แค่ “เลื่อนนัด” หรือยัง “ไม่รับนัด” กันแน่ เครื่องหมายคำถาม ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนพ่อ เผยไต๋เอง การเจรจาเคลียร์ปมกำแพงภาษีระหว่าง “ทีมไทยแลนด์” กับทีม “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ติดปัญหาใหญ่โยงกับการที่กองทัพไทยแจ้งจับ “พอล แชมเบอร์ส” นักวิชาการคนดังชาวอเมริกัน ในข้อหาความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112รวมไปถึงการส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปให้รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ที่รัฐบาลเพื่อไทยถูกสหรัฐฯและชาติตะวันตก “ประณาม” การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ผลักไทยไปอยู่ข้างรัฐบาลปักกิ่งนี่คือ “ข้อเท็จจริง” ที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนลูก ไม่ได้เปิดเผยให้สังคมทั่วไปได้รับรู้โจทย์สถานการณ์ซับซ้อน ก้ำกึ่งประเด็น “อ่อนไหว”กลายเป็นลูกมั่ว สาละวนอยู่กับคิวนัดบอดไม่มีการยืนยันตอบรับจากปลายทาง ทีมไทยแลนด์ต้องตีตั๋วเครื่องบินฟรี เก็บกระเป๋าเก้อ “2 พระยาพิชัย” นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ไม่ได้โชว์เพลงดาบหักพลิกเป็น “นักกู้ลุ่มเจ้าพระยา” วิ่งแปะโป้งหายืมเงินสู้สงครามภาษีไปก่อนและก็น่าสนใจ ถึงตอนที่ได้รับการคอนเฟิร์มจากทำเนียบขาว สหรัฐฯ ก็ยังไม่รู้ว่า “2 พระยาพิชัย” จะยังอยู่ใน “ทีมไทยแลนด์” หรือไม่เพราะติดโผ “ใบแดง” ดีหนึ่งประเภทหนึ่งที่ส่อโดนโละจาก ครม.ทั้งคู่โดยเฉพาะรายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ เจ้ากระทรวงพาณิชย์ ที่ระดับความเสี่ยงสูงสุด ในจุดที่ถูกแรงเขย่าหนักจากในพรรคเพื่อไทย ในจังหวะที่ “นิด้าโพล” ก็ติดเบอร์ต้นๆที่ประชาชนอยากให้ปรับเปลี่ยนรับสภาพบ้อท่า ปล่อยปัญหาเดือดร้อนลามปากท้องชาวบ้านวัดจากดัชนีตลาดสด ไข่แพง หมูขึ้นราคา สวนทางกับพืชผลเกษตรราคาตกต่ำ ทั้งข้าว ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง ร่วงแบบทะรูดทะราด ม็อบชาวนา ชาวไร่จ่อประเดประดังบุกทำเนียบรัฐบาลขณะที่ “พิชัย ขุนคลัง” ก็ไม่ได้ “การันตี” ความมั่นคงบนเก้าอี้เหมือนกัน ตามกระแส “ดีล” นายแบงก์ใหญ่ เสียบแทนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลกู้สถานการณ์วิกฤติ “ตกท้องช้าง” ลากยังไงก็ไม่ขึ้นไฟต์บังคับ “นายกฯ 2 พ่อลูก” ต้องขยับใหญ่ เพราะฟอร์มเก่งเชิงบริหารยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่เคลมตีกิน "บุญเก่า" ในยุครัฐบาลไทยรักไทย ไม่เปรี้ยงปร้างสมราคาสัญญาจะฟื้นคืนสภาพกินดีอยู่ดี ไม่เหมือนที่คุยกันไว้แต่ก็ติดปัญหานายแบงก์มือดี มือบริหารอาชีพเด่นดัง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอาชื่อเสียง เปลืองเครดิตมาเสี่ยง “ติดชนัก” กับสภาพรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ที่กำลังติดหล่มการเมืองเน่าในถูกล็อกอยู่ในกรงอำนาจและผลประโยชน์ทางหนึ่งก็ไม่รู้จะรับสัญญาณจากทางไหน ในสภาพนายกฯ 2–3 คน ในทีมเพื่อไทย อีกทางก็ต้องพะว้าพะวังอยู่ในดง “นักเลง– มาเฟีย” ผจญเกมบู๊ระหว่าง “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” ที่ไม่ยอมใคร ฟาดกับ “ครูใหญ่ เขากระโดง” ที่ไม่ยอมคนใกล้จุด “แตกหัก” บี้กันแรงๆหนักๆไม่สนในเกม นอกเกมตามฉากประจัญบานตรงหน้า การไล่บี้โพยฮั้ว เร่งเกมล้มกระดาน สว.ค่ายน้ำเงิน ที่ประชันกันเลยกับจังหวะเร้าชนวน “พลิกคดี” วีไอพีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ “นายใหญ่–ครูใหญ่” เดินพลังภายใน แข่งกันปล่อยของทั้งพลังการเมืองในสภา พลังนอกเหนือการเมืองป้วนเปี้ยนๆอยู่กับเรื่องล่อแหลม มีโอกาสเสี่ยงคุก จบที่ตะรางสภาพคนในไม่อยากออก คนนอกไม่อยากเข้า มีแต่คนของพรรคเพื่อไทยที่เร่งเร้าเกมเก้าอี้ดนตรี แบบที่ปล่อยโพย เขี่ย “2 พระยาพิชัย” ออก เปิดหน้าคนเข้า “สุทิน คลังแสง–เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” ลุ้นรีเทิร์น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล มีโอกาสได้ปูนบำเหน็จ จากบทดุดันฟาดฟันทีมส้มสนองอารมณ์การเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับโรคเศรษฐกิจเลย.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม