระบุถึงใคร แต่ “รัฐบาลชุดนี้ต้องฟังและปฏิบัติ” อย่าทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือน นายกฯแพทองธาร มีเวลาไปดูบ่อน้ำบาดาล มีเวลาไปเปิดงานโอทอป แต่ไม่มีเวลาไปพบทูตไทยทั่วโลก ในงาน การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกประจำปี 2568 ที่ทูตไทยกว่า 100 คน บินกลับมาประชุมที่กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังนโยบาย “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน” แต่ นายกฯแพทองธาร ใช้วิธีบันทึกวิดีโอเทปส่งไปเปิดในงานแทน ทั้งที่ไทยกำลังต้องการเกมการทูตเชิงรุก
สมเด็จฮุน เซน ยอมเสียหน้าถอยครั้งนี้ เพราะห่วงผลประโยชน์มากกว่า ถ้าฝ่ายไทยตัดไฟฟ้า 9 จุดเมื่อไหร่ ธุรกิจบ่อนกาสิโนแก๊งคอลเซ็นเตอร์บรรลัยแน่นอน ปลาย พ.ค.ที่ผ่านมา สหประชาชาติ เพิ่งออกรายงานว่า “กัมพูชา” เป็น “ศูนย์กลางธุรกิจหลอกลวง (Scamming) ระดับอุตสาหกรรม ทำรายได้ปีละ 12,500–15,000 ล้านดอลลาร์ ราว 400,000–600,000 ล้านบาท สูงกว่าภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ” เกมยุทธ์ครั้งนี้ กองทัพไทยมาถูกทางแล้ว ห่วงแต่ รัฐบาลเพื่อไทยจะหลงทางทำให้ไทยเสียท่าเขมร เท่านั้น
“ลม เปลี่ยนทิศ”