เร่งไฟให้ร้อนแรง เร่งตีเหล็กตอนนี้ก็เห็นผลพอสมควร

ปมปัญหาสารพัดในสำนักงานประกันสังคม ที่ดูแลอภิมหากองทุนใหญ่ระดับ 2 ล้านล้าน กว่าบาท เป็นเรื่องที่หยุดตรวจสอบไม่ได้กันแล้ว

จากเรื่องสิทธิต่างๆการบริหารจัดการใช้งบฯมหาศาล ล่าสุดถึงเรื่องการใช้งบฯเกือบ 7 พันล้านซื้ออาคารเก่า เรื่องราวชักจะซับซ้อนซ่อนเงื่อน โยงใยผู้มีอำนาจ พาดพิงคนการเมือง

อ้างลากไปถึงบริษัทลูกชาย “รัฐมนตรี ส.เสือ” มีเอี่ยวขายตึก

เครือข่าย “นายทุนคนดังการเมือง” ฟันกำไรกันอู้ฟู่

แต่เหนืออื่นใด ช่วยกันตีเหล็กรอบนี้ ที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือลูกจ้างผู้ประกันตน หลังจากที่ผ่านมาข้อเรียกร้องในเรื่องต่างๆถูกเมิน กรรมการประกันสังคมได้ยินแต่เหมือนไม่ได้ฟัง

ตอนนี้เมื่อเจอแรงกดดันจากกระแสสังคม ถึงหันมาแลเหลียวเจ้าของสิทธิ

ต้องให้เครดิตภาคการเมือง ผู้แทนฯตัวตึงสายสีส้ม “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน รวมถึงบอร์ดประกันสังคม ตัวแทนผู้ประกันตน “ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี” และทีมบอร์ดสายลูกจ้างที่นำเสนอข้อมูล

โน้มน้าวเครือข่ายกรรมการดึงเสียงบอร์ดคล้อยตาม

ล่าสุดสูตรคิดบำนาญชราภาพแบบใหม่ ประเภทใครไม่แคร์ก็ช่าง แต่ “ประชาชนแคร์”

แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะตัวแทนเครือข่ายสีส้มผลักดันสูตรนี้ แต่เพราะ “ประชาชน” ทั่วไปตื่นตัว ผู้ประกันตนทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยกันเขย่าจนเห็นผล

จากนี้ทุกๆฝ่ายก็คงต้องรวมพลังออกแรงกันอีกหลายยก โดยเฉพาะที่โหมไฟตีเหล็กชัดๆอีกประเด็น คือเรื่องการรวมสิทธิรักษาพยาบาลกับกองทุนอื่นๆ

ยังไม่ต้องฝันสูง ลากไปไกลอย่างที่ “รองฯพิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.คลัง ที่ถูกปลุกให้ตื่นออกมาระบุให้เคลิ้ม เตรียมหารือเรื่องการรวม “4 กองทุนรักษาพยาบาล” ทั้งประกันสังคม บัตรทอง 30 บาท ของ สปสช. สิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการไปจนกระทั่งสิทธิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

...

รูปแบบสวัสดิการถ้วนหน้า หมุดหมายที่ยังยากในภาวะข้อจำกัดงบประมาณ

แต่รัฐสวัสดิการก็ต้องฝันให้ไกล รอเวลาไปให้ถึง

วันนี้เอาแค่ฝันหวานๆเบื้องต้น ให้ผู้ประกันตนประกันสังคม เลือกใช้สิทธิบัตรทองรักษาพยาบาลได้ เงื่อนไขต่างๆแค่ 2 กองทุนก็ยังต้องเถียงกันยาว

แน่นอนงานนี้ ต้องหวังพระเอก–นางเอก ค่ายสีส้มยังไม่ผ่อนแรง

เหมือนการเมืองในสภาฯยังไม่ผ่อนเกม พลพรรคสีส้ม พรรคประชาชนแกนนำฝ่ายค้านยืนยันไม่ถอนชื่อ “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” จากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร”

ขณะที่ประธานสภาฯ ไปจนกระทั่งทีมงานพรรคเพื่อไทย ยืนยัน “จั่งซี้มันต้องถอน”

ต่างก็ยืด “หลักการ” ถือ “หลักกู” กันแน่น

แน่นอนอีกทางหนึ่งก็ถูกมองเป็นปรากฏการณ์ปกติการเมือง เล่นเงื่อนตั้งแง่ ยันเกมให้สุดทาง

เหลี่ยมการเมืองที่เถ้าแก่ใหญ่เคยสั่งสอนค่ายยังเจนฯ วันนี้ค่ายสีส้มนำโดย “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  ผู้นำฝ่ายค้าน เรียนรู้และสู้กลับ

ที่สำคัญ ผู้มีบารมีในค่ายสีส้มไม่ตอบรับดีลเงื่อนไขใดๆ ให้ต้องหลงเหลี่ยม “เถ้าแก่ใหญ่” กันอีก

ที่ชัดคือศึกซักฟอก ไม่เป็นดาบยืมเชือด รมต.สีน้ำเงิน ไม่เป็นม้าใช้ให้อีกแล้ว

วันนี้เรียกว่าเกมฮั้วแตกของจริง สัมพันธภาพ 2 ค่าย 2 สี ที่เคยร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเดินมาสุดทางรัก สิ้นสุดทางเพื่อน เพราะพรรคสีส้มปักหมุดหวังผลยาว

วางยุทธศาสตร์ชัดต้องตัดแต้มค่ายสีแดง ศึกซักฟอกวางคิวซัดกล่องดวงใจ กระแทก “ทักษิณ”

ถึงสุดท้ายจะยอมถอดชื่อ “นายใหญ่” จากญัตติก็ตาม

แต่ค่ายส้มก็ตั้งเป้าชนไว้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยคือคู่แข่งตัวฉกาจในสนามเลือกตั้ง

เมื่อเลือก “ประดาบ” ก็ต้องขยับเกม “เลือดเดือด” ให้ถึงที่สุด.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม