โฟกัสการเมืองโลกนานาชาติยังตื่นตาตื่นใจกับกระบวนยุทธ์ “มวยหมัดเมา” ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตามไม่ทัน เดาทางไม่ถูกกับ “ลูกบ้ารอบล่าสุด” อารมณ์ยิ่งกว่าผู้ป่วย “ไบโพล่า” เดี๋ยวอาละวาด ท้าตีท้าต่อยพะบู๊ ขู่ขึ้นภาษี จุดชนวนสงครามการค้า แต่ถึงเวลา “หักมุม” พูดจาภาษาดอกไม้ เจรจาศัตรูแปรเป็นมิตร ตรงกันข้าม ผลักมิตรกลายเป็นศัตรูแต่เขย่าไปเขย่ามากลายเป็นสูตรสมดุล คืนสู่ความปกติแบบเนียนๆคุณูปการของ “คาวบอย ทรัมป์” ทำให้แนวรบฉนวนกาซาลดโทนฆ่ารายวัน อิสราเอล ปาเลสไตน์ เจรจาหยุดยิง แลกปล่อยตัวประกัน อีกด้านก็ถอดชนวนสงครามโลกครั้ง3 แนวรบ “รัสเซีย-ยูเครน” ลดอุณหภูมิลงวูบวาบ หลังผู้นำคาวบอยเปิดฉากวิวาทะกับประธานาธิบดี “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี” ผู้นำยูเครน เถียงกันลั่น ถึงขั้นไล่ออกจากทำเนียบขาวเน้น “เอามัน” ไม่ต้องมีระเบียบพิธีทางการทูต ไร้สูตรสำเร็จทั้งหมดทั้งปวงบนฐานยึดมั่น “อเมริกัน เฟิร์ส” โดยธงของ “คาวบอยทรัมป์” ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนชาวอเมริกันมาก่อน ปักหมุดหมายทำให้สหรัฐอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งจังหวะทำให้ผู้นำคาวบอยได้กระแสมุมกลับหนุนเต็มๆมองการเมืองโลก ลูกบ้าแฝงสปิริตแบบ “โดนัลด์ ทรัมป์” แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการเมืองไทย ณ วันที่นักเลือกตั้งอาชีพยังสาละวน มองไม่พ้นนิ้วโป้งเท้า ตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตายึดผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องมาก่อนประชาชน เหนือชาติบ้านเมืองไม่เน้นสปิริตมีแต่เรื่องเน่าฉาวโฉ่ตั้งแต่กระบวนการเข้าสู่อำนาจมิชอบแกะรอยตามปฏิบัติการไล่ล่า “โพยฮั้ว” ตรวจสอบที่มาแบบไม่โปร่งใสของ “สว.สายน้ำเงิน” ประจานความไม่ชอบมาพากลของขบวนการ “จัดตั้ง” กองกำลังการเมืองทราบฝ่าย แต่ไม่ระบุสังกัดยึดวุฒิสภาถึงขั้นจ่อตั้งแท่นสอบสวนข้อหาร้ายแรง ฐานความผิด “อั้งยี่–ซ่องโจร”ตามกระบวนการไล่ถอนรากถอนโคน มาถึงขั้นที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) แถลงมติที่ประชุม 11 เสียงต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 3เห็นชอบให้รับกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคล ที่กระทำผิดอันเป็นอั้งยี่ที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาปี 2567 เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวน คดีพิเศษ พ.ศ.2547ลากเข้าโซน “ชำแหละ” โดยดาบอำนาจคมๆของคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามรอยแก๊งโพยฮั้ว สว.จากเส้นทาง “ฟอกเงิน”ท่ามกลางเสียงเฮลั่นของบรรดา สว.สำรอง และผู้สนับสนุนให้ไล่เบี้ย เอาผิดขบวน “โพยฮั้ว” เชียร์ให้ล้มกระดาน “สว.น้ำเงิน”ถ้าไม่บังเอิญว่า มีเสียงเอ๊ะ ในเครื่องหมายคำถามแม้แต่นักข่าวยังสับสนนาทีแรกเลยสื่อมวลชนก็ยังงงๆกับมติของคณะกรรมการคดีพิเศษที่ออกมา แบบกั๊กๆ ไม่ได้ลุยทะลุทะลวงแบบที่ดีเอสไอชงสำนวนเข้ม อัดข้อหาร้ายแรงทั้งดุ้นไฟเขียวเฉพาะฐานฟอกเงิน แต่ไม่แตะ “อั้งยี่–ซ่องโจร”แค่เปิดช่องไว้ หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พบการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 มาตรา 47 วรรคหนึ่ง ให้แจ้งคณะกรรมการการ เลือกตั้ง (กกต.) ทราบตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ต้องมีมติดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแปลไทยเป็นไทย หน้าที่ใครหน้าที่มัน ไม่ข้ามเขตอำนาจโดยมติยังระบุด้วยว่า ถ้าตรวจพบความผิดในกระบวนการ “โพยฮั้ว” ให้แจ้ง กกต.ดำเนินการ โดยไม่ต้องยกระดับเป็นคดีพิเศษ ส่วนฐานความผิดฟอกเงินที่รับเป็นคดีพิเศษก็เป็นกระบวนการในอำนาจของดีเอสไอโดยปกติอยู่แล้วแนวโน้มจึงให้น้ำหนักไปที่เรื่องของขอบเขตกฎหมาย อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาก่อนเหตุผลอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1 ใน 4 เสียงของฝ่ายที่ลงมติไม่เห็นด้วยในการรับคดี “โพยฮั้ว สว.” เป็นคดีพิเศษ ก็คือตัวแทนของคณะกรรมการกฤษฎีกายิ่งทำให้เห็นชัดว่า คณะกรรมการคดีพิเศษไม่เสี่ยงใช้อำนาจโดยมิชอบแต่ในมุมของเกม “ล็อบบี้” ก็มีเค้าลางให้ตามกลิ่นได้โดยเฉพาะอาการของพวกนกรู้ แมวจมูกไว สังเกตจากความไม่ปกติของกรรมการคดีพิเศษ “สายตำรวจ” ที่พร้อมใจกันโดดประชุม“เด้งเชือก” ชิ่งวาระ “เดิมพัน” เกมอำนาจการเมืองไม่เปิดหน้าชัดๆเหมือนสายกระทรวงมหาดไทย แต่ธรรมชาติของตำรวจก็ไม่ต่างจากผู้ต้องสงสัยทั่วไป ตามแกะรอยง่ายใครถือหางฝ่ายไหน ถึงคิวแทงหวยเลือกข้างกันชัดๆวัดจากมติของที่ประชุมบอร์ดคดีพิเศษที่ออกมา 11 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 3 ตัวเลขไม่ถึง 2 ใน 3 ใช้ได้แค่เสียงเกินกึ่งหนึ่งในการไฟเขียวดีเอสไอลุยสอบฐาน “ฟอกเงิน” ไม่แตะอั้งยี่–ซ่องโจร ข้ามโซนอำนาจ กกต.นั่นหมายถึง “มนตร์เขมร” ยังขลังยันเกม “ล้มกระดาน สว.น้ำเงิน” ไว้ได้และมันก็เป็นผลสัมฤทธิ์จากยุทธการ “เซราะกราว สู้ตาย” การเดินแผนตีโต้ของ สว.ตั้งป้อมถล่มกลับ ดีเอสไอ กระแทกไปถึง “จอมหน้านิ่ง” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดฟลอร์ที่ประชุมวุฒิสภาให้ล่อเป้ากันโจ๋งครึ่มบู๊กันแบบมวยวัด กางตำราการเมืองโบราณลีลาไทบ้าน แบบที่นายชินโชติ แสงสังข์ สว.สายน้ำเงิน อ่านโพยอภิปราย เหมือนเอไอท่องสคริปต์“พุทโธ่เอ๊ย โจรมีจริง อั้งยี่มีจริง โจรโซเชียลก๊องแก๊ง โจรคอลเซ็นเตอร์ คนเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนมากที่ทำลายบ้านเมือง ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้าน ดีเอสไอทำเรื่องนี้หรือยัง จะทำกี่โมง”ฟอร์มคุ้นๆท่องอาขยาน เรียนมาจาก “ครูใหญ่” โรงเรียนเขากระโดงหลักสูตรเก่าๆ ยังได้ผลในยุคเอไอแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยปฏิบัติการบล็อกเกมไล่บี้ “โพยฮั้ว” ชะลอเกมล้มกระดาน สว.น้ำเงิน ก็ไม่ได้ถือเป็นหลักประกันปลอดภัยไร้กังวล เจ้าของสัมปทาน สายบุรีรัมย์-เกียกกาย อีกต่อไปตามจังหวะ “ตั้งแท่นคดีพิเศษ” ก็เหมือนโดนดาบเสียบ “เข้าเนื้อ” แล้วแนวโน้มการล็อกฐานฟอกเงิน เปิดช่องให้ไล่เบี้ยคุ้ยแคะ “ของกลาง” ที่หมกไว้ไม่มิด ตามกระบวนการที่มีการ “จงใจ” ปล่อยข้อมูลหลักฐานลับของดีเอสไอผ่านสื่อ สาวลึกไปถึงขั้นตรวจพบเส้นทางเงินโยงกับรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใหญ่ จ่ายให้ขบวนการ “โพยฮั้ว สว.”สอดคล้องกับ สว.สำรองบางคนที่ยืนยันผ่านสื่อ อ้างข้อมูลการโอนเงินค่าตอบแทน สว.สายน้ำเงิน รวมถึงเงินเดือนผู้ช่วยที่ปรึกษา เข้าบัญชีกองกลางพรรคการเมืองบางพรรค เดือนละนับ 10 ล้านบาทไม่ชัวร์ว่า “ทีเด็ดของจริง” หรือแค่ลีลา “ปล่อยของขู่ตีกิน”แต่ที่แน่ๆสังเกตอาการชักอยู่ไม่เป็นสุข “เดอะแหวง เซราะกราว” นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ต้องขยับเคลียร์ตัวเอง ปล่อยเอกสารอ้างอิงคำสั่งศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานการวินิจฉัย เช่นเดียวกับนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ก็ต้องออกโรงยืนยัน กกต.ดำเนินการตรวจสอบ “โพยฮั้ว สว.” มาตลอด ไม่ได้ซุกในลิ้นชักเหมือนเสียวหักมุม กกต.เจอเงี่ยงแหลมคม ปม ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามกระแสการไล่จับ “โพยฮั้ว สว.” ที่สังคมส่วนใหญ่ เชื่อไปแล้วว่ามีจริง ตามความพิลึกกึกกือ ทุกคนในประเทศไทยเห็นเหมือนกันหมด มีแต่ กกต.เท่านั้นทำเป็นไม่เห็นกับภาพสภาสูงที่หน้าตาขี้เหร่สุดในประวัติศาสตร์เมืองไทยอารมณ์คนดูทางบ้านเฝ้าระแวง ช็อตนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ยอมรับว่าชวน “เสี่ยเน” นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ค่ายเซราะกราว มุดเข้าถ้ำจันทร์ส่องหล้า ไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และร่วมวงกับ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แล้วส่อแววเหมือนวงปาร์ตี้มาม่าจะแบ่งลงตัว สอดรับผลโหวตคดีพิเศษที่ยึกยักกึกกักเจอเสียงโห่ดักคอเกมเกี้ยเซียะ ชาวบ้านไม่ยอม “ปาหี่ต้มคนดู”.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม