ภาพคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากนักธุรกิจระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศหลายๆราย หน้าโต๊ะจัดเลี้ยงอาหารค่ำ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม กลายเป็นภาพและข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในวันต่อมา
รวมทั้งในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายก็มีการ “แชร์” และส่งข้อความเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางในทำนองประชดประชันว่า นโยบายพรรคบอกจะไม่เอื้อกลุ่มทุน แต่นายกรัฐมนตรีกลับไปกินข้าวกับนายทุนตัวเป้งๆซะงั้น
จริงๆแล้วผู้เผยแพร่ภาพนี้คนแรกก็คือ ท่านนายกฯ เศรษฐานั่นเอง ทวีตภาพลงทวิตเตอร์พร้อมเขียนข้อความว่า “มีโอกาสรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจ...มีประโยชน์มากครับกับการพัฒนาประเทศ ขอบคุณท่านวิชิต สุรพงษ์ชัย”
ท่านก็คงตั้งใจจะรายงานให้ประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะแฟนคลับของท่านได้ทราบว่า ท่านไปทำอะไรมาบ้างในวันดังกล่าว
แต่เผอิญว่าสังคมไทยหรือประชาชนชาวไทยของเรานั้นมีหลายความคิดหลายมุมมอง และต่างก็มอง “ต่างมุม” กันอยู่เสมอๆ
โดยเฉพาะในเรื่อง “คนรวย” กับ “คนจน” จะมี 2 ความคิดที่คู่ขนานกันไป และยากจะมาบรรจบกันได้
คือความเชื่อใน “แนวคิด” ที่ว่าคนรวยมัก “เอาเปรียบ” คนจน เอาเปรียบสังคม สร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองโดยไม่คำนึงถึงเพื่อนร่วมสังคมร่วมชาติ ในอดีตจึงมีความคิดที่รุนแรงกับคนรวยจนถึงขั้นมีคนไทยบางกลุ่มจะลุกขึ้นมาจะโค่นล้มระบบ “ทุนนิยม” ให้กลายเป็นสังคมนิยมเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไม่สำเร็จ
ต่อมาแนวคิดของมนุษย์ก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อพบว่าระบบสังคมนิยมสุดโต่งก็มิได้แก้ปัญหา...มิหนำซ้ำกลับพากันยากจนไปหมดทั้งประเทศ
หันกลับสู่ความคิดดั้งเดิมว่า “ทุนนิยม” เป็นระบบที่ดีที่สุด เพราะเป็นระบบที่ใช้ “ความโลภ” เป็นแรงจูงใจทำให้คนที่อยากรวยทั้งหลายหันมาขยันขันแข็งทำงานแข่งกันเพื่อไปสู่ความรวยนั้นๆ
...
รัฐบาลควรมีหน้าที่ส่งเสริมคนรวยให้ลงทุนมากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตขึ้น เพื่อให้คนในประเทศอื่นๆพลอยมีงานทำไปด้วย
เพียงแต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำควบคู่กันไปก็คือ จัดเก็บภาษีให้ถูกต้องอย่าให้รั่วไหลยิ่งรวยยิ่งดี รัฐบาลจะได้เก็บภาษีมากๆ
ทุกวันนี้แนวความคิดทั้ง 2 ด้านนี้ก็ยังคงอยู่...ทั้งโลกแหละครับ รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วยอย่างว่า
เมื่อนายกฯเศรษฐาไปรับเลี้ยงเศรษฐีเข้าจึงเกิดประเด็นและการตั้งคำถามจากกลุ่มที่ไม่ไว้ใจนายทุน ซึ่งยังมีอยู่มากในบ้านเรา
เป็นผลให้นายกฯเศรษฐาต้องชี้แจงยืดยาวในวันต่อมา
สำหรับผมค่อนข้างเอนไปทางเห็นด้วยกับกลุ่มหลัง คือเชื่อในระบบ “ทุนนิยม” เชื่อในการลงทุนใหญ่และเชื่อว่าความสำเร็จในการพัฒนาประเทศจะต้องมาจากนักลงทุนใหญ่
หลังจากผ่านประสบการณ์มาพอสมควร และครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสในการแก้ปัญหาความยากจนของคนไทยมายาวนาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเสียที และต่อมาเมื่อได้อ่านเอกสารต่างๆมากขึ้นก็เริ่มคล้อยตามความคิดใหม่ (ซึ่งเก่าแล้ว) ว่าเราคงต้องเพิ่มการลงทุนเพื่อให้เพิ่ม GDP หรือความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปโดยตลอดเสียก่อนแล้วค่อยหาทางกระจายออกไปสู่คนจน
สิ่งที่รัฐจะต้องทำให้ได้อย่างจริงจังก็คือ คนรวยต้องเก็บภาษีทุกเม็ดอย่างเต็มที่ ไม่ให้รั่วไหล แล้วนำเงินเหล่านั้นไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของประเทศโดยรวมเป็นส่วนใหญ่และส่วนหนึ่งก็แบ่งมาจุนเจือคนจนในช่องทางต่างๆตามความเหมาะสม
ขณะเดียวกัน “สังคม” ก็จะต้องช่วยกดดัน “นายทุน” ควบคู่ไปด้วยว่า ท่านเสียภาษีถูกต้องก็ดีแล้ว แต่ยังไม่พอนะอยากให้ท่านช่วยเหลือคนจนมากขึ้นอีก...แบ่งเงินมาช่วยการกุศล มาทำ CSR ให้เยอะๆอีกจะได้ไหม เพื่อให้คนจนเขารู้สึกว่าเขาไม่โดนทอดทิ้ง
ผมจึงมองภาพนายกฯเศรษฐารับเลี้ยงจากบรรดา “เศรษฐี” ด้วยความรู้สึกที่ดีและขอเอาใจช่วยให้ธุรกิจของอภิมหาเศรษฐีที่มาคุยกับนายกฯจงเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ขอเพียงอย่างเดียว ท่านทั้งหลายต้องเสียภาษีให้ถูกต้องและควักเงินมาช่วยสังคมให้มากๆต่อไป ซึ่งหลายๆท่านก็ทำอยู่แล้ว แต่ถ้ารอด “พายุเศรษฐกิจ” งวดนี้ไปได้อยากให้ท่านทำเพิ่มขึ้นอีก สักเท่าตัว...ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ ณ วันนี้เลยครับ.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม