ท่ามกลางสงครามการค้าโลก ทุกประเทศเจอบทเฮี้ยวโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้ากันถ้วนหน้า มากน้อยต่างกันไป ทำเศรษฐกิจปั่นป่วนทั้งโลก ขณะที่ประเทศไทยก็โดนเก็บภาษีเพิ่มมหาโหด 36% แม้ล่าสุด ทรัมป์สั่งให้ชะลอการเก็บภาษีออกไป 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศเข้าคิวเจรจาปรับดุลการค้าขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือมาตรการรับมือกับนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยมอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นหัวหน้าคณะไปเจรจาต่อรองกับทางสหรัฐฯ โดยรองนายกฯพิชัยระบุว่า มีข้อสรุปสำคัญ 5 ประเด็นที่จะนำไปใช้เจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯภายใต้การเตรียมข้อมูลที่พร้อมและตอบโจทย์ที่สหรัฐอเมริกาต้องการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการลดภาษี เพราะเห็นได้จากที่ประเทศเวียดนาม ได้มีข้อเสนอลดภาษีให้สหรัฐฯเหลือ 0% แต่ทางสหรัฐฯก็ยังไม่พอใจ เพราะมองว่ายังมีประเด็นอื่นๆที่สหรัฐฯยังเสียเปรียบ โดยเฉพาะเรื่องถิ่นกำเนิดของสินค้า ดังนั้นการเจรจาของไทยต้องบรรลุ 3 ข้อคือ ลดหนี้ของสหรัฐฯลง ลดการเสียดุลการค้าของสหรัฐฯ และย้ายการผลิตไปสหรัฐฯให้มากที่สุด โดยในการเจรจาของไทย เบื้องต้นมีแนวทาง เช่น การนำเข้าพืชผลทางการเกษตร อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เช่นนำเข้าเครื่องในสัตว์มาแปรรูป สร้างมูลค่าและส่งออกเพื่อลดปัญหาขาดดุลการค้ารวมทั้งผ่อนคลายภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ การแก้ไขการขาดดุล การค้า ผ่านการลดขั้นตอนที่นอกเหนือจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า ซึ่งมีกฎระเบียบขั้นตอนซ้ำซ้อนจำนวนมากต้องเร่งแก้ไขทั้งหมด และมีการตรวจสอบคัดกรองสินค้าป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯและการหาโอกาสการลงทุนในสหรัฐฯ ด้านการขนส่งในแหล่งก๊าซธรรมชาติ การลงทุนแปรรูปสินค้าเกษตร โดยแนวทางนี้จะไม่ใช่เรื่องการลดภาษี เพราะหากลดภาษีจะทำเสมอเหมือนกันทั้งหมด ทั้งนี้ รองนายกฯพิชัยบอกขอให้มั่นใจในวิธีการแก้ไขปัญหา และเชื่อว่าแนวทางนี้เป็นการแก้ปัญหาแบบวิน-วิน ดีทั้งสหรัฐฯและดีทั้งไทยอย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่าแนวทางที่ไทยจะไปเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เน้นแก้ปัญหาเรื่องการส่งออกเป็นหลัก ขณะที่บางแนวทาง เช่นการนำเข้าสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์สัตว์จากสหรัฐฯ ย่อมเกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการปศุสัตว์ของไทย รัฐบาลจึงต้องกำหนดมาตรการเยียวยาให้ชัดเจนด้วย อย่าปล่อยให้ต้องมาเดือดร้อนรับกรรม.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม