“ภูมิธรรม-ทวี” เดินสายลุยเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับจีน ยันซินเจียงปลอดภัย ลั่นตัดสินใจถูกส่งตัวชาวอุยกูร์กลับแผ่นดินของเขา ขณะที่ชายชาวอุยกูร์ตอบกลับดีใจที่ได้กลับแผ่นดินเกิด แม้ว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนไป แต่ได้พบว่าความสุขที่แท้จริงคือการอยู่ที่ “บ้าน” ด้านน้องสาวชาวอุยกูร์รายหนึ่งที่ได้พี่ชายกลับคืนสู่ครอบครัว เผยดีใจเหมือนเป็นนางฟ้าได้ติดปีก ชาวอุยกูร์ยืนยันมีเสรีภาพ 100% รัฐบาลและชุมชนเปิดใจต้อนรับดูแลอย่างดี ส่วนชาวอุยกูร์ รุ่นปี 57 ที่ส่งกลับมาก่อน บอกกลับมาชีวิตดี ไม่ต้องห่วง

หลังตกเป็นประเด็นทางสิทธิมนุษยชน เมื่อไทยมีการส่งตัวชาวอุยกูร์ประมาณ 40 คน จากชาวอุยกูร์ 300 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานกักตัวคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)มาตั้งแต่ปี 2557 กลับไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม ต้องนำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับ เดินทางถึงเมืองคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ช่วงเช้าวันที่ 19 มี.ค. มีนายชู ต้าถง รมช.ความมั่นคงสาธารณะ (ลำดับ 4) มาให้การต้อนรับ

ต่อมาเวลา 11.00 น.ที่เรือนรับรอง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นำคณะเข้าพบปะหารือกับนายฉีหยานจุน รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ และ รมช.ความมั่นคงสาธารณะ รับฟังบรรยายสรุปของทางการจีนในการดำ เนินการและการดูแลชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับมา นายฉีกล่าวว่า ยินดีที่ไทยพาคณะมา พร้อมเปิดให้พบกับชาวอุยกูร์ ขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ร่วมกันแก้ปัญหานำ 40 ชาวอุยกูร์กลับบ้าน พวกเขาอยู่ไทยกว่า 10 ปี บางคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เจ็บป่วย วันนี้รัฐบาลจีนพยายามให้การช่วยเหลือ ให้คนเหล่านี้กลับมามีชีวิตปกติ มีบางประเทศติฉินนินทาความร่วมมือ ระหว่างไทยและจีน ทั้งที่บังคับใช้กฎหมายปกติ บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ที่ทั้ง 2 ประเทศดำเนินการอย่างเข้มข้น

...

นายฉีกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่เข้าประเทศที่ 3 ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เราต้องทำหน้าที่นี้ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและต้องขอความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสม ในการดำเนินการตามกฎหมาย ของทั้งสองประเทศและกฎหมายสากล สถานการณ์ในซินเจียงขณะนี้มีความปลอดภัย ชนเผ่าต่างๆ สามัคคีกัน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกำลังเดินหน้าไปด้วยดี เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ปี 2024 ซินเจียง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้โลกรู้ว่าเรามีความปลอดภัยมั่นคง การไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนเกรงว่าเวลา 2 วันอาจไม่พอ แต่เราจะพยายามให้ได้เจอมากที่สุด สิ่งที่บางประเทศบอกว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับชาวอุยกูร์ ไม่เป็นความจริง ความจริงคือความจริง ทุกคนจะได้เห็น ประตูซินเจียงเปิดต้อนรับทุกคน จะได้รู้ว่าซินเจียงเป็นอย่างไร ขอให้ทั้งหูและตา ที่ท่านได้เห็นสื่อสารเรื่องจริงออกไป เพื่อต่อสู้กับการโจมตีจากประเทศที่ 3

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอฝากความระลึกถึงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนายกฯ หลี่ เฉียง ที่ได้สั่งการให้ทุกท่านได้มาช่วยสนับสนุนและต้อนรับพวกตนอย่างมีเกียรติ การเดินทางมาครั้งนี้ นอกจากกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคง ที่มีร่วมกันมาอย่างดีตลอดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย การหลอกลวงทางโทรคมนาคม การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย วัตถุประสงค์ที่สอง คือการมาเยี่ยมเยียนชาวอุยกูร์ที่ทางการไทยส่งกลับเมื่อปลายเดือน ก.พ. และทางการจีนอนุญาตให้ทางการไทยมาเยี่ยมเยือนได้ตามที่ 2 ประเทศตกลงไว้ เพื่อให้ชาวไทยได้ทราบถึงการ ตัดสินใจของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ที่ร่วมดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายสิทธิมนุษยชน รวมถึงเรื่องต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อชาวอุยกูร์ที่อยู่ในประเทศไทย

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ตนมาเยือนและอยากได้คำตอบ ทราบว่าซินเจียงเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว น่าจะดีกับตัวเขาที่กลับมาและดีกับ 2 ประเทศที่ได้ตัดสินใจในครั้งนี้ อยากรู้สภาพเขาที่กลับมา มีการรักษาพยาบาลอย่างไร ความเป็นอยู่อย่างไร ถ้ามีการฝึกฝนอาชีพต่างๆ เพื่อให้เขาสามารถดำรงตนมีชีวิตอยู่ในสังคมแห่งใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดของเขาที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นเรื่องดี ขอบคุณที่พยายามให้เราได้มีโอกาสพบและพูดคุยมากขึ้นกับชาวอุยกูร์ โดยจัดวิดีโอคอลให้พูดคุยกับผู้ที่อยู่ห่างไกล การมาครั้งนี้จุดประสงค์หลักคืออยากรู้ถึงชีวิต 40 ชาวอุยกูร์ ทราบว่าทางการจีนจะให้เรามีโอกาสได้พบกับชาวอุยกูร์ที่มาเมื่อปี 2557 ถ้าได้พบก็ยินดีและขอบคุณ

จากนั้นนายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวีได้แยกคณะกันออกไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ได้รับการปล่อยตัวมา เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางถึงหน้าบ้าน 1 ในชายชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับ เจ้าตัวได้มารอต้อนรับพร้อมกล่าวว่า การได้กลับบ้านรู้สึกดี 10 กว่าปีที่จากไป บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก เดิมเคยพักอยู่ในพื้นที่ที่มีแผ่นดินไหว ปัจจุบันรัฐบาลจีนมาสร้างที่อยู่ให้ใหม่ นายภูมิธรรมสอบถามว่า ทำไมถึงตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศไทย ได้รับคำตอบว่า มีผู้ชักชวนไปบอกว่าถ้าเดินทางไปต่างประเทศชีวิตจะดีกว่าอยู่ ที่นี่ แต่พอไปแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะแท้จริงแล้วความสุขอยู่ที่บ้าน ก่อนกลับมากังวลกลัวว่าจะถูกคุมตัว แต่เมื่อกลับมาแล้วกลับปลอดภัย ที่หมู่บ้านไม่มีใครดูถูกและรับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ขณะนี้ทำงานเป็นพ่อครัวในร้านอาหารของน้องสาว จากนั้นชายอุยกูร์คนดังกล่าวได้โชว์บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ที่ได้รับจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และจะได้รับเงินชดเชยในช่วงที่ผ่านมาด้วย

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวตอบว่า ขอแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้าน ไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายมีการกักตัว ขอโทษที่คุมตัวนานถึง 11 ปี เนื่องจากไม่มีประเทศใดทำหนังสือยืนยันขอรับตัวไป ขอโทษอีกครั้งหากได้รับความยากลำบากระหว่างที่ถูกคุมตัว การมาครั้งนี้เพราะอยากมาเยี่ยมเยียน เมื่อมาเห็นท่านมีความสุขทุกคนก็สบายใจและรู้สึกว่าตัดสินใจถูกต้องในการส่งตัวกลับมา

ต่อมาเวลา 14.45 น. นายภูมิธรรมเดินทางมาเยี่ยมชาวอุยกูร์อีก 1 คนที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ มีพ่อพี่น้องของชายอุยกูร์คนดังกล่าวมารอให้การต้อนรับ นายภูมิธรรมถามว่า จดหมาย 3 ฉบับที่เป็นข่าวว่าร้องขอความช่วยเหลือ เพราะไม่ประสงค์เดินทางกลับจีน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ชายดังกล่าวยืนยันว่าไม่เคยเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือ แค่หวังว่าอยากจะกลับบ้านเร็วๆ ยืนยันว่าช่วง 10 ปีไม่มีประเทศที่ 3 หรือหน่วยงานไหนเข้าไปให้ความช่วยเหลือหรือขอรับตัวนอกจากทางการจีน นายภูมิธรรม ถามต่อว่า มีคนไทยบางส่วนเป็นห่วงว่าการกลับมาจีนของชาวอุยกูร์จะถูกทรมาน ไม่ได้รับความปลอดภัย คิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร ชายอุยกูร์ตอบว่า ก่อนหน้านี้กังวลว่าหากถูกส่งตัวกลับมาจะถูกดำเนินคดี ถูกลงโทษ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่วงท้าย นายภูมิธรรมเปิดโอกาสให้ญาติของชายอุยกูร์กล่าวกับคนไทย มีน้องสาวชายอุยกูร์คนหนึ่งได้ขอบคุณที่ส่งตัวพี่ชายคืนสู่ครอบครัวและกล่าวด้วยว่า ดีใจเหมือนตนเองเป็นนางฟ้าได้รับการติดปีก

ทั้งนี้ ตลอดการเยี่ยมเยียน ทั้ง 2 ครอบครัวมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก คิดว่าชีวิตนี้คงต้องตายอยู่ที่เมืองไทย

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวีได้ไปเยี่ยมเยียนชายอุยกูร์อีกกลุ่มที่กล่าวว่า ได้เห็นบ้านเกิดเมืองนอนเปลี่ยนไปมาก มีถนนหนทางที่ดี มีการพัฒนาที่ถูกต้อง ตนยังไม่ได้แต่งงาน แต่ครอบครัวได้เตรียมห้องแต่งงานไว้ให้แล้ว ที่ผ่านมาไปหลงเชื่อคนชั่วทำผิด ตอนนี้ชีวิตเป็นปกติแล้ว อยากแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง พ.ต.อ.ทวีสอบถามว่า ระหว่างที่ถูกกักอยู่ใน ตม.ไทย กับได้กลับมาบ้าน แบบไหนดีกว่า ชายอุยกูร์ตอบว่า 10 กว่าปีที่ไม่ได้อยู่บ้าน รู้สึกเต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับบ้าน ขอบคุณรัฐบาลจีน รัฐบาลไทยที่ส่งกลับมา พ.ต.อ.ทวี ถามด้วยว่า คนทั่วโลกยังเข้าใจผิดว่า การกลับมาบ้านจะทุกข์ทรมานทางจิตใจ หรือถูกบีบบังคับทำร้ายร่างกายจิตใจ ชายอุยกูร์ตอบว่า ช่วงที่อยู่ข้างนอกมีคนบอกว่ากลับมาจะไม่มีเสรีภาพ หรือถูกขังคุกตลอดชีวิต รู้สึกเครียด เมื่อกลับมาพบว่ามีเสรีภาพมากขึ้น 100% ไม่มีการบังคับอะไรเลย ได้กินข้าวที่แม่ทำให้ทุกวัน รัฐบาลท้องถิ่นก็ช่วยดูแลครอบครัว เขาดูแลเราเต็มที่ นี่คือความจริง

จากนั้น พ.ต.อ.ทวีให้สัมภาษณ์ว่า การที่เขา อยู่ประเทศไทยมา 10 ปี ต้องอยู่ในห้องกัก เหมือนเขาถูกทรมานอย่างหนึ่ง ก็ทราบว่ารัฐบาลที่ผ่านมาอาจจะไม่กล้าตัดสินใจ การตัดสินใจของรัฐบาลนี้อยู่บนพื้นฐาน ว่าจะไม่ต้องถูกทรมาน เมื่อรัฐบาลจีนได้ให้การรับรอง วันนี้ที่มาเยี่ยมเยียนสิ่งหนึ่งที่จะได้เห็นคือได้อยู่กับครอบครัว มีความรู้สึกขอบคุณรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ได้ดูแล วันนี้เราเห็นภาษากาย สีหน้าแววตา ของครอบครัว แสดงออกถึงความตื้นตันใจ ที่ได้มีวันนี้เกิดขึ้น เมื่อถามว่ามีคนวิพากษ์ วิจารณ์ว่าเป็นการจัดฉาก วันนี้มาเจอตัวจริง รู้สึกอย่างไร พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า วันนี้ทุกคนก็มาพร้อมกันหมด วันนี้ ได้ล้มแพะตามความเชื่อของพี่น้องมุสลิม อยากจะขอเลี้ยงตอบแทน เพื่อขอบคุณรัฐบาลไทย การ ทำให้คนตายแล้วเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ ถือว่าเราได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว การปฏิบัติของรัฐบาล คือ ยึดกฎหมาย วิชาการ จริยธรรม และคำนึงถึงคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ วันนี้เราก็ได้ดูแลศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาแล้ว ยืนยันว่าเป็นไปตามหลักสากล

จากนั้นเวลา 17.50 น. นายภูมิธรรมพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวีได้วิดีโอคอลกับชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับมาจากไทย จำนวน 6 คน หนึ่งในนั้นเป็นชาวอุยกูร์ที่กลับมาเมื่อปี 2558 ได้เล่าชีวิตหลังกลับมา ว่า เมื่อกลับมาทางการช่วยสร้างบ้านให้ ตอนนี้ใช้ชีวิตปกติดี มีวัวอยู่ 52 ตัว แพะ 2 ตัว เงินเดือน 5,400 หยวน สาเหตุที่ออกจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เป็นเพราะตอนนั้นเป็นวัยรุ่น มีคนที่มีความคิดร้ายแรงชวนให้เดินทางไปด้วย ก็ตามไป แต่เมื่อกลับมาแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเมื่อก่อน ฝากบอกคนไทยที่มีความเป็นห่วงว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างปกติไม่ต้องห่วง” พร้อมกันนี้ก็ยังได้วิดีโอคอลไปยังคนป่วยที่ต้องนำเตียงขึ้นเครื่องบินกลับมา ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ

จากนั้นเวลา 20.00 น. นายภูมิธรรมและคณะร่วมหารือกับนายหม่า ชิงรุ่ย สมาชิกคณะกรรมการ กรมการเมืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ก่อนงานเลี้ยงรับรองเพื่อเป็นเกียรติแก่นายภูมิธรรม

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่