ประกาศเป็นนโยบายวาระแห่งชาติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งซีลชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน 6 เดือน ต้องเห็นผลการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นแม่งานมอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานภาพรวมของพื้นที่
นายภูมิธรรมระบุว่า นายกฯได้เน้นย้ำสั่งการว่า 6 เดือนต้องเห็นผล อะไรที่เฉยชาหรือไม่ปฏิบัติตามอย่างแข็งขัน มีการตกลงกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทุกหน่วยแล้ว หากเพิกเฉยต้องดึงออกมาก่อน ดังนั้นต้องร่วมมือกันและทำโดยทันที มาตรการชายแดน เช่น ตัดไฟและอินเตอร์เน็ต เป็นจุดเริ่มต้นกวาดบ้านให้สะอาด
กองทัพต้องเพิ่มความเข้มข้น ลาดตระเวน เสริมกำลังพลป้องกันชายแดน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการรับมือขบวนการ ลักลอบข้ามแดน ขณะที่การไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค (กฟภ.) ให้เตรียมความพร้อม หากจำเป็นต้องดำเนินการตัดสินใจงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า หากมีการทำผิดวัตถุประสงค์และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ
กสทช.ให้หันเสาส่งสัญญาณ หรือตัดสัญญาณในพื้นที่ชายแดน ที่มีการนำสัญญาณโทรคมนาคมจากประเทศไทยไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยใช้มาตรการ “ซิม เสา สาย” โดยเฉพาะสายเคเบิลใดที่ตรวจสอบแล้วไม่มีเจ้าของให้ตัดทิ้งเลย หากตรวจไปเจอที่ไหนพบความไม่ถูกต้องก็ตัดทันทีเช่นเดียวกัน
ขอบคุณและชื่นชมในความมุ่งมั่น ทุ่มเทความกล้าหาญของทุกคน ส่วนผู้ที่ปล่อยปละละเลยละเว้นหน้าที่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ปล่อยให้ขบวนการผิดกฎหมายดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ เป็นการทำลายเกียรติของตนเองและองค์กร หากพบผู้ใดกระทำผิดละเลยสมรู้ร่วมคิดจะต้องถูกดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น
จากการเดินหน้าขึงขังจริงจัง โดยเริ่มจากทางฝั่งประเทศเมียนมา สามารถสร้างความกดดันจนทางการประเทศเมียนมา และกองกำลังชนกลุ่มน้อย เริ่มตระหนักถึงท่าทีของประเทศไทย แม้มาตรการทั้งหมด ที่ทำไปอาจยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่ก็มีผลบวกในทางที่ดีขึ้น มีเสียงชื่นชมรัฐบาลที่ใส่ใจปัญหานี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแน่นอน
...
อีกฟากฝั่งที่ยังเป็นปัญหา คือบริเวณตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ปอยเปต-อรัญประเทศ ที่มีข่าวคราวแก๊งคอลเซ็นเตอร์หนักหน่วงเรื่อยไปถึงขบวนการ การค้ามนุษย์ซ้อมทรมาน หวังว่ารัฐบาลที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาใหญ่จะช่วยแก้ปัญหานี้ให้เห็นผลชะงัด ขจัดให้หมดสิ้นไปโดยเร็ววัน.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม