ยังดีที่ไม่ต้องเปลืองค่าตีตั๋วเครื่องบินฟรี หันหัวเลี้ยวกลับกลางทาง

จังหวะยกเลิกนาทีสุดท้าย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ต้องเปลี่ยนโปรแกรมกะทันหัน เบรกคิวทีมไทยแลนด์เหินฟ้าไปกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

เพราะไม่ได้รับการคอนเฟิร์ม ปลายทางไม่ได้ยืนยันคิวเข้าเจรจา “ด่านไถภาษี” กับทีมของ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำทำเนียบขาว ตามที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้ข่าวเองว่า วันที่ 23 เมษายนนี้

ทีมไทยแลนด์ต้องเก็บกระเป๋าเก้อ เจอลูกเขี้ยว “คาวบอย ไบโพลาร์” แผลงฤทธิ์

ตอกย้ำไพ่ต่อรองในมือ “แต้มอ่อน” เครดิตยังไม่ถึงขั้นแถวหน้า

เรื่องของเรื่องตามข่าวสื่อใหญ่อย่างรอยเตอร์และสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานวันที่ 23 เมษายน เวลาเดียวกัน คณะผู้แทนของเกาหลีใต้ นำโดยรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้คิวบินไปเปิดวงเจรจากับ “เจมีสัน กรีเออร์” ผู้แทนการค้าสหรัฐฯและ “สก็อต เบสเซนต์” รัฐมนตรีคลังของ “ทรัมป์”

มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกระดับเกาหลีใต้ เบอร์ใหญ่เพิ่งได้คิวเข้าเจรจาด่านไถภาษี ภายหลังทีมญี่ปุ่นฟาวล์ กลับไปตั้งหลักรอเจรจารอบใหม่

ในสถานการณ์แบบที่ถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊กของผู้รู้ลึกรู้จริงอย่าง “ดร.กอบ” นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทีม “สี่กุมาร” ที่ต่อสายคุยกับหัวหน้าทีมเจรจาญี่ปุ่น แอบบอกเลยว่า ไม่ง่าย

กับการที่ต้องนั่งเผชิญหน้าเจรจากับ “President Trump The Master of Deal Making” ในห้องรูปไข่ทำเนียบขาว บรรยากาศสุดกดดันในการดีลกับผู้กุมนโยบายของสหรัฐฯ กุมชะตากรรมโลก

...

ผู้พร้อมเอาอำนาจสหรัฐฯมาประกอบการเจรจา “ทุบโต๊ะ”

“คาวบอยทรัมป์” บ้า แต่ไม่โง่ ทีมไทยแลนด์ยังต้องร้องเพลงรอคิวต่อไป ภายใต้ระยะเวลา 90 วันที่ผู้นำสหรัฐฯยืดเส้นตายการบังคับใช้กำแพงภาษีโหด ให้ประเทศคู่ค้าได้หายใจหายคอ

แต่สถานการณ์สงครามการค้าจ่อคอหอย ทุกนาทีมีค่ากว่ามัวนั่งรอชะตา

เมื่อ “2 พระยาพิชัย” ยังไม่มีคิวโชว์เพลงดาบหัก วิญญาณนักสู้ของทีมเพื่อไทยต้องสวมบท “นักกู้ลุ่มเจ้าพระยา” ในภาวะรัฐบาลเจอทางตัน หันหน้าหันหลังไม่มีทางเลือกมาก

คิดอะไรไม่ออก ก็ต้องกู้เงินไว้ก่อน ตามเสียงโยนก้อนหินถามทางเสียงดังโครม ข่าวล่ามาเร็วกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์จัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปี 2568 หลังจากที่ยอดการจัดเก็บรายได้ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ เกินกว่าเป้าหมายเพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

จำเป็นจะต้องออก พ.ร.บ.เงินกู้เพิ่มเติม เจาะช่องเพดานหนี้สาธารณะ เพื่อนำมารองรับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

แผ้วถางทางไว้รอล่วงหน้า เตรียมนิ้วมือแปะโป้งกันไว้แล้ว

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่อ่านไต๋กันทะลุ ไฟต์บังคับหนีไม่ออก คนไทยส่อเดือดร้อนกันทั้งบ้านทั้งเมือง ตัวตึงฝ่ายค้านอย่าง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน กัปตันทีมเศรษฐกิจค่ายส้ม ยังต้องตีประคอง

ถึงจุดต้องกอดคอรับแรงกระแทกจากขีปนาวุธ “Trump tariff” ภายใต้วิกฤติใหญ่หนักหนาสาหัสไม่ต่างจากสงครามโลกที่มาในรูปสงครามการค้า สมรภูมิตอบโต้ด้วยมาตรการภาษี

ในมุมที่ “ไหม” ฟันธง ผลกระทบมากเป็นวงกว้างและเชิงลึกจะอยู่กับประเทศไทยอีกนาน

จึงยินดีสนับสนุนกระทรวงการคลังกู้เงินมาใช้อย่างมีแผนเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจการค้าโลกยุคใหม่ จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก

เว้นแต่ “ตีเช็คเปล่า” กู้เงินมาถลุงประชานิยม แจกสะเปะสะปะ

ในฟอร์มของ “ผู้มาก่อนกาล” แม่นกว่าหมอดู สถานการณ์ไม่ได้ผิดจากที่ “ศิริกัญญา” แม่ทัพเศรษฐกิจค่ายส้ม อภิปรายในสภา กระตุกขาพรรคเพื่อไทยให้จัดงบประมาณอย่างรอบคอบ แต่ก็ไม่ได้รับการใส่ใจ ทีมเพื่อไทยไม่ได้อินังขังขอบ มุ่งหน้าเทกระจาดกันมันมือ ถลุงเงินหมื่นดิจิทัลฯหาเสียงหาแต้มทางการเมือง

แจกจนถังแตก ถึงเวลาคับขัน เงินไม่เหลือสู้ภัยเศรษฐกิจฉุกเฉิน.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม