จบเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนคนไทยกลับเข้าสู่โหมดปกติ ดำเนินวิถีชีวิตต่อไป พร้อมเผชิญกับสถานการณ์ที่รออยู่ข้างหน้า
ท่ามกลางสภาวะแปรปรวนของสภาพอากาศ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แค่ชั่วข้ามวัน กะทันหันจนร่างกายปรับสภาพกันแทบไม่ทัน
ไหนจะฝุ่นควันพิษ PM2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่
สารพัดปัจจัยกระตุ้นความผิดปกติของเซลล์ร่างกาย ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องป่วยไข้จากอาการแพ้อากาศ เป็นโรคทางเดินหายใจ
มันกลายเป็นวิกฤติประจำถิ่นของประเทศไทย มาตรงเวลาตามฤดูทุกปี
อากาศขมุกขมัวไปด้วยฝุ่นควัน อุณหภูมิเริ่มไต่ระดับความร้อน ล้อไปกับบรรยากาศการเมืองที่ส่อระอุตั้งแต่เปิดศักราชใหม่
หมดช่วงวันหยุดลองวีกเอนด์ เปิดทำการวันแรก 2 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ก็นั่งเป็นประธานประชุม ครม.ทันที
เครื่องร้อนตามฟอร์มโชว์ลูกขยัน ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ตามสภาพการณ์บังคับ นายเศรษฐาและทีมงานรัฐบาลผสมพรรคเพื่อไทย ต้องเตรียมตั้งรับแรงเสียดทานที่พุ่งเข้าปะทะ จังหวะต้องเผชิญเครื่องกีดขวาง
ด่านสกัดวัดฝีมือในเชิงบริหาร ครม.สูตรพิสดาร
ต้องดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ เกม “ตอกย้ำ” ประทับภาพผู้นำ “เซลส์แมนสแตนชิน” รัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม ฉายาที่สื่อทำเนียบรัฐบาลตั้งให้
ปักหมุดกลายเป็น “ภาพจำ” ของผู้คนในสังคม
อารมณ์ที่นายเศรษฐาต้องแสดงให้เห็นว่า มีดีมากกว่า ที่ถูกตีราคา
ก่อนอื่นเลย ประเดิมคำถามแรกของนักข่าวต้อนรับศักราชใหม่ ว่าด้วยปมกระแสข่าววงในการปรับ ครม.เปิดทางให้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าเสียบเก้าอี้รัฐมนตรี
...
อุ่นเครื่อง เผาหัว พร้อมคั่วตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นช็อตต่อไป
แม้จะเป็นแค่คำถามนำ ตามจังหวะล่อให้ผู้นำติดเบ็ดไหลตามน้ำ แบบที่นายเศรษฐาไม่ยอมถลำตาม บอกปัดยังไม่คิดขยับปรับทีมบริหาร
ปิดสัญญาณ ไม่มีเสียงตอบรับจากเบอร์หนึ่งทำเนียบรัฐบาล

เช่นเดียวกับ “อุ๊งอิ๊ง” ที่ออกมายืนกรานอีกเสียง ยังไม่มีการปรับ ครม. ไม่มีเรื่องที่จะเข้าไปนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี
ขอดันซอฟต์พาวเวอร์ โฉบๆอยู่ข้างวงไปพลางๆ
หัวแถวพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ปิดเกม ณ ตอนนี้ยังไม่มีการขยับปรับ ครม.ที่เพิ่งทำงานกันได้แค่ 4 เดือนกว่าๆ
ด้วยเงื่อนเวลามันยังไม่สมเหตุสมผล เรื่องตัวบุคคลก็ไม่ได้มีปัญหา
แต่เรื่องของเรื่อง กระแสข่าวปรับ ครม.มันล้อตามสภาพการณ์คาบลูกคาบดอก สภาพอำนาจก้ำกึ่งๆ แบบที่ “ทีมการเมืองไทยรัฐ” วิเคราะห์คาดการณ์
การเมืองปี 2567 ปี “อำนาจซ้อน”
ตามความคลุมเครือ อำนาจทับซ้อนระหว่าง “ทำเนียบฯ” กับพรรคเพื่อไทย ที่นักเลือกตั้งอาชีพรู้ได้โดยธรรมชาติ สัมผัสได้ด้วยความไวของจมูกพิเศษที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าคนทั่วไป สามารถไล่ตามกลิ่น
เลือกปักหมุด “เช็กอิน” ตาม “ศูนย์อำนาจ” ตัวจริงเสียงจริง
การแห่ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ใช่แค่กระแสเลื่อนลอยลมๆแล้งๆ แต่เป็นการจุดไฟ ตามหัวเชื้อชนวนที่มีควันโชยอยู่ทุกระยะ
แค่รอจังหวะที่คลิก ตามโปรแกรมอำนาจที่ออกแบบพิมพ์เขียวไว้แล้ว
แนวโน้มนายเศรษฐาเองก็รู้สถานภาพดี ออกตัว ขอเวลาแค่ครบเทอม 4 ปี
ตามสภาพของผู้นำที่ต้องผูกปิ่นโตกับ “ทีมหามแห่” แค่เดิมพันสำคัญแรกในสภาฯ นายเศรษฐาต้องส่งซิกเรียกตั้งวงอาหาร ขอแท็กทีมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในการรวมพลังเข็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่คาบเกี่ยวต่อเนื่องมาจากอดีตรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ
เป็นเหมือน “พินัยกรรม” ตกทอดมาถึงรัฐบาลเพื่อไทยที่ทำได้แค่ปรับแก้

และนั่นก็หนีไม่พ้นโดน “เดอะต๋อม” นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทัพไล่แซะสัมพันธภาพรัฐบาลสูตรพิสดาร รายการเหยียบเท้ากันเล่นระหว่าง “นายใหญ่” กับขุมข่ายรัฐบาลเก่า
เปลี่ยนปก ลอกพิมพ์เขียวลุง ถลุงงบประมาณใช้คำวิจารณ์แรง รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจแบ่งกันกิน
เช่นเดียวกับนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ที่เหน็บรัฐบาลเพื่อไทย จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 แบบตัดแปะ
ลอกแบบมาจากรัฐบาลเก่าเหมือนฝากเลี้ยงเอาไว้
และที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตามมาตรฐานสวยแบบแสบๆ “ดร.ไหม” น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค กัปตันทีมเศรษฐกิจค่ายสีส้ม ร่ายกระบี่ตวัดใส่นิ่มๆ กระตุกมาตรฐานยี่ห้อเพื่อไทยที่ชูจุดขายเชี่ยวเชิงบริหารเศรษฐกิจ
เย้ยรัฐบาลโกงสูตรจีดีพี สอดไส้ตัวเลขเงินเฟ้อ
ในขณะที่ สส.พรรคก้าวไกล ทีมเด็กหน้าใหม่ที่โชว์ฟอร์มการอภิปรายในสภาฯได้ไม่เคอะเขิน ไล่เบี้ยการจัดงบฯรายกระทรวงได้แบบเข้าตาคนดูทางบ้าน
ผูกโยงการแบ่งเค้กงบประมาณกับการฉีกขั้วรัฐบาลสูตรพิสดาร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เวทีการไล่ชำแหละ พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ก็อยู่บนพื้นฐานการอ้างอิงตามข้อมูลหลักฐาน ตอบโต้กันด้วยเหตุด้วยผล
ยกระดับอยู่บนพื้นฐานของการเมืองเชิงคุณภาพ
แทบไม่มีการประท้วงตีรวน วอล์กเอาต์กันวุ่นวาย แม้แต่มวยเก๋าของพรรคเพื่อไทย ยังยกให้มาตรฐานการอภิปรายของทีมเด็กก้าวไกล
เป็นมิติใหม่ นำร่องการเมืองสร้างสรรค์
และตามรูปการณ์ที่คาดเดาได้ สุดท้ายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี พ.ศ.2567 ก็คงผ่านการพิจารณาของสภาฯไปตามความจำเป็นของประเทศชาติที่ต้องใช้งบประมาณบริหารราชการแผ่นดิน พัฒนาด้านต่างๆ
ไม่เกินฝ่ามือของพรรคร่วมรัฐบาลจะลากกันไปได้
ขณะที่ฝ่ายค้านก็แค่โชว์ฟอร์มเรียกแต้ม ตามลีลาของพรรคก้าวไกลที่ฉวยรายการเดิมพันสำคัญในสภาฯ กระตุ้นคะแนนนิยมกันพอเป็นพิธี
แต่จุดโฟกัสจริงๆกับสิ่งที่แฝงมากับ ศึกอภิปรายงบประมาณ พ.ศ.2567 ก็คือ “วาระแทรก” กระแทกไปถึงคนชั้น14
อาการแบบที่พรรคเพื่อไทยสะดุ้งระแวงก่อนใคร
ยังไม่ทันเริ่มต้น ก็รีบตีกันฝ่ายค้าน ไม่ให้แตะต้อง “นายใหญ่” ตั้งท่าปกป้องกันถึงขั้นขยับตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์กันอย่างกับไข่ในหิน
และก็มาตามนัดจริงๆ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ สายตรง “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” ชูธงคู่อาฆาต

แค้นฝังหุ่นระบอบทักษิณ เปิดปฏิบัติการตีกราดไปถึงตึกสูง
กระแทกชิ่งงบประมาณกระทรวงยุติธรรม เหน็บแนมมาตรฐานการควบคุมผู้ต้องหาตามหลักสิทธิมนุษยชน โลกสากล ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
แขวะเกมปล่อยนักโทษวีไอพีบางคนเข้า “คุกทิพย์”
กระตุก สส.พรรคเพื่อไทย ยกมือประท้วงกันวุ่นวาย ตอบโต้กับฝ่ายประชาธิปัตย์ที่ลุกขึ้นซัดกลับหน้าดำหน้าเขียว
และก็นั่งอมยิ้มอยู่เฉยไม่ได้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ต้องลุกขึ้นชี้แจง ยืนยันนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ได้สิทธินอนรักษาตัวอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ “ป่วยจริง”
แจกแจง ราชทัณฑ์ไม่ใช่ที่ฆ่าคน คนเจ็บป่วยต้องได้รับการรักษา การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไปไหนไม่ได้ก็ถือว่าเป็นการสูญเสียอิสรภาพแล้ว
เปิดหน้าฉายภาพกันชัดๆ กระตุกกระแสสปอตไลต์ฉายส่อง
แนวโน้มสถานการณ์ ชั้น 14 คือเป้าโฟกัส เงื่อนไขเกมอำนาจการเมืองร้อนฉ่าตั้งแต่ประเดิมศักราชใหม่
ตามเหลี่ยมเกม ฝ่ายต้านรัฐบาลเพื่อไทยเดินหน้ารุกไล่ขยี้ “กล่องดวงใจ” เขย่า “จุดอันตราย” รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา
ยั่วลูกข่าย “นายใหญ่” ต้องดิ้น ปกป้องไข่ในหินสุดแรงเกิด.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม