หลังจากอภิปรายในสภาฯ 3 วัน 2 คืน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ก็ผ่านวาระแรกรับหลักการด้วยคะแนนเห็นชอบ 311 เสียง ไม่เห็นชอบ 177 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง พิสูจน์ว่าเสียง สส.ซีกรัฐบาลแน่นปึ้ก และที่สร้างความฮือฮาคือมี สส.พรรคไทยสร้างไทย 3 คน แหกมติวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไปโหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 ประกอบด้วย คุณสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร คุณหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และคุณอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี

ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเป็นกฎหมายทางการเงิน ตามธรรมเนียมแล้วนายกฯจะต้องแสดงความรับผิดชอบหากร่างกฎหมายไม่ผ่านวาระแรก แต่ในช่วงต้นเทอมรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังหวานชื่นกันอยู่ ประกอบกับบรรยากาศและเงื่อนไขการเมืองแบบนี้ ไม่มีทางที่จะแพ้โหวตในสภาฯ ถึงอย่างไรร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 ต้องผ่านความเห็นชอบแน่นอน ยังไม่มีความจำเป็นต้องร้อนรนรีบใช้บริการ สส.งูเห่า

ก็ไม่รู้ว่า สส.งูเห่าทั้ง 3 คน มีเหตุผลแท้จริงอย่างไรที่โหวตสวนมติวิปฝ่ายค้าน หรืออาจมีข้อตกลงอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ แต่คอการเมืองตั้งข้อสังเกตว่า นี่คือกลุ่มงูเห่าชุดแรกที่พร้อมสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลในการลงมติเรื่องต่างๆและวาระสำคัญในอนาคต

ดูเหมือนปรากฏการณ์ สส.งูเห่าจะอยู่คู่การเมืองไทยไปแล้ว เพราะกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ รัฐธรรมนูญมาตรา 124 ระบุว่า ในที่ประชุมสภาฯ ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมาชิกจะกล่าวถ้อยคำแสดงความเห็น หรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์เด็ดขาด นอกจากนี้ข้อบังคับการประชุมสภาฯก็กำหนดสอดคล้องกันคือ ในการอภิปรายหรือลงมติ สส.ย่อมมีอิสระไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใดๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง การเกิด สส.งูเห่าก็ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ความเป็นเอกภาพของฝ่ายค้าน และเสื่อมเสียผิดมารยาททางการเมือง

...

ต้องขอชื่นชม คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ที่ แสดงความรับผิดชอบ ทันทีที่ทราบผลการลงคะแนนของ 3 สส.งูเห่า ด้วยการยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค นี่คือสปิริตที่หายากขึ้นทุกวันในหมู่นักการเมืองไทย

ในหนังสือลาออกระบุว่า ก่อนหน้าจะมีการลงคะแนนเสียง ได้เชิญ สส.ของพรรคทั้ง 5 คนเข้าร่วมหารือ เพื่อกำชับทุกคนให้ลงคะแนนเสียงตามมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน คือลงคะแนนไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 เน้นย้ำถึง 3 ครั้ง แต่เมื่อปรากฏเป็นข่าวว่ามี สส.ของพรรค 3 คนลงคะแนนเห็นชอบ ซึ่งเป็นการขัดกับมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตนจึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค

พร้อมกันนี้คุณฐากรได้ให้สัมภาษณ์ขอโทษผู้นำฝ่ายค้านและประธานวิปฝ่ายค้านต่อกรณีดังกล่าว ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว แต่เมื่อกำกับ สส.ไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ไม่อยากให้ใครมองว่าคุมพรรคไม่อยู่ พอไม่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็เกิดปัญหาแบบนี้

ถึงแม้พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคเล็ก มี สส.แค่ 6 คน แต่ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ ถือว่าทำการบ้านมาเป็นอย่างดี คุณฐากรได้ตั้งฉายางบฯ 67 ว่า “3 ขาด 3 เกิน 1 พอได้” คือมี 3 กระทรวงที่ได้งบลงทุนน้อยเกินควร ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข มี 3 กระทรวง ที่ได้รับงบลงทุนมากเกินไป ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม ส่วน 1 กระทรวง ได้งบลงทุนในอัตราส่วนที่พอรับได้ คือกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องดูแลคุณภาพชีวิตเกษตรกรทั่วประเทศ

การอภิปรายของคุณฐากรสรุปเนื้อหากระชับ มีข้อมูลตัวเลขชัดเจน พร้อมข้อเสนอแนะ ไม่เสียดสีกระทบกระเทียบ อาจไม่ดุเดือดเผ็ดร้อน แต่พูดเชิงสร้างสรรค์ให้เอาไปปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการ รวมถึงการจัดทำงบฯปี 68

เสียดายตอนจบดันเจอกลุ่ม สส.งูเห่าทำพิษ.

ลมกรด

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม