ศาลปกครองสูงสุดสั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ 10,028 ล้านเซ่นจีทูจีข้าวเจ๊ง ฐานประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุ ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ พร้อมสั่งคืนทรัพย์สินบางส่วนให้คู่สมรส “ทีมทนาย” จ่อยื่นหลักฐานขอเปิดคดีใหม่ อ้างข้าวคงคลังตั้งแต่รัฐประหาร 22 พ.ค.57 รวม 18.9 ล้านตัน ขายหมดเกลี้ยงได้ 2.5 แสนล้าน นำมาหักทอนได้ “ปู” อาจไม่ต้องจ่ายสักบาท “ปู” พ้อเจ็บปวดที่สุด ยึดอำนาจ ยัดคดี ยึดทรัพย์ ใครไม่โดนไม่รู้ จากนี้ใครจะกล้าทำนโยบายช่วยประชาชน โอดหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตไม่มีวันหมด กกต.ร่อนหมายเรียก 24 สว.ลอตสามรับทราบข้อกล่าวหา “เบ็ญจมาศ” ปัดเชื่อมโยง ภท.ฮั้ว สว. “นภินทร” ไม่กังวลพร้อมชี้แจง กกต. ยัน ภท.ไม่มีเอี่ยวแน่นอน “แพทองธาร” พบเจ้าของค่ายมวยต่อยอดมวยไทยในต่างแดน ถกห้างค้าปลีกดังดัน “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ขยายตลาดวัตถุดิบอาหารไทยไปทั่วทุกมุมโลก

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว สั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดเฉพาะในส่วนของการระบายข้าว (จีทูจี) 50% ของมูลค่า 20,000 ล้านบาทเป็นเงิน 10,028,861,880.83 บาท ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ

ศาล ปค.สูงสุดชี้ขาดคดีจำนำข้าว

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 22 พ.ค.ศาลปกครองสูงสุด โดยนายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดและตุลาการเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะในคดีออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อผ.163-166/2564 เป็นการแก้คำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.59 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกฯ รมว.คลัง รมช.คลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกฯ กระทรวงการคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

...

สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้จีทูจีเจ๊ง 10,028 ล้าน

โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.59 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท แต่สั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดเฉพาะในส่วนของการระบายข้าว (จีทูจี) ร้อยละ 50 ของมูลค่า 20,057,723,761 บาท คิดเป็นเงิน 10,028,861,880.83 บาท ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งเป็นต้นไป เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการโดย ป.ป.ช.และ สตง.เคยทำหนังสือเตือนว่าอาจมีการทุจริต แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไม่ดำเนินการใดๆเพื่อระงับยับยั้ง จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้เจ้าหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง กำหนดสัดส่วนความรับผิดอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่มีเหตุอันควรยกเว้นความผิด

คืนทรัพย์สินบางส่วนให้คู่สมรส

นอกจากนี้ให้เพิกถอนคำสั่ง ประกาศและการดำเนินการใดๆของกรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร 6 ที่มีคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขายทอดตลาด สืบเนื่องจากคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.59 ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เฉพาะในส่วนที่เกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งเป็นต้นไป รวมทั้งให้ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกฯและกระทรวงการคลัง ขอกันส่วนทรัพย์สินที่ถูกยึดเพื่อนำมาขายทอดตลาดตามสิทธิของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 37 รายการ และแจ้งให้กรมบังคับคดีจัดทำบัญชีรับ-จ่าย กันส่วนให้นายอนุสรณ์ เจ้าของร่วม แจ้งผลดำเนินการให้นายอนุสรณ์ทราบภายใน 60 วันนับจากศาลมีคำพิพากษา

ยกขายข้าว 2.5 แสนล้านหักค่าเสียหาย

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้ได้รับมอบจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบหมื่นกว่าล้านบาทนี้ ถ้าจำได้ เมื่อมีการรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค.57 มีข้าวคงเหลือในคลังประมาณ 18.9 ล้านตัน ในส่วนนี้คำสั่งกระทรวงการคลังข้างต้น บอกว่าถ้าทางราชการขายข้าวได้ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่อนุปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวคำนวณไว้ เมื่อ 22 พ.ค.57 นำมาหักทอนกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบได้ ปัจจุบันข้าวจำนวนนี้ได้ขายไปหมดแล้วในรัฐบาลนี้ กก.ละ 25 บาท ถ้าขายจริงๆจะได้เงินประมาณ 2.5 แสนล้านบาท เมื่อนำมาหักทอนกันได้กับเงินหมื่นล้านบาท ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะไม่ต้องชดใช้เลย

ทีมทนายเล็งขอพิจารณาคดีใหม่

นายนรวิชญ์กล่าวว่า การจำหน่ายข้าวส่วนนี้ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ เราพยายามยื่นเข้าไปในคดีนี้แล้ว แต่มันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว ศาลจึงไม่ได้รับไว้ แต่ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ ทีมทนายจะหารือกันว่า จะนำประเด็นนี้ไปขอพิจารณาคดีใหม่ได้หรือไม่ เราจะดำเนินการในส่วนนี้จนถึงที่สุด เพื่อขอความเป็นธรรมให้อดีตนายกฯ” นายนรวิชญ์กล่าวและว่า ต้องมีการยื่นขอพิจารณาคดีใหม่ภายใน 90 วัน ตามมาตรา 75 พ.ร.บ.จัดตั้งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง หากศาลไม่รับพิจารณาใหม่สิ้นสุด แต่เราพยายามสู้ให้ท่านเต็มที่ เพื่อคืนความเป็นธรรมแก่ท่าน ต้องยอมรับว่าข้าว 18.9 ล้านตันมีบางช่วงในรัฐบาลปี 58-62 มีการนำข้าวดีไปจัดเกรดขายเป็นข้าวเน่าทำให้ตอนนั้นไม่ได้ราคา ขาย กก.ละ 3-5 บาท ต่างจากยุคกระทรวงพาณิชย์ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.ขายได้ราคาถึง กก.ละ 18 บาท ได้เงินประมาณหมื่นล้านบาท แต่ยอดรวมที่ขายมาทั้งหมดกว่า 2 แสนล้านบาท เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตกระทรวงพาณิชย์รัฐบาลนี้ ขายข้าวต้องการกลบหนี้ช่วยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนรวิชญ์กล่าวว่า ต้องถามกลับว่าใครเป็นคนซื้อ เอกชนเป็นคนซื้อ คงไม่มีใครเอาเงินมากลบ ถ้าคิดแบบตรรกะธรรมดา

จ่อยื่นขอคืนทรัพย์สินกรรมสิทธิ์ร่วม

เมื่อถามถึงทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกอายัดไว้มีมูลค่าเท่าไหร่ นายนรวิชญ์กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึด อายัดและขายไปเกือบหมดแล้ว มูลค่าจำไม่ได้ คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้ยกคำสั่งกระทรวงการคลัง ในส่วนที่เกิน 1 หมื่นกว่าล้านบาท เมื่อถามถึงส่วนที่ศาลกันส่วนทรัพย์สินของสามี น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอะไรบ้าง มีมูลค่าเท่าไหร่ นายนรวิชญ์กล่าวว่า กันส่วนเกือบทุกรายการ ถือว่าเป็นทรัพย์สินอะไรก็ตามที่ได้มาหลัง พ.ย.38 ศาลให้กันส่วนทั้งหมด ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม ทรัพย์สินส่วนที่ต้องคืนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ และไม่มีกำหนดว่าต้องคืนให้ภายในกี่วัน ต้องไปว่ากันในส่วนของการบังคับคดี คู่ความจำเป็นต้องไปดำเนินการ กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพหลัก กรมบังคับคดีเป็นคนยึดให้ตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯขณะนั้น แต่ขอดูรายละเอียดก่อนว่าจะยื่นต่อกระทรวงการคลังหรือกรมบังคับคดี

“ปู” พ้อใครจะกล้าทำนโยบายเพื่อ ปชช.

ต่อมาเวลา 17.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯโพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาสรุปว่า วันที่ 22 พ.ค.ปีนี้เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร เป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำวินิจฉัยให้ชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าตนไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย คำวินิจฉัยวันนี้ทำให้ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ หัวหน้าฝ่ายบริหารต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาในคดีของตนว่าปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าวได้แถลงต่อรัฐสภา รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเจตนาช่วยเหลือให้พี่น้องชาวนาได้ลืมตาอ้าปาก มีครอบครัวชาวนาได้ประโยชน์จำนวนมาก แต่กลับถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดความเสียหาย ต่อไปใครจะกล้าคิดนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่เข้าไม่ถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อีก

หนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตไม่มีวันหมด

น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า ไม่มีเจตนาจะทำให้โครงการเสียหาย การดำเนินโครงการแต่ละขั้นตอน เกี่ยวข้องกับหน่วยงานและบุคลากร ไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าฝ่ายบริหารจะไปแทรกแซง แต่กลับต้องรับผิดชอบความเสียหายเพียงลำพัง หากจะบอกว่าสิ่งนี้คือความเป็นธรรม เป็นเรื่องยากที่ตนจะเข้าใจและยอมรับได้ หนี้ 10,000 ล้านบาท ชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด การทุ่มเททำงานแบกรับแรงเสียดทานทั้งทางการเมืองและอีกหลายรูปแบบเพื่อค้ำยันราคาข้าว เพื่อพี่น้องชาวนาได้มีชีวิตที่ดีกว่า กลับมีบทสรุปที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับตน โครงการรับจำนำข้าวบริหารร่วมกันเป็นคณะกรรมการ

ยึดอำนาจยัดคดียึดทรัพย์ใครไม่โดนไม่รู้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุอีกว่า การตัดสินให้ตนในฐานะนายกฯต้องชดใช้ค่าเสียหาย ยังมีคำถามว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หลังรัฐประหารมีข่าวว่ารัฐบาลเวลานั้นเอาข้าวดีไปขายเป็นข้าวเน่า ข้าวที่เหลือในโกดัง 18.9 ล้านตัน ถูกขายในราคาต่ำกว่าที่ควรได้รับมูลค่าส่วนต่างนับ 100,000 ล้านบาท แต่ไม่ปรากฏความคืบหน้าการตรวจสอบ และหาคนรับผิดชอบไม่ได้จนปัจจุบัน ตลอดเวลา 11 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่จำต้องพบเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือ ยึดอำนาจ ยัดคดี อายัดทรัพย์ และเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาบังคับให้ใช้หนี้ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คงไม่มีใครรู้ แต่ถึงกระนั้นจะเรียกร้องต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในชีวิตจนถึงที่สุด ตามกฎหมายที่พึงกระทำได้ ถ้านายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ยังไม่อาจเข้าถึงความยุติธรรมที่แท้จริง ไม่มีหลักประกันใดๆ สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเช่นกัน

“อ้วน” ชูหลักฐานช่วงนั่ง พณ.เป็นข้อต่อสู้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การพิจารณาศาลยังไม่ได้วางกรอบระยะเวลา น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังพิสูจน์ทราบได้ ที่เคยขายข้าวได้ 200 กว่าล้านบาท เป็นมาตรการหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าจริงๆวิธีคิดตั้งแต่แรกมีปัญหาในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น คิดว่าการใช้มาตรฐานที่ตนได้ทำไปแล้วพิสูจน์ว่าข้าว 10 ปียังขายได้ กก.ละ 18 บาท ไม่ใช่เอาไปขายแบบที่เคยเกิดขึ้น กก.ละ 5-6 บาทตรงนี้ถ้าพิสูจน์ทราบได้ชัดเจนมากขึ้น คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมีโอกาสได้ทบทวน นำมาหักลบอะไรต่างๆได้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นหลักฐานใหม่ที่ควรค่าแก่การมาพิจารณา ชดเชยได้อยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าจะใช้ตัวเลขไหนคำนวณราคาข้าว

ขออย่าโยงการเมืองมีผล 13 มิ.ย.

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ข้าวที่นำมาขายเราเชื่อว่าเป็นข้าวดีทั้งนั้น พอไปขายได้ราคา 5-6 บาท/กก.มันต้องแย่จริงๆ ต้องเน่ามาก ไปพิสูจน์เป็นสมมติฐานว่าตนไปดูข้าวลอตสุดท้ายเป็นเวลานานที่สุดแล้ว ไปขายได้ กก.ละ 18 บาท ต้องเป็นข้อสงสัยได้ว่าแล้วทำไมข้าวที่ระยะเวลาสั้นกว่านั้นเกือบ 10 ปี ทำไมจึงขายได้ต่ำกว่าถึง 5-6 บาท/กก.ต้องพิสูจน์ทราบตรงนี้ เป็นโอกาสที่ศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้น นี่พูดในมุมมองอาจจะเป็นหลักฐานใหม่ ไม่ได้ไปล่วงละเมิดการตัดสินของศาล เมื่อถามว่ามิติการเมืองถือเป็นสัญญาณไม่ค่อยดีจะส่งผลไปถึงวันที่ 13 มิ.ย.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในการรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เครียดไปๆ ไปดูเป็นมิติการเมืองเรื่อย เป็นเรื่องการขายข้าวและการทำให้ถูกกฎหมาย อย่าไปมองเป็นมิติการเมือง มันไม่ได้ไปทางนั้น

“อธิบดี DSI” รายงาน “ชูศักดิ์” คดีสว.

เมื่อเวลา 11.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รักษาราชการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เข้าพบว่า พ.ต.ต.ยุทธนามารายงานว่ามีภารกิจอะไรบ้าง รวมทั้งความคืบหน้าทั้งคดีเลือก สว. ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม และดิไอคอน คดีเลือก สว.มีคดีฟอกเงิน รวมถึงคดีอั้งยี่ ดีเอสไอรับผิดชอบ ส่วนคดีฮั้วเลือก สว.ที่สื่อใช้เรียกเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังเดินหน้าไป ได้ให้นโยบายให้ดีเอสไอทำตามอำนาจหน้าที่ และทำหน้าที่ให้ถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย ตรงไปตรงมา เมื่อถามว่าดีเอสไอได้รายงานเส้นทางการเงินที่เชื่อมถึงนักการเมืองและพรรคการเมืองด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้เข้าไปดูในรายละเอียด ได้บอกว่าไม่อยากทราบรายละเอียด ไม่มีทีมงานรัฐมนตรีไปขอสำนวน ให้เป็นเรื่องของสำนวน ไม่เข้าไปก้าวก่าย เขามีหน้าที่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เที่ยงธรรม จะทำหน้าที่ตามกฎหมายโดยไม่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง

“ยุทธนา” ไม่หนักใจไร้กังวลเจอตอ

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีดีเอสไอกล่าวถึงกรณีกลุ่ม สว.22 คนลงนามร่วมกันยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวกับการเลือก สว.ว่า ไม่กังวล เพราะดำเนินการตามกรอบ กฎหมายและตามอำนาจหน้าที่ พร้อมจะได้รับการตรวจสอบ หลายเรื่องที่ดีเอสไอทำอยู่ ไม่มีเรื่องไหนที่หนักใจ เพราะเราทำเป็นรูปของคณะกรรมการสอบสวน มีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เราให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เมื่อถามว่ามีคดีใดน่าจะเจอตอบ้างหรือไม่ นายยุทธนาหัวเราะก่อนตอบว่า ทุกเรื่องเราทำไปตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญหรือ ป.ป.ช.เคยเรียกไปชี้แจงบ้างหรือไม่ นายยุทธนากล่าวว่า มีหนังสือให้เราไปชี้แจง เรามีฝ่ายกฎหมายรวบรวมเอกสารประกอบการชี้แจงอยู่แล้ว ส่วนวันที่ 30 พ.ค. จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.อีก 3 คน ไม่กังวล เพราะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย

ดีเอสไอแจงคุ้ยเส้นเงินชอบด้วย ก.ม.

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค โฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตั้งข้อสังเกตว่านางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง เหตุใดมีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินของดีเอสไอ มีใครในดีเอสไอส่งให้หรือไม่ว่า พนักงานสอบสวนมีอำนาจหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงพยานหลักฐานทุกชนิด การได้มาของพยานหลักฐาน มีทั้งทำหนังสือขอและการสืบสวน ที่สำคัญคือการรวบรวมพยานหลักฐานโดยชอบด้วยกฎหมาย เราใช้การทำงานแบบมืออาชีพในการเก็บรวบรวมหลักฐาน กรณีนางกุสุมาลวตียื่นคำร้องขอรับการคุ้มครองพยานดีเอสไอมีกลไกคุ้มครองพยานอยู่ ส่วนพยานรู้เห็นข้อเท็จจริงส่วนไหนเป็นเรื่องที่ไปห้ามไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของท่านที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง

กกต.ส่งหมายเรียก 24 สว.ลอตสาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของ กกต.ได้ออกหมายเรียกสว.เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสว.เป็นลอตที่ 3 ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ค.มีดังนี้ 1.นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด จ.ปัตตานี กลุ่ม 3 การศึกษา 2.นายสามารถ รังสรรค์ จ.สตูล กลุ่ม 3 การศึกษา 3.นายบุญชอบ สระสมทรัพย์ จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่ม 4 สาธารณสุข 4.นายวันชัย แข็งการเขตร จ.อุทัยธานี กลุ่ม 4 สาธารณสุข 5.น.ส.อมร ศรีบุญนาค จ.ชัยนาท กลุ่ม 5 ทำนา 6.นายพิมาย คงทัน จ.บึงกาฬ กลุ่ม 5 ทำนา 7.นายสาลี สิงห์ดำ จ.สุรินทร์ กลุ่ม 5 ทำนา 8.น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่ม 6 ทำสวน 9.นายอิสระ บุญสองชั้น จ.ศรีสะเกษ กลุ่ม 6 ทำสวน 10.น.ส.วิภาพร ทองโสด จ.เลย กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 11.นายชวภณ วัธนเวคิน จ.ตราด กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 12.นายชินโชติ แสงสังข์ จ.พระนครศรี อยุธยา กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 13.นายประกาสิทธิ์ พลซา จ.เลย กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 14.นายนิรัตน์ อยู่ภักดี จ.ชัยภูมิ กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ

กระจายหลากหลายกลุ่มอาชีพ

15.นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม จ.พิจิตร กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 16.นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ กทม. กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 17.นายสัมพันธ์ ชัยวิเศษจินดา จ.ราชบุรี กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 18.นางเบ็ญจมาศ อภัยทอง จ.พิจิตร กลุ่ม 9 SMEs 19.นางวรรษมนต์ คุนแสน จ.บุรีรัมย์ กลุ่ม 9 SMEs 20.นายชัยธัช เพราะสุนทร จ.ฉะเชิงเทรา กลุ่ม 9 SMEs 21.นายพิชาญ พรศิริประทาน จ.ยะลา กลุ่ม 9 SMEs 22.นายนิทัศน์ อารีย์วงศ์สกุล จ.อ่างทอง กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น 23.นายสุนทร เชาว์กิจค้า จ.กระบี่ กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น 24.นายโสภณ มะโนมะยา จ.สงขลา กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น

“เบ็ญจมาศ” ปัดเชื่อมโยง ภท.ฮั้ว สว.

นางเบ็ญจมาศ อภัยทอง สว.กล่าวถึงกรณีถูกเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาฮั้ว สว.ในวันที่ 29-30 พ.ค.ว่า ยังไม่เห็นหมายเรียก แต่ทราบจากข่าวแล้ว พร้อมไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ กกต. แต่วันที่ 29-30 พ.ค.ที่ กกต.นัดมาคงไปไม่ได้ เพราะ สว.มีประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ต้องเลื่อนไปก่อน แต่ยืนยันว่ามาอย่างถูกต้องตามกระบวนการ ไม่มีการฮั้ว ที่ผ่านมาเคยไปชี้แจงต่อ กกต.แล้ว กรณีถูกร้องคุณสมบัติผู้สมัครกลุ่ม 9 ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมว่าไม่ได้เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจริง การได้รับเลือกเป็น สว.กลุ่ม 9 เพราะทำงานภาคสังคม จ.พิจิตร มาเกือบ 20 ปี เป็นทั้งประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้าน องค์กรสตรีและชุมชนต่างๆ มีเครือข่ายและคนรู้จักมาก ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับพรรค ภท. แต่ยอมรับรู้จักกับ สส.ภูมิใจไทย จ.พิจิตร เพราะเจอกันตามงานสังคม และประชุมงานต่างๆ แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือให้ได้รับเลือกเป็น สว.

“นิรัตน์” มั่นใจในความบริสุทธิ์

นายนิรัตน์ อยู่ภักดี สว. เปิดเผยว่า ได้รับหมายเรียกจาก กกต. เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ให้ไปชี้แจงวันที่ 29-30 พ.ค. ยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด คิดว่าเขาคงเรียกไปทั้งหมด เพราะไม่มีฝ่าย หากเรียกคนหนึ่งไม่เรียกอีกคนหนึ่ง จะถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง

ขณะที่นายชินโชติ แสงสังข์ สว. กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจาก กกต.เช่นกัน จะไปรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงในวันที่ 29 พ.ค. เวลา 10.00 น. เขาอาจจะดูที่คะแนนที่ได้รับจากการเลือกมาเพราะคะแนนตนสูงอันดับหนึ่งรองจาก น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย คิดว่าน่าจะเรียกทุกคน แต่ลอตนี้ไม่มีคนเด่นๆ คนธรรมดามาก เพื่อดูว่าใครให้ข้อมูลดี แก้ข้อกล่าวหาได้ก็ดีจะได้บริสุทธิ์ไปเลย จะเดินทางไปในวันที่ 29 พ.ค. เวลา 10.00 น.

“นภินทร” ลั่นไม่กังวล พร้อมชี้แจง

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำร้องยุบพรรค ภท.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. และยังพบหลักฐานเส้นทางการเงินโยงนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ว่า ในเรื่องเส้นทางการเงินไม่ทราบ แต่หากมีหลักฐานให้แสดงออกมา การเลือก สว. ไม่มีพรรค ภท.เข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน ไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหา ไม่กังวลในเรื่องนี้ ทั้งนี้ได้รับหนังสือจากอนุคณะกรรมการ กกต. ให้ไปชี้แจงกรณีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องการฮั้วเลือก สว.เรียบร้อยแล้วเมื่อเช้าวันที่ 22 พ.ค. ส่งไปที่บ้าน จ.ราชบุรี พร้อมชี้แจงและแสดงข้อเท็จจริงแน่นอน สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ไม่กังวลที่จะเข้าพบ กกต. ส่วนการที่อนุกรรมการ กกต.ส่งหนังสือไปยัง สส.ของพรรค ภท.ทั้ง 10 ท่าน อยากให้มองว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องของบุคคล อย่ามองเป็นเรื่องของพรรค และยังไม่ทราบว่าท่านอื่นได้รับจดหมายแล้วหรือไม่

“เทวฤทธิ์” ยื่นเลื่อนคัด กก.องค์กรอิสระ

เมื่อเวลา 14.20 น. ที่รัฐสภา นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ แถลงว่า ได้ยื่นญัตติชะลอการพิจารณาตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบประวัติศาลรัฐธรรมนูญ กกต.และการให้ความเห็นชอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันเปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญวันที่ 29-30 พ.ค. ต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแล้ว หากประธานวุฒิสภาบรรจุระเบียบวาระ จะลุกขึ้นเสนอญัตติด้วยวาจาขอให้เลื่อนญัตตินี้ออกไปก่อน สว.กลุ่มใหญ่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่อีกด้านเป็นผู้ให้ความเห็นชอบองค์กรที่ต้องไปตัดสินคดีที่เขาเป็นคู่กรณี ถือเป็นคู่ขัดแย้งกันแล้ว จึงควรชะลอไว้ก่อนตามหลักผลประโยชน์ทับซ้อน มีข้อกังวลวันที่ 22 พ.ค.เป็นวันครบ 11 ปีของการรัฐประหาร กลุ่มต่างๆทางการเมืองไม่ว่าแดง น้ำเงินหรืออะไรแล้วแต่ ทำให้ประชาชนมีคำถามทั้งกับฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะ สว.ว่ามีความชอบธรรม ทำหน้าที่มีปัญหาหรือไม่

โฆษก ทสท.สับงบฯ 69 ละลายแม่น้ำ

วันเดียวกัน นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 ว่า ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อเจาะลงรายละเอียด เห็นการใช้งบฯที่ไม่ตอบโจทย์รับมือกับสถานการณ์ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว ยังส่อถึงการตั้งงบฯน่าสงสัยหลายกระทรวง โดยเฉพาะงบฯก่อสร้างและงานไอทีเกือบทุกหน่วยงาน ตั้งงบฯ รีโนเวต ซื้อคอมพิวเตอร์ พ่วงโปรแกรมต่างๆอ้างใช้คำว่า “ดิจิทัล” บางกระทรวงรวมกันเกือบ 10% ของงบฯทั้งกระทรวงน่าเกลียดมาก หลายโครงการเป็นงบฯผูกพันชวนสงสัย เช่น งบฯเช่ารถผูกพัน 2 ปีงบฯ และยังมีงบฯระบุ KPI ไม่ได้ เช่น งบฯส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ที่ยังไม่มี พ.ร.บ.รองรับ บางกระทรวงอ้างถึงการส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น หรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้งบฯทับซ้อนกันไปในหลายหน่วยงาน เมื่อรวมกันแล้วเป็นงบฯสูงมาก รัฐบาล พท.ไม่ได้จัดการปัญหาโครงสร้างในงบฯเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่เตรียมการรับมือปัญหาที่น่าจะเกิดขึ้น เช่น สินค้าเกษตรตกต่ำ ตั้งงบฯไว้รับมือน้อยมาก เหมือนเป็นงบฯส่งท้าย เพราะตั้งโครงการผูกพันอย่างมีนัยสำคัญหลายโครงการ ทั้งในกระทรวงคมนาคมและสาธารณสุข

นายกฯต่อยอดมวยไทยในต่างแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในการเยือนสหราชอาณาจักร ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. เวลา 14.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง น.ส.แพทองธารไปที่ค่ายมวยไทย Fight City Gym สาขา Moorgate เข้าพบเจ้าของและผู้บริหาร ครูผู้ฝึกสอนค่ายมวยไทย โดย น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์สรุปว่า มวยไทยเป็นที่นิยมในอังกฤษ มีค่ายสอนศิลปะป้องกันตัว 4,000 แห่ง ที่สอนเฉพาะมวยไทยมี 500 แห่ง กรุงลอนดอนมีค่ายมวยไทยกว่า 50 แห่ง มีครูมวยชาวไทยมาฝึกสอน มวยไทยเป็นทั้งทูตวัฒนธรรม และเป็นกีฬาที่นำอาชีพ ทำรายได้ สิ่งที่ทีมไทยแลนด์ได้พูดคุยคือการพัฒนาหลักสูตรให้ได้มาตรฐาน ผู้สอนได้มาตรฐาน ผ่านการอำนวยความสะดวกการขอวีซ่า การขออนุญาตเปิดค่ายมวยไทยและใบอนุญาตทำงาน รัฐบาลจะเดินหน้าเต็มที่ ให้ กกท.และคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านมวยไทย เร่งหาแนวทางเพื่อทำระบบบริหารจัดการที่ประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ค่ายมวยที่ต่างประเทศพัฒนานักกีฬาจนเป็นนักกีฬามวยมืออาชีพ และสนับสนุนงบฯเพื่อต่อยอดพัฒนากีฬาไทย

ดันวัตถุดิบไทยไปทั่วทุกมุมโลก

จากนั้นเวลา 16.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น น.ส.แพทองธารไปที่ห้างค้าปลีก Wing Yip Superstore สาขาคริกเกิลวูลเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมสินค้าไทยหมวดสินค้าเกษตรและอาหาร โดย น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า เป้าหมายรัฐบาลจะผลักดันนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก-Kitchen of the World” ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทาง อยากเห็นวัตถุดิบไทยอยู่ในครัวของผู้คนจากทุกมุมโลกจริงๆ การพบทีมบริหารซุปเปอร์สโตร์ Wing Yip ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยต่อปีราว 500 ล้านบาท เป็นโอกาสที่ดีและสำคัญมาก ที่ได้หารือถึงแนวโน้มการนำเข้า การขยายโอกาสสินค้าไทยในซุปเปอร์สโตร์ คนต่างชาติชอบผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งของไทย แต่ยังขาดการนำเข้าจากไทย ไทยมีศักยภาพเรื่องนี้ จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยกันหาแนวทางทั้งคุณภาพและการเก็บรักษาให้นานขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยได้ทั้งปี นี่คือจุดเริ่มต้นการพาวัตถุดิบไทยส่งไปยังครัวของทุกมุมโลก

เร่งเพิ่มศักยภาพอาหารไทย

ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน น.ส.แพทองธาร เป็นประธานการหารือกับผู้นำเข้ารายใหญ่ของสหราช อาณาจักร เพื่อหารือเพิ่มโอกาสส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรไทยไปยังสหราชอาณาจักร โดย น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า อีกหนึ่งทูตวัฒนธรรมไทยในต่างแดน คือร้านอาหาร คนต่างชาติที่เข้ามาไม่ได้รับแค่อาหารที่อร่อยรสชาติไทย แต่มีบรรยากาศโดยรอบแสดงความเป็นไทย Thai SELECT เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่รัฐบาลต้องการผลักดัน เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์นี้ที่ไหนในทุกมุมโลก แปลว่านี่คือร้านอาหารไทย หรือผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ให้รสชาติไทยแท้ ได้พูดคุยกับทีม BOI และภาคเอกชนที่ทำตลาดสินค้า อาหารและวัตถุดิบในตลาดยุโรป โดยเฉพาะเพิ่มศักยภาพร้านอาหารไทย ให้ได้มาตรฐาน Thai SELECT หารือกันถึงแนวทางขยายโอกาสทางการค้า ผลักดันมูลค่าการค้าของสินค้าเกษตรและอาหารไทย และแนวทางความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ภาครัฐจะนำไปหารือกันและเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อขยายกลไกการตลาด พัฒนากระบวนการขนส่งให้มีมาตรฐาน ส่งสินค้าทางไกลแต่ยังคงความสดใหม่และคุณภาพสินค้าได้ มาตรการทางภาษี รวมถึงโควตานำเข้าและเร่งเจรจา FTA Thai-UK เพื่อทำให้การค้าขายระหว่างประเทศดีมากขึ้น

ยกระดับท่องเที่ยวในไทยผลักดัน ศก.

ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พูดคุยกับบริษัทชั้นนำด้านการท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร อาทิ ผู้บริหารจากสายการบิน British Airways ผู้บริหารสายการบิน Emirates ผู้บริหารบริษัทนำเที่ยว Trailfinders และผู้บริหารบริษัทนำเที่ยว DNATA จากนั้น น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์สรุปว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก มีแผนงานตั้งแต่ทำแผนท่องเที่ยวแบบ Man Made Destination หรือการทำโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและอื่นๆรองรับ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ๆ นักท่องเที่ยวยุโรปเป็นหนึ่งในนั้น 4 เดือนแรกปีนี้นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน เฉพาะอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส เติบโตกว่า 20% จาก ปีที่แล้ว ได้หารือการส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทย ปีนี้ตัวเลขการท่องเที่ยวตกลงเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและภัยพิบัติ แต่รายได้ท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 5% สะท้อนนโยบายมุ่งเน้นคุณภาพได้ผล การท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญผลักดันเศรษฐกิจไทย เราจะเดินหน้าทุกทางเพื่อเปิดโอกาสใหม่ ความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยแข็งแรงขึ้น

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่