ก่อนจะขอลาหยุด ยังอุตส่าห์เข้าร่วมประชุม ครม. “นายกฯนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ไม่อยากพลาดเป็นส่วนหนึ่งร่วมผลักดันกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม”
เช่นเดียวกับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแอ็กชันสวยๆ ร่วมแสดงความยินดี
หลังจากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ไม่น่ามีปัญหาเพราะ 2 พรรคใหญ่ เพื่อไทย กับก้าวไกล ไฟเขียวอยู่แล้ว โดยเฉพาะค่ายส้มเป็นหัวหอกขับเคลื่อนเรื่องนี้เรื่อยมา พร้อมยกมือผ่านให้ทั้งพรรค
วกกลับมาที่ประชุม ครม. นายกฯต้องมาร่วมนัดนี้ เพื่ออนุมัติจัดหนัก “ของขวัญปีใหม่” ให้ประชาชน
เซ็นผ่านงบประมาณ 4,900 ล้านบาท แก้ไขหนี้ทั้งระบบ บรรเทาภาระลูกหนี้ในระบบ และช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบให้กลับเข้ามาในระบบ และผลักดันให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อ
ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก. วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2567
ส่วนค่าไฟ 4 เดือนแรกของปี 2567 ม.ค.-เม.ย. อั้นไว้ในอัตราไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วยต่อไป ขณะที่กลุ่มเปราะบาง คงไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย
แต่ของขวัญสำหรับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน “ค่าแรงขั้นต่ำ” ทำท่าว่าจะแป้ก แม้ “นายกฯนิด” จะขึงขังสั่งการผ่านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ไปเมื่อประชุม ครม.นัดก่อน
ขอให้ฝ่ายเกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ให้ผู้ใช้แรงงานมากกว่าเดิม เพราะอัตราปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่คำนวณออกมา 2-16 บาท มันน้อยเกินไป
แต่ปรากฏว่าบอร์ดที่ประชุมค่าจ้าง กระทรวงแรงงาน มีมติเอกฉันท์ให้ยึดตามมติเดิมในอัตรา 2-16 บาท ยักไหล่ไม่สนใจข้อสังเกตห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ออกแอ็กชันรุนแรงขนาดนั้น
...
แม้บอร์ดค่าจ้างจะออกตัวเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ทัน รับประกันปีหน้าปรับปรุงแน่ แต่คงไม่ทำให้นายกฯปลื้ม มีแต่หัวร้อนหนักกว่าเก่า ของขวัญปีใหม่ที่หมายมั่นปั้นมือส่งให้ผู้ใช้แรงงาน ถูกโยนทิ้งต่อหน้า
แม้นายกฯไม่มีอำนาจแทรกแซง ทำได้แค่ขอความร่วมมือ แต่ออกตัวแรงขนาดนี้แล้วไม่ให้กัน ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น จะปัดกันไปปัดกันมา จนเป็นเรื่องเป็นราวลุกลามใหญ่โตหรือเปล่า
ตอนนี้รอลุ้นกันอยู่ทั้งกองเชียร์ กองแช่ง โดยเฉพาะป้อมค่ายสีฟ้า
เหมือนนักฟุตบอลสำรอง รอสัญญาณเปลี่ยนตัวจากโค้ช รอจังหวะผิดพลาดขัดแย้ง ไม่เล่นตามแท็กติกของผู้เล่นตัวจริง วิ่งวอร์มจนกางเกงจะขาดอยู่แล้ว
ถ้าเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจริงๆ อาจมีรายการแอบช่วยใส่ไข่วันละฟอง
ชั่วโมงนี้ทุกสิ่งทุกอย่างของนายกฯเศรษฐาต้องทุ่มลงไปกับการทำงาน สร้างผลงาน เรียกความเชื่อมั่นพอใจจากประชาชนโดยเร็ว และต่อยอดขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ จึงมีหลายครั้งที่ได้เห็นอาการหัวร้อน
เอาตรงๆก็คือนายกฯต้องสร้างราคา เพิ่มมูลค่าตัวเองให้เหมาะกับตำแหน่ง เพราะในสังคมการเมืองรู้กันดีถึงที่มาที่ไป ใครหนุนใครดัน “นายกฯนิด”
ไม่ได้เป็นประเภทเขี้ยวการเมือง หัวหน้ากลุ่ม มุ้ง มี สส.ในสังกัดไว้ต่อรองกับใคร เป็นน้องใหม่แบบใสๆ ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวพันเดินหมากการเมือง บรรดาแกนๆ เสนาธิการพรรคร่วม จะต้องไปคุยกับคนในพรรคเพื่อไทย
“นายกฯนิด” เองก็รู้ดี และก็ควรต้องเป็นเช่นนั้น แต่แน่นอนว่าในทางกลับกันมันก็ทำให้อำนาจ บารมีในฐานะผู้นำเจือจางลงไป
และเมื่อโฟกัสถึงตัว “นายกฯนิด” แล้วชั่วโมงนี้ยังไม่เด่นด้านใดชัดเจน แม้จะมีผลงานความสำเร็จเชิงธุรกิจมาโชกโชน แต่มันยังไม่ซึมซาบเข้าไปในใจคนเมื่อมาอยู่ในตำแหน่งนายกฯ
มีเพียงเสียงชื่นชมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ดูเหมือนยังขาดอะไรไป รออีกอย่างเดียวคือผลงานเกรียวกราวสัมผัสได้
เรื่องแก้หนี้นอกระบบ เป้าหมายทิศทางใช่แล้ว ถ้าแก้ไขได้ผลชะงัด พลิกเปลี่ยนชีวิตคน พิชิตอิทธิพลมืด ฟื้นวิกฤติปากท้องได้ จะถือเป็นผลงานโบแดง เพียงแต่พอลงมือทำแล้วรัฐบาลเองก็รู้ดีไม่ใช่งานง่าย
ครั้นจะคาดหวังผลงานตูมตามจาก “ดิจิทัลวอลเล็ต” ก็ยังอีกนาน แถมต้องลุ้นผ่านด่านลูกผีลูกคน บางทีเรื่องใกล้ตัว หรือปัญหาที่ใครมาก็ไม่กล้าทำ อาจจะเป็นผลงานของ “นายกฯนิด” ก็ได้
เหนืออื่นใดต้องมาให้ไว ไม่งั้น “นายกฯนิด” ก็จะกดดันตัวเองไปเรื่อยๆ กองแช่งแข่งกันทำงาน ข่าวปล่อยเปลี่ยนตัวนายกฯไม่มีวันเลิกราแน่ แม้แต่ในพรรคเพื่อไทยเองก็มี
ถ้าหวั่นไหวสติหลุดก็จบกัน แต่ถ้ามุ่งมั่นทำงานสำเร็จ คนนิยมชมชอบ กระแสพุ่งพรวด
จะเป็นเกราะชั้นดี ฝ่าได้ทุกปัญหา “นายกฯนิด” อยู่ไปยาวๆ.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม