การเมืองร้อนฉ่า “ทักษิณ” แนะ พท.ดึงมหาดไทยคืนมา ฉะทำงานอืดไม่ถึงพี่น้องชาวบ้าน ชี้เหลือเวลา 2 ปี ให้เร่งปั่นผลงาน บอกน่าจะคุย ภท.รู้เรื่อง “คงไม่ถอนมั้ง” วีโต้มติแพทยสภา โยนเป็นอำนาจ “สมศักดิ์” แฉมิสเตอร์ Yes เป็นคนระดับสูงในองค์กร ท้าทายจะให้เปิดชื่อไหม ย้อนถาม “หนูรี” เอาข่าวมาจากไหนว่าจะไม่ไปศาล “อิ๊งค์” ตีมึนหลัง “พ่อ” เขย่ายึดคืน มท. “ผู้กอง” ลั่นเกษตรฯต้อง กธ.ดูแล ไม่มีใครกล้าแตะ “สมศักดิ์” ชิ่งสื่อปมวีโต้แพทยสภา โฆษก สธ.ป้องทำตามหน้าที่ ยึดหลัก ก.ม. สว.ก๊วนน้ำเงินลุยสุดซอยโหวตองค์กรอิสระ ไฟเขียว “เพียรศักดิ์” นั่ง ป.ป.ช.คนเดียว ตีตก “ประกอบ-ประจวบ” เรียกลอต 5 มีพี่ชาย “ทรงศักดิ์ ทองศรี” ด้วย ดีเอสไอแจงสอบไปแล้วกว่า 60 ปาก ชำแหละงบปี 69 วันที่ 3 “วาโย” ชี้เป้าอัดฉีดงบแพทย์แผนไทย มุ่งลงสุโขทัยพื้นที่ รมต. “ทักษิณ” เผยคุยกับ “ฮุน เซน” จบแล้วจับตาการเมืองคุกรุ่นเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกโรงเสนอให้ปรับ ครม. โดยดึงกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลับมาให้พรรคเพื่อไทยบริหาร ตำหนิมหาดไทยทำงานไม่เต็มที่ เหลือเวลาอีกแค่ 2 ปีให้ปั่นผลงาน คิดว่าน่าจะคุยกับพรรคภูมิใจไทยรู้เรื่องบิ๊กการเมืองตบเท้า “25 ปีทีวีเนชั่น”เมื่อเวลา 08.15 น.วันที่ 30 พ.ค.ที่อาคารอินเตอร์ลิงค์ทาวเวอร์ บางนา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว. อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) รวมถึงรัฐมนตรี แกนนำพรรคการเมือง อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ร่วมแสดงความยินดี โอกาสครบรอบ 25 ปี สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี Nation TV 25th ANNIVERSARY“ทักษิณ” แนะดึงมหาดไทยคืนมาต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์พิเศษผ่าน 3 บก.เครือเนชั่น ว่า การนำนโยบายไปถึงประชาชน กระทรวงหลักคือกระทรวงมหาดไทย วันนี้ไม่ค่อยถึงเพราะยังไม่ค่อยทำเต็มที่ เวลาเหลือ 2 ปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่มหาดไทยต้องทำงานให้เต็มที่ เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะกล้ายึดหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ยังไม่ได้ถามหัวหน้าพรรค (เพื่อไทย) ถ้าให้วิเคราะห์ก็เป็นเรื่องที่คงต้องพูดกันว่าให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปทำบ้าง จะได้ทำนโยบายถึงประชาชนสักที เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว อีก 2 ปีจะเลือกตั้งแล้ว เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 69 เสียงจะยอมหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า เป็นเรื่องการทำงานเพื่อประชาชน ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจ เพื่อให้นโยบายถึงประชาชนจริงๆ ต้องให้กระทรวงมหาดไทยอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย นี่คือหลักการน่าจะคุย ภท.รู้เรื่องคงไม่ถอนมั้งผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเอากระทรวงมหาดไทยมาได้ พรรคภูมิใจไทยจะกล้าถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า “คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ถอนมั้ง เราไม่อยากให้เขาถอนอะ ก็อยู่ด้วยกันมา” เมื่อถามย้ำว่าแต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ นายทักษิณตอบว่า อันนั้นเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจของแต่ละพรรคได้ เมื่อถามว่านอกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังมีกระทรวงไหนอีกที่จะทำให้รัฐบาลทำงานกระฉับกระเฉง และสามารถชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป นายทักษิณตอบว่า มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม เป็นหัวใจ คมนาคมก็เรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ต้องมีเหตุผลบอกกับประชาชน มันเสียนิสัยเพราะเคยเป็นพรรคใหญ่มาก่อนส่งสัญญาณโยนให้เป็นอำนาจ “สมศักดิ์” วีโต้นายทักษิณยังกล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ทำหนังสือส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ลงโทษแพทย์ 3 คน ปมพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของ รมว.สาธารณสุข เมื่อถามว่ามองเป็นผลดีหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่ทราบ แล้วแต่คนจะมอง เมื่อถามว่าถ้ามีการวีโต้แบบนี้ แต่ทางแพทยสภายืนยันมติตามเดิม แล้วจะเป็นอย่างไร นายทักษิณตอบว่า ว่ากันไปตามกติกา ทุกอย่างมีกติกา เมื่อถามว่าจะทำให้แพทยสภากับคณะกรรมการที่นายสมศักดิ์ตั้งขึ้น มีปัญหากันในวงการแพทย์หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า หลักการคือถ้าทุกคนเคารพกติกา ไม่มีอคติต่อกัน มีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตัวเอง ก็ไม่มีปัญหา แต่บางทีบางครั้งก็เลือกข้าง วันนี้เราต้องหยุดเลือกข้างได้แล้ว ต้องมาเลือกข้างประชาชน เลือกข้างประเทศไทย ทำให้บ้านเมืองสงบเสียที สื่อทั้งหลายก็เช่นกันอย่าไปเอาความขัดแย้งมาใช้เยอะ ทุกอย่างจะได้เบาบางลง พอเราเสนอความขัดแย้งมากๆ คนที่ไม่มีอาชีพก็พลอยมีไปด้วยแย้มคนส่งสติกเกอร์ Yes ระดับสูงผู้สื่อข่าวถามว่ามีคนสงสัยไลน์แชตกลุ่มแพทยสภาที่หลุด ได้มาอย่างไร นายทักษิณถึงกับร้องโอ้ก่อนตอบว่า ต้องไปถามคนในกลุ่ม ไม่อย่างนั้นมันไม่หลุดหรอก เมื่อถามว่ามีคนตั้งข้อสังเกตไม่ใช่ของกรรมการแพทยาสภา นายทักษิณย้อนว่า ต้องให้บอกชื่อด้วยไหม เข้าใจว่าคงส่งไปให้ทุกคนทราบหมดแล้ว เมื่อถามว่าคนที่ตอบกลับในแชตด้วยสติกเกอร์ YES มีตำแหน่งในแพทยสภาสูงใช่หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า สูงมาก เมื่อถามว่าวันที่ 13 มิ.ย. จะเดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเองหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ยังไม่ทราบ ต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เมื่อถามว่าหากผลเป็น Worst caste (เลวร้ายที่สุด) พร้อมรับมือใช่หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร worst เพราะ the worst มันผ่านไปแล้วย้อนถาม “หนูรี” เอาข่าวมาจากไหนเมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ระบุว่าหากผลวันที่ 13 มิ.ย. ออกมาเป็นลบ นายทักษิณต้องหนีออกนอกประเทศแน่ นายทักษิณตอบว่า ต้องถาม “หนูรี” ว่าเอาข่าวมาจากไหน เมื่อถามต่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่าเคยไปเยี่ยมนายทักษิณมา 2 ครั้ง และบอกว่านายทักษิณสบายดี นายทักษิณถามกลับว่า “แล้วหนูรีสบายดีหรือเปล่า ผมก็เป็นห่วงอยู่” ส่วนกรณีที่มีการไปยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเป็นใบเสร็จของโรงพยาบาลตำรวจ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล มีแต่ค่าห้อง นายทักษิณตอบว่า เขาไม่ใช่ผู้เสียหาย และผู้เกี่ยวข้องในคดี ศาลรับฟังไม่ได้ตามกฎหมาย แต่เขาน่าจะรู้ เพราะเรียนกฎหมายมาเยอะสงสัยลืมหมดแล้ว ที่อ้างว่าเคยมาเยี่ยมตน 2 ครั้ง ให้ไปถาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อย่ามาถามตน ต้องถามท่าน“อิ๊งค์” ตีมึนหลัง “พ่อ” เขย่ายึดคืน มท.ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณเสนอว่าควรปรับ ครม. ดึงกระทรวงมหาดไทยมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธารย้อนถามว่า “ใครเป็นคนพูด เดี๋ยวขอกลับไปดูก่อน วันนี้ภารกิจเยอะมาก” เมื่อถามย้ำว่าจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ นายกฯย้อนถามอีกว่า “ใครเป็นคนให้สัมภาษณ์นะ” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่านายทักษิณ น.ส.แพทองธารจึงตอบว่า “อ๋อ หรอ ขอกลับไปฟังก่อนนะ ยังไม่ได้ฟังเลย”“ผู้กอง” ลั่น กษ.ต้องกล้าธรรมดูแลร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณระบุว่ากระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรให้พรรค พท.ดูแลว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยตนไม่ทราบ แต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องเป็นพรรค กธ.ดูแล เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณย้ำว่ากระทรวงเกษตรฯเหมาะที่จะให้พรรค พท.ทำ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า แล้วแต่ แต่ต้องเป็นพรรค กธ. ที่ผ่านมาช่วงที่ตนเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ทำดีที่สุดทั้งเรื่องที่ดินทำกิน การพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร อย่าไปกังวล เรื่องพวกนี้ไม่มีใครมาแตะพรรค กธ.หรอก ยืนยันว่าในส่วนของพรรค กธ.ยังเหมือนเดิม ส่วนกระทรวงอื่นไม่ทราบ เมื่อถามว่ามีสัญญาณปรับ ครม.ออกมาบ้างหรือยัง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่มี เรื่องการปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกฯ เราพูดไม่ได้“สมศักดิ์” ชิ่งสื่อปมวีโต้แพทยสภาช่วงสายที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดและสาเหตุการตีกลับมติแพทยสภา กรณีลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ แค่กล่าวสั้นๆว่า จะไปให้ข้อมูลที่รัฐสภาช่วงเย็นวันนี้ (30 พ.ค.) เพราะมีรายละเอียดมาก ทำเล่นๆไม่ได้ เพราะกังวลเรื่องการถูกฟ้องร้อง รายละเอียดในหนังสือมีการเผยแพร่ผ่านสื่อแล้ว แต่จะไปชี้แจงถึงเหตุผลและความเห็นให้รับทราบเพิ่มเติม“สมศักดิ์” แจงยิบปมวีโต้แพทยสภาช่วงค่ำที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า มีผู้ถูกร้องเรียน 4 ท่าน ที่ถูกพิจารณาจากอนุกรรมการจริยธรรม ประกอบด้วย น.พ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจา และ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ เมื่อส่งไปยังอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่มีความผิด ผู้ถูกร้องที่ 2 มีความผิดให้ว่ากล่าวตักเตือน ผู้ถูกร้องที่ 3-4 มีความผิดให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมไป 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับรายละเอียดกลับมา จึงต้องพิจารณาตามข้อมูลที่มีอยู่ คนแรกที่ไม่มีความผิดตนเห็นด้วย ส่วน พญ.รวมทิพย์ เห็นว่าการส่งตัวเป็นอำนาจผู้บัญชาการเรือนจำ เมื่อไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาอย่างครบถ้วน จึงเห็นสมควรว่าต้องยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง ผู้ถูกร้องที่ 3 ที่บอกว่าให้สัมภาษณ์ 2 ครั้ง แต่ไม่มีการพูดคำว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤติ หาข้อมูลแล้วไม่พบจึงเห็นควรยกประโยชน์ผู้ถูกร้อง ขณะที่ผู้ถูกร้องที่ 4 ที่เขียนความเห็นแพทย์นั้น เขียนเพียงว่าการรักษายังไม่เสร็จสิ้นให้รักษาตัวต่อที่ รพ. ไม่ได้ระบุว่าเป็น รพ.อะไร และผู้ถูกร้องรับทราบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว 14 โรค อาจแตกต่างจากราชวิทยาลัย จึงเห็นตามความเห็นของอนุกรรมการสอบฯ ว่าไม่มีความผิด เพราะเสียงส่วนใหญ่ก็ให้เขาไม่ผิดแล้ว จึงเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ไม่มีใบสั่งไม่ได้คุยกับ “ทักษิณ”เมื่อถามว่ามีการปลุกระดมแพทย์ให้ปลด รมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่เป็นไร อยู่กับการเมืองมานาน ไม่ตระหนกตกใจเรื่องอะไรทั้งสิ้น เราคิดว่าทำดีที่สุด ตรงไปตรงมามีเหตุผล ไม่มีการเอนเอียง เพราะหากเอนเอียงไปจะนอนหนาวสะท้าน เมื่อถามว่าเตรียมรับแรงกระแทกหรือไม่ เพราะมองว่าการวีโต้เป็นการเปิดศึกกับแพทยสภา นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่จริง แพทย์ถ้ายังอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าตนออกมาปกป้อง เรื่องอัตราโทษที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเพิ่มโทษ อย่างอดีตที่มีการกระทำผิดในลักษณะนี้ก็มีการยกโทษให้ แต่วันนี้กลับมาโดนพักใบอนุญาต หากทำให้เขาตกงาน ครอบครัวพี่น้องเขาจะเป็นอย่างไร ตนมาเพื่อทำให้ทิศทางการลงโทษและอัตราโทษยังคงเหมือนเดิม ยืนยันว่าทำถูกต้อง เชื่อว่าไม่มีผลอะไรตามมา อย่าไปคิดมาก และยืนยันว่าไม่มีใบสั่ง การวีโต้ถ้าไม่มีข้อมูลทำไม่ได้ และไม่มีข้อมูลใหม่จะสั่งตนได้อย่างไร และไม่ได้คุยอะไรกับนายทักษิณ ไม่มีการเอื้อนายทักษิณที่จะขึ้นศาลวันที่ 13 มิ.ย.นี้โฆษก สธ.ป้อง “สมศักดิ์” ทำตามหน้าที่ด้าน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า กรณีมีกลุ่มคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหานายสมศักดิ์ที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับมติแพทยสภาบางประเด็น ไม่ใช่เรื่องแปลก คนเหล่านี้หลายคนโกรธเกลียดอาฆาตแค้นนายทักษิณ ไม่พอใจพรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดงมาตลอดเกือบ 20 ปี ไม่สนใจว่าบ้านเมืองไปไกลถึงไหนแล้ว พวกขาประจำยังคงติดหล่มอยู่กับการเล่นงานนายทักษิณไม่จบไม่สิ้น ที่น่าเสียใจอย่างยิ่งคืออารมณ์ความรู้สึกมิจฉาฐิต ปรากฏในหมู่สมาชิกแพทยสภา ควรมีการตรวจสอบสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ต่อไป ส่วนกรณีมีแชตหลุดสมาชิกแพทยสภารั่วออกมาในไลน์กลุ่ม พฤติการณ์ดังกล่าวสังคมรับทราบแล้วว่า ทำให้องค์กรวิชาชีพที่มีเกียรติถูกลดทอนความน่าเชื่อถือ จากการกระทำของสมาชิกบางส่วน กระทบไปถึงมติให้ลงโทษแพทย์ 3 คนว่าอาจไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและยุติธรรม นายสมศักดิ์ใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม สามารถวีโต้ได้ เพราะมีแพทย์ที่ถูกลงโทษร้องเรียนขอความเป็นธรรมมา ย้ำว่านายสมศักดิ์ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญ แต่ละคนล้วนมีเกียรติ มีอิสระ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ตามกฎหมายให้อำนาจรับรองไว้ก๊วนน้ำเงินสุดซอยโหวตองค์กรอิสระเวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการขอให้ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ เสนอ โดย สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่และ สว.อิสระหลายคนต่างอภิปรายสนับสนุนให้ชะลอกระบวนการเลือกองค์กรอิสระ เพราะมี สว.จำนวนมากถูกยื่นตรวจสอบคดีฮั้ว สว. อยู่ระหว่างพิจารณาในชั้น กกต. หากเดินหน้าลงมติอาจถูกร้องว่ามีผลประโยชน์ขัดกัน และผิดจริยธรรมได้ ขณะที่ฝ่าย สว.สีน้ำเงินต่างลุกขึ้นคัดค้านญัตติดังกล่าว ยืนยันว่า สว.ต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งคดีฮั้วเลือก สว.ยังไม่สิ้นสุด ไม่อาจชะลอได้ จากนั้นที่ประชุมลงมติไม่ให้ชะลอการเลือกองค์กรอิสระ ด้วยคะแนน 125 ต่อ 37 เสียง งดออกเสียง 12 จากนั้นที่ประชุมจึงเดินหน้าพิจารณากระบวนการเลือกองค์กรอิสระตามวาระต่อไป ขณะที่ สว.เสียงข้างน้อยบางส่วน อาทิ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ เดินวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุมไปไฟเขียว “เพียรศักดิ์” ป.ป.ช.คนเดียวต่อมาที่ประชุมเข้าสู่วาระการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 3 คน ได้แก่ นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการภาคสอง และนายประจวบ ตันตินนท์ กรรมการอิสระ บริษัทสิริเวช จันทบุรี จำกัด (มหาชน) ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม นำเสนอรายงานตรวจสอบต่อที่ประชุมวุฒิสภา เป็นการพิจารณาลับนานเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนลงมติด้วยการลงคะแนนลับ ผลปรากฏว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบนายเพียรศักดิ์เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยมติเห็นชอบ 138 ต่อ 2 งดออกเสียง 13 ขณะที่อีก 2 คน คือนายประกอบไม่ได้รับความเห็นชอบ โดยมีเสียงเห็นชอบ 61 เสียง ไม่เห็นชอบ 60 เสียง งดออกเสียง 33 แต่เนื่องจากมีคะแนนเสียงเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่งคือ 100 คะแนน จึงไม่ได้รับเลือก เช่นเดียวกับนายประจวบ ที่ได้คะแนนเห็นชอบ 14 เสียง ไม่เห็นชอบ 108 เสียง งดออกเสียง 31เรียกลอต 5 มีพี่ชาย “ทรงศักดิ์” ด้วยผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของ กกต. ออกหมายเรียก สว.เข้าชี้แจงเพิ่มเติมอีก 22 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าอาจพัวพันกับกระบวนการฮั้วเลือก สว. นับว่าเป็นลอตที่ 5 แล้ว แบ่งเป็น ลอตแรก 55 คน ลอตสอง 10 คน ลอตสาม 24 คน ลอตสี่ 16 คน รวมลอตนี้อีก 22 คน รวมเป็น 127 คน สำหรับรายชื่อ สว.ลอต 5 ที่ถูกเรียกเข้าชี้แจง ได้แก่ นางจุฑารัตน์ นิลเปรม นางเจียระไน ตั้งกีรติ นางมยุรี โพธิแสน น.ส.จารุณี ฤกษ์ปราณี น.ส.สุกัญญา ประจวบเหมาะ นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ นายธนภัทร ตวงวิไล น.ส.ภาวนา ว่องอมรนิธิ นายกัมพล สุภาแพ่ง นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ นายอัครวินท์ ขำขุด นางธารณี ปรีดาสันติ์ นางรจนา เพิ่มพูน น.ส.ปุณณภา จินดาพงษ์ นายณรงค์ จิตราช นายธนชัย แซ่จึง นายพละวัต ตันศิริ นายกัมพล ทองชิว นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ นายนพดล พิงสกุล นายพรเพิ่ม ทองศรี พี่ชายนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายสุพัตรชัย เตียวเจริญโสภาดีเอสไอแจงสอบไปกว่า 60 ปากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. ว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 60 ปาก มีคนหลายกลุ่ม เรื่องกรอบระยะเวลาพยายามเร่งรัดให้เร็วที่สุด ส่วนกรณีการดำเนินการของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต. และดีเอสไอ รวม 7 ราย ไม่สามารถพูดหรือก้าวล่วงได้ เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ดีเอสไอยังไม่ออกหมายเรียกในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน เพราะรอกระบวนการทำงานของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนให้เสร็จสิ้นก่อนหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนาตอบว่า ไม่ได้เป็นเงื่อนไข เรารวบรวมพยานหลักฐานไปอีกส่วนหนึ่งเหมือนกัน“ไหม” แซวมาตามนัดงบยาเสพติดด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) นำภาพเอกสารสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สรุปจำนวนโครงการที่เสนอขอภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แม่นเหมือนตาเห็น งบยาเสพติดใน 1.57 แสนล้านบาท มาตามคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ย้ำอีกรอบเราเห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไหนบอกว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจคิดโครงการไม่ออกแล้วจริงๆหรือ ถึงใส่โครงการยาเสพติดเข้ามา มหาดไทยมีโครงการเสนอทั้งหมด 2 หมื่นกว่าโครงการ มูลค่า 79,960 ล้านบาท ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นโครงการของส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค (จังหวัด) รวมกัน 40,524 ล้านบาท และเป็นของ อปท.ทั่วประเทศ 39,435 ล้านบาท โครงการที่เสนอมาครึ่งหนึ่งคือตู้น้ำดื่มสะอาดของ อบต. 10,555 โครงการ วงเงิน 2,737 ล้านบาท หารเฉลี่ยตกโครงการละ 259,365 บาท ไม่รู้ว่าหน้าตาตู้น้ำดื่มสะอาดเป็นอย่างไร และ อบต.ต้องการจริงหรือไม่ หรือโดนยัดใส่มือ เพื่อสนองโครงการน้ำประปาดื่มได้แบบภูมิใจไทย?“พริษฐ์” ชำแหละรีเซ็ตด่วนการศึกษาส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เป็นวันที่ 3 มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เริ่มที่งบกระทรวงศึกษาธิการ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน อภิปรายว่า การลงทุนในมนุษย์เป็นการลงทุนที่จำเป็นและสำคัญมากต่อการทำให้เราอยู่รอด และแข่งขันกับโลกในอนาคตได้ การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้ แม้กระทรวงศึกษาฯจะได้งบฯเพิ่มต่อเนื่อง และมากที่สุด แต่รัฐบาลนี้กลับไม่เปลี่ยนแปลงการใช้งบฯให้คุ้มค่า ที่ต้องรีเซ็ตมี 6 ด้าน คือ 1.หลักสูตรการศึกษา ต้องไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ 2.ภาระงานครู ต้องช่วยลดภาระงานที่ไม่จำเป็นออก ให้มีเวลาเตรียมการเรียนการสอนเด็กมากขึ้น 3.ลดความเหลื่อมล้ำ อย่างโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือ ODOS ของรัฐบาล เป็นโครงการช่วยเหลือนักเรียนกว่า 5,700 คน แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนนักเรียนที่ได้ทุนก็เหมือนกับการถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว 4.ต้องรีเซ็ตการลงทุนในเทคโนโลยี รัฐบาลต้องไม่เน้นแค่การสร้างของเล่นใหม่ 5.รีเซ็ตใบปริญญาให้เชื่อมกับอนาคตว่าเด็กที่จบใหม่ ไม่ตอบโจทย์ และ 6.รีเซ็ตบทบาทรัฐเกี่ยวกับการยกระดับแรงงาน การศึกษาสำคัญกับอนาคตชาติและลูกหลานเรา ถึงวาระการปฏิรูปการศึกษาที่ต้องทำเร่งด่วนและรอไม่ได้“วาโย” ชี้เป้าอัดฉีดแพทย์แผนไทย 30%นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. อภิปรายว่า กระทรวงสาธารณสุข ปี 69 จัดสรรงบไว้ 1.77 แสนล้านบาท ถ้าเพิ่มงบ สปสช.เข้าไปด้วย จะเพิ่มมา 15.18% แต่ที่รัฐบาลประกาศยกระดับเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ผ่านมา 1 ปี ต้องถามพี่น้องประชาชนว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ขณะที่กรมการแพทย์แผนไทยได้งบเพิ่ม 30% เป้าหมายเพิ่มมูลค่าตลาดสมุนไพร ไม่อยากคิดว่ารัฐมนตรีมีญาตินามสกุลเดียวกัน เป็นเจ้าของร้ายขายยาสมุนไพร พอตั้งเป้าหมายแบบนี้ท่านจะถูกครหาได้ เห็นอยู่อย่างเดียวที่จับต้องได้ในโครงการที่เกี่ยวกับสมุนไพร คือการสร้างตึก ศูนย์อาคารสาธารณสุขเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก ตั้งงบปี 69 คาดเสร็จสิ้นปี 70 สร้างที่ จ.สุโขทัย ถามว่าทำไมต้องสร้างที่สุโขทัย ถ้าเป็นตนคงไม่กล้าเพราะกลัวถูกข้อครหา“สรรเพชญ” ติงจัดงบฯท้องถิ่นไว้ต่ำนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายตั้งข้อสังเกตการจัดงบขาดดุลที่สูงถึง 8.6 แสนล้านบาท สะท้อนว่ารัฐบาลต้องพึ่งพาการกู้เงินชดเชยรายจ่าย รวมถึงงบกลางที่จัดสรรไว้ถึง 6.3 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.7 ของงบประมาณทั้งหมด ไม่มีการแจกแจงรายละเอียด เป็นการรวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจไว้ที่ส่วนกลาง ยากต่อการตรวจสอบประสิทธิภาพในการใช้งบยังมีข้อสังเกตถึงงบประมาณที่จัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แม้รัฐบาลจะจัดงบเพิ่มขึ้นจากปี 68 แต่ยังต่ำกว่าร้อยละ 35 ตามกรอบกฎหมายกำหนด ขอเสนอว่าในปีงบประมาณ 2570 รัฐบาลควรกำหนดเป้าหมายการจัดสรรงบท้องถิ่นให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของงบทั้งหมด และควรมีการกระจายภารกิจด้านการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจและการพัฒนาที่ยั่งยืน“นายกฯอิ๊งค์” ผวาครอบงำพรรคต่อมาเวลา 18.50 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางเข้าร่วมประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถึงกรณีนายทักษิณระบุจะเอากระทรวงมหาดไทยมาดูแลเองว่า ยังไม่มีอะไรเลย เมื่อถามว่าถูกมองว่านายทักษิณครอบงำพรรค พท.ไปแล้ว นายกฯรีบปฏิเสธว่า ไม่ครอบๆ ผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล จะสะเทือนใจหรือไม่ แต่ น.ส.แพทองธารพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธารยังโพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ระบุว่า ระหว่างรอการประชุมงบฯ ถือโอกาสประชุมกับทีม สส.เพื่อไทย รับฟังปัญหาจากพื้นที่ ปัญหาเศรษฐกิจที่พี่น้องประชาชนฝากมาโดยตรง ข้อเสนอและปัญหาที่ได้รับในวันนี้จะเป็นการบ้านสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้การทำงานตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้ตรงจุด ตรงใจ และเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม“ทักษิณ” เผยคุยกับ “ฮุน เซน” จบแล้ววันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงเหตุขัดแย้งระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ที่จุดช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่า น่าจะเคลียร์กันจบแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีคุยกันรู้เรื่อง ทางทหารก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ของทหารชั้นผู้น้อย กติกาคือเขตแดนที่ไม่ชัดเจน ไม่มีการปักปัน ก็ให้เป็นโนแมนแลนด์ไม่ต้องมีคนอยู่ ก็จะไม่มีการ กระทบกระทั่งกัน เมื่อถามว่าได้คุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า สองรัฐบาลคุยกันตลอด “ผมและท่านฮุน เซนคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่มีอะไร ทุกฝ่ายต้องอย่าไปเติมเชื้อ มันเป็นเรื่องที่กระทบกระทั่งกันบริเวณชายแดน แทนที่จะยิงกัน เปลี่ยนมาเป็นเตะตะกร้อกันตอนเย็น ก็ไม่มีอะไรแล้ว”โฆษก ทบ.ย้ำ 2 ฝ่ายถอยจากจุดปะทะพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาแถลงว่าไม่ถอนกำลัง ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจุดไหน คงต้องใช้กลไกที่มีอยู่ในกรอบข้อตกลงดำเนินการต่อไป แต่จุดที่ปะทะกันบริเวณคูเลต มีการถอยห่างกำลังออกไปแล้วทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องเขตพื้นที่ตามแนวชายแดนนั้น ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อาจเถียงกันไม่จบ จึงต้องใช้กลไกฝ่ายเทคนิคคณะทำงานปักปันเขตแดน (JBC) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. จะสนับสนุนให้เร่งดำเนินการ ระหว่างที่รอผลของคณะทำงาน JBC ฝ่ายไทยจะใช้การลาดตระเวนดูแลพื้นที่ ด้วยจำนวนกำลังที่เหมาะสม ตามเงื่อนไขข้อตกลง MOU เหมือนในทุกพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีปัญหา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและของพี่น้องชาวไทย ยังคงยึดหลักไม่รุกรานอธิปไตยของฝ่ายกัมพูชาเป็นสำคัญอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่