ยุทธศาสตร์ รู้เขา รู้เรา รู้เร็ว แม่นยำ ตามที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เรียกประชุมหน่วยงาน และ รมต.ที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับมาตรการภาษีตอบโต้การนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ โดยที่ประชุมประกอบด้วย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกฯ ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานายกฯ วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานปัญหาที่พูดคุยกันคือ การไปเจรจากับสหรัฐฯเพื่อลดแรงกดดันด้านภาษี เช่น การลงทุนในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น การนำเข้าสินค้าการเกษตรฯและพลังงานจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ป้องกันการใช้ฐานเป็นแหล่งผลิตและส่งสินค้าผ่านไทยไปยังสหรัฐฯ รวมทั้งมาตรการด้านภาษีต่างๆที่จะลดภาระหนี้ให้กับสหรัฐฯเป็นกรณีพิเศษรองนายกฯ และ รมว.คลัง คุยด้วยว่าจะนัดเจรจากับคนใกล้ชิดกับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลยทีเดียว มี 5 ประเด็น ที่จะนำไปเป็นหัวข้อการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งจะไม่ใช่การลดภาษีเพราะ เวียดนาม ลดภาษีให้ สหรัฐฯ เหลือ 0% สหรัฐฯยังไม่พอใจ เราจะไปเจรจาเพื่อให้บรรลุข้อตกลง คือ ลดหนี้ของสหรัฐฯ ลดการเสียดุลการค้าของสหรัฐฯ และย้ายการผลิตไปสหรัฐฯให้มากที่สุดที่ รองนายกฯพิชัย อาจไม่ได้แถลงคือการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ ในจำนวนนี้สหรัฐฯต้องการนำเข้ามากที่สุด คือ สินค้าเกษตร เครื่องในหมู ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายในสหรัฐฯและยุโรปได้เพราะถูกตอบโต้จาก อียู โดย รองนายกฯพิชัย ยืนยันว่า จะทำให้ ทรัมป์ พอใจ เพราะเกษตรกรเป็นฐานเสียงของทรัมป์ปรากฏว่า ดร.นฤมล รมว.เกษตรฯ ได้ค้านเรื่องนี้ในที่ประชุมโดยยกตัวอย่างว่า การเลี้ยงสุกรในสหรัฐฯไม่มีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายกับผู้บริโภค และประเทศไทยก็มีกฎหมายห้ามจำหน่ายเนื้อสัตว์ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง นอกจากนี้ยังจะเป็นการทุ่มตลาดจากสหรัฐฯทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูที่เดือดร้อนจากปัญหาหมูเถื่อน ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกว่า 6 หมื่นราย ต้องเลิกประกอบอาชีพไปแล้ว แต่รองนายกฯก็ยังยืนยันที่จะให้มีการนำเข้า โดยอ้างว่าเป็นสิทธิของประชาชนที่จะเลือกบริโภค ไม่ใช่เป็นการบังคับในขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯขยายวงผลกระทบ กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ความชัดเจนในการวางกลยุทธ์รับมือกับมรสุมสงครามการค้าประเทศมหาอำนาจที่จะมีผลในระยะยาว บีบให้แต่ละประเทศต้องแสดงความชัดเจน ไม่เหยียบเรือสองแคม ขณะที่จีน นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินสายหาแนวร่วม ระหว่าง 14-18 เม.ย.เดินทางไปพบผู้นำเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ซึ่งมีความชัดเจนในการรับมือมาตรการตอบโต้กับสหรัฐฯส่วนไทยยังกํ้ากึ่งบนทางสองแพร่งในการทำตัวเป็นเด็กดีกับทุกคน แลกกับผลประโยชน์ของคนไทย.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม