ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ วิถีแห่งดวงดาวปรับจูนไปตามวงรอบ วงจรทางการเมืองก็ไม่ต่างกันเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดก็ต้องปรับวิธีคิดและวิธีการการที่พรรคฝ่ายค้านภายใต้การนำของพรรคประชาชน ที่ลงชื่อร่วมกัน 166 คน ได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจากที่ตั้งเอาไว้ที่ 20 รัฐมนตรีแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็นเพียง 1 เดียว คือนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นการพลิกเกมเพราะมั่นใจว่าจะทำลายล้างได้มีประสิทธิภาพมากกว่าพูดง่ายๆว่าเป้าเดียวดีกว่าหลายเป้า!แค่ยื่นญัตติให้ประธานสภาเท่านั้นก็สร้างความสั่นไหวให้ฝ่ายรัฐบาลทันที ขนาดว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนยังตระหนกไม่น้อยต้องมุดรั้วเข้าบ้านพิษณุโลกเพื่อหารือกับทีมที่ปรึกษา “5 อรหันต์” อย่างเร่งด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์จากนั้นพอ “พ่อ” เดินทางกลับไปแล้ว “ลูกสาว” ก็เข้าไปหารืออีกคนพูดถึงที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกที่โด่งดังสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็คล้ายกับปัจจุบัน แม้จะเหลือคนเก่าอยู่เพียงคนเดียว“พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ที่เป็นประธานใหญ่!ดูรูปการณ์ต่างๆแล้วบรรยากาศคล้ายกันมากชุดนั้นก็ให้คำปรึกษารัฐบาลที่สร้างความคึกคักด้วยนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแต่สุดท้ายรัฐบาลชุดนั้นก็ถึงแก่จุดจบ เพราะถูก รสช.โดยนายทหาร จปร.5 ทำการยึดอำนาจด้วยข้อหา “บุฟเฟต์คาบิเนต” ทุจริตโกงกินกันมากก็อย่าให้อาถรรพณ์นี้ตามมาซ้ำอีกก็แล้วกัน...การที่พรรคฝ่ายค้านปรับเปลี่ยนมายื่นซักฟอกนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวนั้นน่าจะสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทางการเมืองคือการขึงพืด “แก้วตาดวงใจ” ของผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายกรัฐมนตรีถูกตั้งข้อหาที่เห็นได้จากสาระในญัตติที่ระบุเอาไว้ทุกประการทำให้สามารถอภิปรายได้อย่างเต็มที่และสามารถลอกคราบพฤติกรรมต่างๆที่ปรากฏออกมาตีแผ่ให้ชาวบ้านได้เห็นกระจ่างหูกระจ่างตาถ้ามีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ใช้นักพูดที่ชำนาญการและเร้าใจก็จะถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แสดงให้เห็นว่าได้เกิดอะไรขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ที่เข้ามาบริหารประเทศไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีความรู้ความสามารถเต็มใจให้ “พ่อ” ครอบงำแล้วแบบนี้จะบริหารประเทศได้อย่างไร?ประเด็นหนึ่งคือปัญหาเศรษฐกิจที่มีแต่คำคุย เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่ฟื้น ดูได้จากตลาดหุ้นที่ดัชนีร่วงลงทุกวันอันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลนี้การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ แม้จะเปิดเกมรุกได้ดี แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการเองทั้งหมด รัฐบาลจีนได้ส่งคนมาช่วยเหลือและประสานงานจนการแก้ไขปัญหาเป็นรูปเป็นร่างอีกทั้งการเปิดประเด็นต่างๆก็เป็นฝีมือของฝ่ายค้าน กว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นได้ก็ทะเลาะกันเองจนฝ่ายมิจฉาชีพตั้งรับได้แม้เสียงโหวตนายกรัฐมนตรีจะผ่านไปได้เนื่องจากเสียงสนับสนุนมากกว่าแต่พฤติกรรมในความเป็นผู้นำทางการเมือง เพื่อหวังให้ประชาชนสนับสนุนคงลำบากอย่างแน่นอนเพราะความไม่เชื่อมั่นนั่นทำให้พรรค “ส้ม” สามารถสร้างคะแนนนิยมประกบติดได้ที่เคยปรามาสหมิ่นหยามก่อนหน้านี้คงได้เห็นกันแล้วว่าคนรุ่นใหม่ยุคสมัยนี้ก็มีความคิดอ่านที่แหลมคมไม่น้อยข้อสำคัญกล้าสู้กล้าชนะอีกด้วย ก็หารือบรรดาองครักษ์ให้ดีเพราะเกมนี้จะวัดอนาคตการเมืองด้วย!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม