การเมืองท้องถิ่น ที่ถูกตั้งคำถามระหว่าง การผูกขาดการเมืองบ้านใหญ่ หรือเป็น การเมืองภาคนิยม กับการ พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปสู่ การเมืองภาคประชาชน อย่างแท้จริง ยกตัวอย่างจากการเมืองท้องถิ่น ในจังหวัดปทุมธานี ที่เป็นข่าวฉาวอยู่ในขณะนี้ ประเทศไทยจะก้าวข้ามการเมืองน้ำเน่าได้กี่โมงขึ้นอยู่ที่ การตัดสินใจของประชาชน จะไปโทษนัก การเมืองฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ตบมือข้างเดียวไม่ดัง การเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช ที่จะมาถึงในวันที่ 27 เม.ย.ที่จะถึงนี้ มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครเกือบทุกพรรคโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น กล้าธรรม ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งขันเพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจอีกครั้งถ้าจะอ้างว่า พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ควรส่งผู้สมัครลงแข่งขัน กันเอง ก็เท่ากับเป็นการขัดหลักประชาธิปไตยและไม่ให้เกียรติประชาชน ที่จะมัดมือชกให้เลือก สส.แค่พรรคใดพรรคหนึ่ง ผู้สมัครที่แต่ละพรรคการเมืองส่งเข้าประกวดที่แข่งกันหาเสียงอยู่ในขณะนี้ สจ.โอ หรือ ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ สังกัด พรรคกล้าธรรม คนหนุ่มรุ่นใหม่ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงถี่ยิบ บวกกับนักการเมืองในพื้นที่ พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว หรือ กำนันศักดิ์ อดีตนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ลงพบปะประชาชนเคาะประตูบ้านขอคะแนนภายใต้สโลแกน กล้าคิด กล้าทำ ทำเป็น ช่วยใครไม่เคยจำ ใครช่วยจำไม่เคยลืม ท่องจำขึ้นใจคู่แข่งคนสำคัญจาก ค่ายภูมิใจไทย ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งแทนอดีต สส. มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ซึ่งถูกคำสั่งศาลเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง ฐานทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีส่วนรู้เห็นในการใช้เงินจูงใจผู้มีสิทธิลงคะแนน ไม่ใช่ใครที่ไหน ไสว เลื่องสีนิล สามี อดีต สส.มุกดาวรรณ ถือว่าเป็นนักการเมืองอาวุโสด้วยวัย 66 ปีที่ลงขอคะแนนเสียงเดิม เพื่อรักษาที่นั่งเอาไว้ให้ได้ ต้องถือว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นงานหนักพอสมควรอีกคนจากค่าย ประชาธิปัตย์ อดีต สส.รุ่นใหญ่ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ลงสมัครแข่งขันด้วยตัวเอง หลังจากผิดหวังจากการส่งลูกสาวลงสมัครในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา แต่พ่ายแพ้ให้กับค่ายสีน้ำเงินไปอย่างราบคาบในพื้นที่เขต 8 นครศรีธรรมราชที่ประกอบไปด้วย อ.พิปูน อ.ฉวาง อ.ช้างกลาง และ อ.นาบอน เดิมต้องยอมรับว่าประชาธิปัตย์เป็นเจ้าของพื้นที่ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผูกขาดการเมืองภาคใต้ต่อไป ประชาชน เริ่มมองตัวเลือกทางการเมืองใหม่ๆเพิ่มขึ้นโดยพิจารณาจาก การพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ ทำให้ทัศนคติทางการเมืองในภาคใต้เปลี่ยนไป เปิดกว้างให้กับพรรคการเมือง อื่นๆมากขึ้น เลิกผูกขาดพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่พิจารณาจากนโยบายและการพัฒนามองที่การเมืองที่การกระทำมากกว่าคำพูด โดยเฉพาะประเภทใจถึงพึ่งได้.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม