นับถอยหลัง รอวันดื่มด่ำกับอิสรภาพที่โหยหา

ยังไงก็ไม่พลาดต้นสัปดาห์หน้า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขวัญใจคนรากหญ้า จะได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว หลังมีชื่อเป็น 1 ใน 930 ผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษ

เข้าเกณฑ์เงื่อนไขจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 ของโทษที่ได้รับ หรือ 6 เดือนและอายุ 70 ปี ขึ้นไปมีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง ท่ามกลางเสียงนินทายังไม่เห็นภาพการถูกจองจำ ไม่ถูกขังคุกแม้แต่วันเดียว

แต่ใครจะพูดอะไรไม่อินังขังขอบ รีโนเวทบ้านจันทร์ส่องหล้ารอรับเอาไว้แล้ว

แม้มีเหตุให้ต้องสะดุ้งเล็กน้อย จู่ๆตำรวจ-อัยการก็ไปขุดคุ้ยคดีค้างเก่ามาประกาศอายัดตัว ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2558

แต่ถึงยังไงก็ไม่ต้องถูกจำคุกต่อ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนต่อสู้คดี ต้องใช้เวลาไต่สวนอีกพักใหญ่ถึงจะพิพากษาส่อเจตนาชี้เป้าไปยังหลังฉากกลุ่มอำนาจเก่าหวังสร้างชนักไว้ปักหลัง สร้างความหวาดระแวงให้นายทักษิณพร้อมส่งสัญญาณเตือนยังอยู่ในฐานะตัวประกัน เชลยอำนาจ

แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายสนใจและพยายามคาดเดา คิดแทน คือ “ทักษิณ” จะมีบทบาทท่าทีต่อกระดานอำนาจ รัฐบาล และการเมืองไทยเช่นไรหลังได้รับอิสรภาพ

ดูแนวโน้มแล้วคงไม่กลับบ้านกบดานเงียบๆแน่ น่าจะมีสีสันมากกว่าตอนอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

...

เพราะทั้ง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง รวมทั้งบรรดารัฐมนตรีแกนนำพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณตรงกัน เชื้อเชิญเปิดทางให้อดีตนายกฯออกมาแสดงทัศนะ ให้คำปรึกษารัฐบาลเต็มที่

ทุกวันนี้แม้อยู่เงียบๆก็ไม่พ้นคนนินทา ปล่อยข่าวว่าอยู่เบื้องหลังบงการพรรคเพื่อไทย ทำให้ดูร้ายมากกว่าดี

ยิ่งกลับไปบ้านแล้วกบดานเงียบเฉย ยิ่งน่าจะโดนหนักกว่า

ดังนั้นก็คงกำหนดบทบาทพูดแต่พอเหมาะ พูดแต่เรื่องแก้ปัญหาชาติ ฟื้นเศรษฐกิจ ช่วยรัฐบาลทำงานเท่านั้น

ส่วนเรื่องการเมืองโนคอมเมนต์ เพราะไม่ว่าจะพูดมาก พูดน้อย ล้วนมีผลกระทบรุนแรง และภัยอาจมาถึงตัว

ไม่ทันไรก็โดนตั้งโจทย์ด้อยค่า สร้างฉากพระอาทิตย์ 3-4 ดวง ประเทศไทยมีนายกฯหลายคนแล้ว

ถ้า “ทักษิณ” นิ่งเงียบอยู่หลังฉาก ก็หนีไม่พ้นคำครหาบงการครอบงำ อาจทำให้ “นายกฯนิด” ลำบากอีก

กลับกันถ้า “ทักษิณ” พูดมาก ออกหน้าจัดการทุกสิ่ง “นายกฯนิด” ก็เสียรังวัด เกิดปัญหาภาวะผู้นำ

รู้เขารู้เรา ดังนั้นจึงต้องออกทางสายกลาง พูดแต่เรื่องสร้างสรรค์ สาระนโยบาย ช่วยรัฐบาล ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ

และนั่นคือเรื่องสำคัญจำเป็นของทั้งเครือข่ายองคาพยพ ไม่ว่า นายทักษิณ นายเศรษฐา เรื่อยไปจนถึงพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นโจทย์สำคัญที่ตั้งไว้แต่ยังทำไม่ได้ สุดท้ายถ้าไม่สำเร็จก็พังทั้งคณะ

“ทักษิณ” อาจสวมบท “มังกรหลับ” จูกัดเหลียงขงเบ้ง เป็นกุนซือเศรษฐกิจให้รัฐบาล ประสานความคิดอ่านกับเล่าปี่ “นายกฯนิด” เป็นระบบไฮบริดติดเทอร์โบ จังหวะเวลาถือว่าพอดีที่รัฐบาลจะได้ลุยงานจริงจัง งบประมาณเริ่มเข้า

หลังจั่วลมไปมาอยู่ 5-6 เดือน นโยบายเรือธง โปรเจกต์ใหญ่ยังไม่ปัง แม้แต่นับหนึ่งก้าวแรกยังไม่ได้

หากมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า กับสภาพผลงานตัวเองตอนนี้ จำเป็นต้องเร่งมือด่วนจี๋

เหนืออื่นใดต้องทำเพื่อตัวเองและเป็นที่พึ่งพาของฝ่ายอนุรักษนิยมด้วย

“ทักษิณ” จำเป็นต้องทำทุกทางให้พรรคเพื่อไทยกลับมากระแสแรงอีกครั้ง

หากกลุ่มอำนาจเก่ามองว่าเพื่อไทยไร้ประโยชน์ ทู่ซี้ไปต่อก็มีแต่เสียเวลาเปล่า อาจเจอเกมบอนไซ โดนโละไวกว่าที่คาด แล้วพลิกไปเล่นเกมอื่นด้วยตัวเอง

เพียงแต่ตอนนี้ทรงยังใช้ได้ ไหวอยู่ เพื่อไทยยังจำเป็นในฐานะตัวหลักคานอำนาจกับพรรคก้าวไกล

ส่วนเรื่องจะพลิกขั้วกลับไปร่วมกับก้าวไกล ตัดไปก่อนได้เลย เพราะตอนนี้ “ทักษิณ” เองก็ยังไม่ปลอดภัย

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

และอย่าลืมว่าอดีตนายกฯน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็ยังร่อนเร่อยู่ต่างแดนอีกคน

จุดนี้คือเงื่อนไขสำคัญล็อก “ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทยเอาไว้ ต่อให้ได้รับอิสรภาพแล้ว “ทักษิณ” ก็ยังต้องทำให้ตัวเองและเพื่อไทยมีคุณค่า

เพียงแต่ยังข้องใจในความย้อนแย้ง ยังโดนเครือข่ายอำนาจเก่าขัดแข้งขัดขาไม่เลิก

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตโดนรุมยำ ทั้ง สว. องค์กรอิสระ และเป็น ป.ป.ช.ที่ลงทุนออกหน้ามาเสียบสกัด

ทั้งที่ต้องพยายามปั้นผลงานเพื่อไปคานพรรคก้าวไกล แต่กลับย้อนแย้งเหมือนไม่ให้ทำอะไรสักอย่าง แบบนี้จะเอาอะไรไปขายชาวบ้านในสนามเลือกตั้ง

สุดท้ายนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะลงเอยยังไง ฝืนไปต่อก็ไม่ค่อยสวยแล้ว

หรือ “ทักษิณ” ต้องเสียเวลารื้อ คิดใหม่ ทำใหม่.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม