การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ทั่วโลกจับตาว่า ทรัมป์ จะประกาศนโยบายสำคัญอะไรออกมาอีก นอกจากเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น บีบให้ชาติยุโรปต้องนำเข้าแก๊สและน้ำมันจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น บีบให้ประเทศต่างๆต้องผูกอัตราแลกเปลี่ยนไว้กับสกุลเงินดอลลาร์ต่อไป
การจัดระเบียบโลกใหม่ ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอยู่ที่ 2.7-3.2% เท่านั้น แม้แต่สหรัฐฯเองคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.7 หรือจีนที่คาดว่าเศรษฐกิจจะโตไม่เกินร้อยละ 5 มาเจอมาตรการด้านภาษีจาก ทรัมป์ เข้าไปอีก อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวลงอีก 0.4-0.6% ส่วนเศรษฐกิจบ้านเราปี 2025 จากองค์ประกอบหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ นโยบายการลงทุนและอัตราดอกเบี้ย ไม่มีความสมดุล หยินหยางไม่สมดุลกัน รายรับกับรายจ่ายไปคนละทิศละทาง วิเคราะห์กันว่า นโยบายของทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตลดลง 0.3-0.5% การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 2.2-2.7% เท่านั้น
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s Investor Service เตรียมประกาศการพิจารณาจัดอันดับความน่าเชื่อถือในเร็วๆนี้อีกระลอก ที่จะต้องย้ำถึง สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย และ การขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพี ที่กำลังจะเข้าสู่จุดอันตราย ใกล้ชนเพดานร้อยละ 70 ในปีงบประมาณ 2568 ภาครัฐมีภาระหนี้สินที่ต้องชำระรวมกว่า 299,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นดอกเบี้ยถึง 210,000 ล้านบาท เกิดจากภาระเงินกู้เป็นหลัก จะเป็นการซ้ำเติมภาพลักษณ์และความเชื่อถือของประเทศอีกกระทอก
นโยบายพลังงานจะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยภายนอก และการเข้าสู่ยุคของ EV สถานการณ์พลังงานของไทยมีข้อถกเถียง ไม่ว่ากรณีแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ POP 2024 เช่นที่กระทรวงพลังงานมีการสั่งระงับการซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจำนวน 2,180 เมกะวัตต์ สถานะหนี้กองทุนน้ำมัน รวมถึงแผนการจัดหาพลังงานของประเทศ ที่กระทรวงพลังงานและรัฐบาลจะต้องเปิดกว้างกว่านี้มากกว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อย
...
แม้แต่ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ ยังเชื่อว่า เทคโนโลยี นิวเคลียร์รุ่นใหม่ ที่ปลอดภัย สะอาด และประหยัดกว่า คือคำตอบของพลังงานแห่งอนาคต หรือที่เรียกว่า Natruim ที่ใช้โซเดียมเหลวในการระบายความร้อนแทนน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพสูง ปลอดภัยขึ้นและต้นทุนต่ำ ไทยเองก็ได้ฤกษ์นับหนึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ กกพ.เตรียมเซ็นเอ็มโอยูกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาความเป็นไปได้ ในเบื้องต้น จะทดลองโรงไฟฟ้าขนาดเล็กไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ คาดจะทำให้ต้นทุนค่าไฟเหลือแค่ 2 บาทต่อหน่วย
การเมืองที่ไม่สะเด็ดน้ำ จะแก้รัฐธรรมนูญกันท่าไหนกฎหมาย การทำประชามติสองชั้นหรือชั้นเดียว จะต้องรอเริ่มต้นกันใหม่ในอีก 180 วัน จะทันหรือไม่ทันการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 เป็นเรื่องของน้ำลายล้วนๆ ค่ายรถนิสสัน ฮอนด้า มิตซูบิชิ ยังจับมือกันเพื่อต่อสู้กับรถอีวีจากจีนได้ อันวาร์ยังกล้าเชิญทักษิณไปเป็นที่ปรึกษา ถ้ามัวคิดอยู่ในกะลาครอบก็เตรียมตัวตายอยู่ในกะลาครอบ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม