ปฏิทินตามโบราณราชประเพณี พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ สัญญาณประเทศไทยเข้าสู่ห้วงฤดูกาลไถหว่านนาข้าวชาวนา ชาวไร่ เกษตรกร ได้เวลาหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินปีนี้พระยาแรกนาตั้งสัตยาธิษฐานหยิบผ้านุ่ง หยิบผ้านุ่งได้ 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดีการเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยง “กินน้ำ หญ้า” พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอควร พร้อมด้วยธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี “กินเหล้า”การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองเรื่องของการเอาฤกษ์เอาชัยในฤดูเพาะปลูกของเมืองเกษตรแบบไทยๆ ในขณะที่สภาพลมฟ้าอากาศแบบที่สัมผัสได้ ฝนตกฉ่ำก่อนเข้าฤดูอย่างเป็นทางการ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานข้อมูลจากภาพถ่ายทางดาวเทียม พายุฤดูร้อนยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลายพื้นที่เจอทั้งลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนหนักบางแห่งน้ำท่วม อุทกภัย นิ่งนอนใจไม่ได้ ต้องเตรียมรับมือภัยพิบัติกันแต่เนิ่นๆถึงเวลาจะได้ไม่หูตาตื่น วิ่งรับมือกันไม่ทัน ในสภาพวิกฤติซ้ำซ้อน หนีไม่พ้นเดือดร้อนงบประมาณแผ่นดินที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ยสถานะทางการคลังของประเทศกำลัง “ถังแตก” บักโกรกหนักตัวเลข “รายรับ” หดหาย กองเรือส่งออกชะงัก เครื่องยนต์ตัวที่สองสำลัก สถานการณ์นักท่องเที่ยวลดฮวบฮาบ เครื่องยนต์ตัวที่หนึ่งสะดุด สภาพใกล้วิกฤติติดๆดับๆถึงจุดที่ ครม.ต้องลักไก่แอบขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละ 1 บาท แบบไม่ให้ชาวบ้านทันรู้เนื้อรู้ตัว เพราะจำเป็นต้องหารายได้เติมกระเป๋าที่ฉีกแล้วฉีกอีกกรมสรรพสามิต กรมสรรพากร เก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าสวนทางรายจ่ายอื้อซ่า อารมณ์เดียวกับชาวบ้านต้องวิ่งหาเงินจ่าย “หนี้นอกระบบ” รายวัน รัฐบาลต้องดิ้นหาเงินจ่ายรายเดือนหัวปั่น ตามตัวเลขหนี้สาธารณะทะลัก 64 เปอร์เซ็นต์ จ่อเต็มเพดานร้อยละ 70 ต่อจีดีพีมูดีส์ ไอเอ็มเอฟ เวิลด์แบงก์ บิ๊กเศรษฐกิจโลกพากันส่งซิกเตือนอันตรายถึงจุดที่ผู้นำโชว์ “มั่น” ยังไง ก็ไม่กล้าฝืนท้าทาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และทีมเพื่อไทยต้องยอมโดนด่า เสียฟอร์ม เสียหน้า เสียคะแนน เสียคำพูดถอยกรูด เบี้ยวเทกระจาดเงินหมื่นเฟส 3 กลุ่มอายุ 16–20 ปีพวกรอลุ้นโปรโมชัน มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แหงนคอรอไปก่อน เพราะต้องกั๊กเงิน 1.5 แสนล้าน ไว้เป็นทุนฉุกเฉินในการประคองตัว สู้มหาวิกฤติเศรษฐกิจจากสงครามการค้า แนวรบกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาขืนแจกมั่ว ไม่เหลือกระสุนนัดสุดท้ายในรังเพลิง จะพากันเจ๊งทั้งประเทศเศรษฐกิจหนักหนาสาหัสจากปัจจัยภายนอกประเทศเหนือการบริหารจัดการ กดดันรัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกฯ คนลูก” หายใจหายคอไม่ทัน จังหวะจะหันไปพึ่งพา “นายกฯคนพ่อ” อย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน ก็น่าจะกำลังเครียดหนัก ไม่มีแก่จิตแก่ใจกับสภาพ “ส.ท.ร.” ที่โดนดับซ่า ต้องเดี้ยงหนัก เจอปักชนักขยับไม่ออกโดยเฉพาะดอกล่าสุดที่น่าจะทำเอาสะท้านไปถึงทรวงใน เมื่อที่ประชุมแพทยสภามีมติ “ลงดาบฟัน” แพทย์ 3 ราย โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐานและลงโทษหนักรุนแรง ถึงขั้น “พักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม” หมอ 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริงโดยระดับแพทย์เบอร์ใหญ่อย่าง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา แถลงข่าวด้วยตัวเอง ยืนยันมติแพทยสภาที่ออกมาเสียงส่วนใหญ่จำนวนมาก ในการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นที่สนใจของประชาชนด้วยจรรยาบรรณแพทย์ ไม่พูดตรงๆแต่ประชาชนทั่วไปก็เข้าใจตรงกันคือกรณีเกี่ยวโยงกับนายทักษิณ ที่ได้สิทธิออกจากเรือนจำไปพักรักษาตัวอยู่หอผู้ป่วยพิเศษ “วีไอพี ชั้น 14” โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบกับข้อมูลที่ระบุจำเพาะหมอคนที่โดนพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมคือ “แพทย์เฉพาะทางและออร์โธปิดิกส์”มันก็ตรงตามอาการ “นายใหญ่” ที่ป่วย “เอ็นเปื่อยยุ่ย” ต้องสวมเฝือกคอแน่นอนโดยมติของแพทยสภา “เติมน้ำหนักข้อเท็จจริง” น่าจะมีผลต่อรูปคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งนัดพร้อม ไต่สวนพยาน หลักฐาน โจทย์ จำเลย คดีการรักษาตัวชั้น 14 ของนายทักษิณ ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้เมื่อองค์กร “หมออาชีพ” ยืนยันชัดเจนว่า แพทย์ที่ทำการรักษา “นายใหญ่” ส่อกระทำผิดจรรยาแพทย์ ออกใบรับรองคนไข้ต้องราชทัณฑ์ ได้สิทธิออกจากเรือนจำไปรักษาตัวภายนอกทั้งๆที่ไม่มีเอกสารเวชระเบียนบ่งชี้ชัดๆถึงอาการของผู้ป่วยขั้นวิกฤติงานนี้ “นายกฯคนพ่อ” หนาวๆร้อนๆในการลุ้นดุลพินิจศาลฯ แถมยังลากพวกมีเอี่ยวในขบวน “ป่วยทิพย์” ติดร่างแหเป็นพรวน ไล่ตั้งแต่แพทย์ผู้ตรวจร่างกายนายทักษิณ ก่อนอนุมัติออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจทั้งอดีตและปัจจุบัน ผู้อำนวยการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปจนถึงฝ่ายบริหารอย่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หรือลามลึกไปถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม คาบลูกคาบดอกไปมัดคอ “เนติบริกร” อย่างนายวิษณุ เครืองาม ในฐานะอดีตรองนายกฯรักษาการ รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯตามอาการ “โบ้ยออกอากาศ” เห็นๆ อย่างที่ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันการส่งตัว “นายใหญ่” เข้าเช็กอินชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เกิดก่อนที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี 1 เดือนแล้ว จึงน่าจะถามรัฐมนตรีคนก่อน เนื่องจากตนเองไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้นไม่ทันขึ้นศาลก็ดิ้นหนี ออกลีลาโยนเผือกร้อนใส่กันจะจะสภาพยิ่งกดดัน ตามกระบวนการแพทยสภาต้องเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ ที่มีนายสมศักดิ์ ในฐานะรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการต่อไป ตามขั้นตอน พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 จะมีการดึงจังหวะ กล้าเตะถ่วง หรือไม่เดิมพันชี้ชะตาขบวนหาม “นายใหญ่” เช็กอินชั้น 14 “วัดใจ” นายสมศักดิ์ จะโชว์เชิงเก๋าเกมมุมไหนในจังหวะต้องโดนฝ่ายต่อต้านดักทาง หนีไม่พ้นสังคมเฝ้าจับตากระบวนยุทธ์ “ดื้อแพ่ง” เหลี่ยมยื้อกฎหมาย ท้าประลองอำนาจ ในภาวะโดนต้อนเข้าจนมุมสุดกระดานตามฟอร์มธรรมชาติ มันจำต้องสำแดงลูกเขี้ยวหนีโดนล็อก ดิ้นหาทางรอดกันทุกประตูอะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็จะได้เห็น อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้วแนวโน้มปรากฏการณ์ “ขบเหลี่ยมอำนาจ” กันเองในหน่วยงานรัฐ อาการขึงพืดอำนาจกันในหมู่องค์กรอิสระที่อ้างกฎหมายในมือของใครของมัน ฟัดกันมั่วไปหมดเซ่นเกมชิงผลประโยชน์ ถวายหัวรับใช้ “นักเลือกตั้งอาชีพ”เกมแย่งธงนำขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมกำลังลากประเทศไทยเข้าโซนอำนาจรัฐล้มเหลวตามภาพข่าวแปลกๆ เจ้าหน้าที่ชุดกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่มาจากคณะกรรม การการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แบ่งกำลังบุกบ้านเป้าหมาย ในการนำหมายเรียกของ กกต.เข้าพื้นที่เพื่อเชิญตัวสมาชิกวุฒิสภา ดำเนินการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา “โกง”ไล่บี้จำเลยคดี “โพยฮั้ว สว.” ตามเค้นคอ 60 สว.ที่อยู่ในขบวนการล็อกโหวตปะทุศึกโค่นกระดาน สว.น้ำเงินในคาถา “เจ้าพ่อเขากระโดง” ตามบทดุดันที่ พ.ต.อ.ทวี ในฐานะ “ม้าใช้ข้ามค่าย” ของ “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” ขึงขังใส่ทีมสิงห์คลองหลอด ไม่ไว้หน้า “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่ออกลูกกั๊ก ดักสกัดการไล่สอบพยาน หลักฐานลุยมัดคอนักการเมืองใหญ่ในจังหวัดอำนาจเจริญ อ่างทอง สตูล รัฐมนตรีขาใหญ่ของก๊วนเซราะกราวเงื้อดาบขู่พวกขวางทาง ระวังโดนเช็กบิล มาตรา 157ยุทธการโค่นกระดาน สว.เขากระโดง เลยจุดรอมชอม บีบข้าราชการต้องแทงหวย “เต็ง” เลือกข้างเดิมพัน ตามรูปการณ์ ไม่ สว. กกต. ดีเอสไอ รมว.ยุติธรรม ต้องไปจบที่คดีใช้อำนาจโดยมิชอบไม่ “ทักษิณ” ก็ “เนวิน–อนุทิน” ต้องหมอบหรือถึงขั้นพังกันไปข้างอีกจุดที่ไฟกำลังโหมแรง ลามไหม้เก้าอี้ของ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เจอมรสุมหนัก ทั้งปมแจกถุงยังชีพติดชื่อตัวเองหรา เสี่ยงผิดกฎหมาย ป.ป.ช. แค่นั้นไม่พอ ยังมีชนักปักปมถือหุ้นในบริษัทในห้วงเวลาคาบเกี่ยวรับตำแหน่งรัฐมนตรี ติดเงี่ยงกฎหมายถือหุ้นสื่อกระพือหัวเชื้อปฏิบัติการถอนรากถอนโคน โดย “คนวงใน” ปล่อยข้อมูลมัดแน่นๆจังหวะ “เสี่ยตุ๋ย” ลุยศึกหักดิบกับ “สปอนเซอร์ใหญ่” ที่แตกหัก ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบพรรคร่วมปะทุไฟแตกหัก เต็มไปด้วย “สนิมเนื้อใน” ลามกัดเซาะ “ผุกร่อน” แทบทุกพื้นที่ของรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร สถานการณ์เครื่องรวน ติดๆดับๆสภาพไร้พลังอัดฉีดดิจิทัลวอลเล็ต หมดแรงเข็นโคตรโปรเจกต์เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขบเหลี่ยมอำนาจ นับถอยหลัง “เพื่อนกิน” วงแตก.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม