“บิ๊กตู่” ลุยตรวจงานภูเก็ตเตรียมพร้อมจัดงานเอ็กซ์โป 2028 อ้อนชาวบ้านยังเป็นนายกฯคนเดิม รทสช.สลับคิวเล่นใหญ่เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.-แคนดิเดตนายกฯ 25 มี.ค. “บิ๊กป้อม” โชว์ควงตะหลิวผัดซีอิ๊วก่อนตระเวนปราศรัยใหญ่เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย-เชียงใหม่ “ธรรมนัส” ลั่นได้ ส.ส.50 ขึ้นไป “อนุทิน” ยอมรับดีล ภท.-พปชร.ลงตัว เคลียร์จบครบทุกเรื่อง ออกตัวสายสัมพันธ์กับนายกฯยังแน่นหนึบ “จุรินทร์” ขวางเต็มตัวกัญชาเสรี พท.ปราศรัยใหญ่ระยอง “ชลน่าน” ย้ำ 310 เสียงชนะขาดตั้งรัฐบาล “เศรษฐา” มั่นใจแลนด์สไลด์ทุกนโยบายสำเร็จชัวร์ “อิ๊ง” ครรภ์ 8 เดือนโฟนอินอ้อน ก้าวไกลตั้งแท่นเปิดยุทธศาสตร์โกยแต้ม นโยบายเด็ด-เคาะทุกประตู-ดีเบตทุกเวที เตรียมเปิดทีมเศรษฐกิจรัฐบาลก้าวไกล วางธีมระเบิดความนิยมโค้งสุดท้าย นิด้าโพลเปิดผลประเดิมศึกเลือกตั้งชี้ “อุ๊งอิ๊ง” กระแสนำโด่งนายกฯ ส.ส.เขต-บัญชีรายชื่อทิ้งขาดคู่แข่ง “พิธา” นำทัพตามอันดับสองแบบห่าง “บิ๊กตู่” ลำดับสามดึงคะแนนรวมไทยสร้างชาติกระเตื้องขึ้นมาด้วย

เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่จะประกาศยุบสภาเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้งเต็มตัว ปรากฏบรรดาพรรคการเมืองไม่สนใจว่าเหตุการณ์ยุบสภาจะเกิดขึ้นในวันใด ต่างเริ่มโหมโรงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตและบัญชีรายชื่อ รวมถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ กำหนดเวทีปราศรัยใหญ่ขายนโยบายเด็ดให้ประชาชนเลือกกันแล้ว

...

“บิ๊กตู่” ลุยงานวันหยุดลงภูเก็ต

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เวลา 09.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ภูเก็ต มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายกฯรับฟังความคืบหน้าที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ถือเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมหารือในวันที่ 29 มี.ค. เพื่อรับทราบถึงแนวทางรูปแบบการจัดงาน Expo จากนั้น เดินทางไปตรวจความพร้อมการเตรียมสถานที่จัดงาน Expo ต่อมาเวลา 13.00 น. นายกฯเดินทางไปยังชุมชนบ้านกิ่งแก้ว เทศบาล ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้โครงการป่าในเมือง Ratsada Green in the city “ท่องป่าเลน ถิ่นเกาะสิเหร่ แลลิง อิงธรรมชาติ” ที่มุ่งพัฒนาพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน ให้เป็นศูนย์เรียนรู้และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน

อ้อนชาวบ้านยังเป็นนายกฯคนเดิม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้มาดูแลทุกข์สุขประชาชน แม้ยังเจ็บมืออยู่ แต่ไม่เป็นไร เพื่อพวกเราทนได้ วันนี้ต้องทำทุกอย่างให้เกิดผลกับประเทศชาติในระยะยาว ถ้าทำผลีผลาม ทำแล้วเลิกคงไม่เป็นแบบวันนี้ วันนี้ยังเป็นนายกฯอยู่จนกว่าเลือกตั้งเสร็จและได้รัฐบาลใหม่ เมื่อพูดถึงช่วงนี้ประชาชนปรบมือส่งเสียงเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ไม่ได้มาหาเสียง มาดูแลทุกข์สุขของประชาชน มาตรวจเตรียมความพร้อมจัดงาน Expo ไม่ว่าอยู่ไม่อยู่ก็ต้องทำต่อ “วันนี้มาในฐานะนายกฯคนเดิมของท่าน เปลี่ยนแปลงไหมเนี่ยก็คนเดิม ใจสู่ใจก็แล้วกัน ผมพูดได้ไม่มากนัก ในการเป็นนายกฯต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ที่ผมทำไปแล้วอะไรที่ทำไม่เสร็จก็จะทำให้มันเสร็จในช่วงที่ยังอยู่ วันนี้อากาศร้อน แต่เย็นใจ ขอให้มั่นใจว่าผมจะทำให้ดีที่สุด ต้องทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง ร่วมมือร่วมใจกันอย่าทะเลาะเบาะแว้ง อย่าขัดแย้งกัน ไม่เอา ไม่ชอบแบบนั้น ประเทศชาติเสียหาย ขอให้ทุกคนยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นเป็นหลักชัยของประเทศไทย”

เบิร์ธเดย์อวยพรให้เป็นผู้นำต่อ

จากนั้นนายกฯพร้อมคณะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับประชาชนในพื้นที่ชุมชนบ้านกิ่งแก้ว เป็นรายการอาหารที่ประชาชนแต่ละหมู่บ้านร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อนำมารับประทานร่วมกัน เช่น ข้าวยำ เต้ากั้ว ต้มขาหมูใบชะมวง แกงหยวกไก่ แกงส้มผักรวม ปลาแดดเดียวทอด น้ำพริกยำพร้อมชุดผักสด-ผักลวก ของหวาน ได้แก่ โอ้เอ๋ว ไอศกรีมกะทิสด ผลไม้รวม ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน มีตัวแทนประชาชนใน จ.ภูเก็ต อวยพรวันเกิดให้นายกฯ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ก้าวข้ามปัญหาทุกปัญหาอย่างยั่งยืน ขอให้นายกฯไปต่อ ขอให้ทำต่อ มีสุขภาพแข็งแรงและเอาชนะปัญหาทุกปัญหา และประชาชนได้ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับนายกฯพร้อมมอบดอกไม้ด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 21 มี.ค. อายุครบ 69 ปี

โชว์แหลง “รักจังฮู้ รักแรงแรง”

จากนั้นนายกฯเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เพื่อรับฟังการ นําเสนอวิสัยทัศน์เรื่อง “อันดามันพร้อม” และมอบทิศทางอนาคตอันดามัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทายประชาชนที่มารอรับด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง ว่าขอบคุณที่มารอต้อนรับ วันนี้เอาหัวใจเอาตัวมาให้พบเจอกัน รู้สึกตื้นตันใจที่ทุกคนมารอรับ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง เป็นกำลังสำคัญพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า มั่นคงแข็งแรง ด้วยความรักความสามัคคีของทุกคน ขอให้ชาวภูเก็ตทุกคนรักกันให้มากๆ สามัคคีกัน ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาต่อไป รอยยิ้มของทุกคนทำให้มีกำลังใจทำงานต่อ ยืนยันรัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขอฝากหัวใจไว้กับทุกคนด้วย พร้อมกล่าวเป็นภาษาใต้ว่า “รักจังฮู้ รักแรงแรง” สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับประชาชน

ลั่นประเทศกลับไปที่เดิมไม่ได้อีก

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมการสาธิตการทำขนมอาโป้ง ขนมพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ต ชมโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG) และรับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์เรื่อง “อันดามันพร้อม” และติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและบริการให้กลับมาคึกคักอีก โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันความพร้อมในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันกลับมาคึกคักอีกครั้ง วันนี้ประเทศไทยเดินมาไกลแล้วเราจะไม่ย้อนกลับไปที่เดิมอีกแล้ว คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศอย่าให้บ้านเมืองกลับไปที่เดิม และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนาม MOU แก้ไขปัญหาภาคแรงงานสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอันดามัน สู่การเดินหน้าแก้ไขปัญหาภาคแรงงานอย่างยั่งยืน ก่อนเดินทางกลับ กทม.

รทสช.วางขุนพลครบ 400 เขต

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รทสช.ว่า ขณะนี้ได้ครบ 400 เขตแล้ว เตรียมเปิดตัวแต่ละภาคตามที่กำหนดไว้ ส่วนการปราศรัยใหญ่หลังยุบสภาเตรียมการไว้หมดแล้วทุกภาค ภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก ภาคกลางที่ จ.ชลบุรี และ จ.เพชรบุรี และเวที กทม. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ รทสช. จะขึ้นปราศรัยด้วยตนเอง และจะมีเวทีขนาดกลาง มีแกนนำพรรคลงพื้นที่ขึ้นเวทีปราศรัย ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ รทสช.ที่ประชุมทุกสัปดาห์ เพื่อติดตามความคืบหน้า และกระแสความนิยมพรรค ขณะนี้ว่าที่ผู้สมัครเริ่มติดป้ายหาเสียงที่ถ่ายคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ทำให้คะแนน นิยมเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

ทยอยเปิดทีเด็ดแคมเปญใหญ่

นายธนกรกล่าวว่า รทสช.มีความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง อีกไม่นานจะทยอยเปิดตัวนโยบายต่างๆ มีแคมเปญใหญ่ที่จัดทำโดยมืออาชีพอีก 2-3 ชุด สามารถสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงนโยบายของ รทสช.ได้เป็นอย่างดี และเข้าใจถึงสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำเพื่อประชาชนตลอดเป็นนายกฯ ส่วนความคืบหน้าจัดลำดับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า รทสช. ให้แกนนำแต่ละภาคทำรายชื่อส่งมาให้ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนลำดับที่ 1 ยังให้เป็นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ส่วนตัวไม่แน่ใจต้องสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์เอง และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคไปสู่การเลือกตั้ง การทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ทำให้ประชาชนชื่นชอบ และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการจัดบัญชีแคนดิเดตนายกฯพรรค จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว หรือ 3 รายชื่อ ยังไม่ทราบแบบไหน

“อนุชา” ดันโคล้านครอบครัวดับจน

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ สมาชิก รทสช. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญต่อการพัฒนา ประเทศชาติ ควบคู่กับการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานราก ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงเสนอนโยบายเงินบาทแรกของแผ่นดิน เพื่อให้คนไทยเห็นความสำคัญเงินจากน้ำเงินจากดิน ที่สามารถสร้างเม็ดเงิน ต่อยอด ออกดอกออกผลได้ เป้าหมายหลักอยากเห็นคนไทยที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานรากหลุดพ้นจากความยากจนอย่างยั่งยืน และยังได้เสนอโครงการโคล้านครอบครัว ที่เป็นจุดพลิกผันให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัว เพราะตนได้ทดลองและค้นคว้าโดยละเอียดพบว่า การเลี้ยงโคเลี้ยงไม่ยาก จึงได้จัดทำโครงการนี้ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ที่ประชุม ครม.เห็นชอบและอนุมัติโครงการนี้เป็นที่เรียบร้อย มั่นใจว่า หากสนับสนุนให้ทุกครัวเรือนเลี้ยงโคเป็นอาชีพเสริม จะเป็นหนทางหนึ่งที่สร้างรายได้ ประชาชนสามารถปลดหนี้ และหลุดพ้นจากความยากจนได้แน่นอน

เปิดผู้สมัคร-แคนดิเดตนายกฯ 25 มี.ค.

เมื่อเวลา 12.00 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช. พร้อมนายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียน รทสช. ลงพื้นที่ช่วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ หาเสียงพื้นที่ กทม.ใต้ ประกอบด้วย ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ เขตบางนา-พระโขนง นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เขตสวนหลวง-ประเวศ และนายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ เขตวัฒนา-คลองเตย ต่อมานายเอกนัฏให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจผู้สมัครแต่ละคนเป็นผู้ที่มีความสามารถ มีคุณภาพ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจ อาสาเข้ามาทำงานเพื่อคน กทม.และประเทศชาติ และจะมีโอกาสได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ รทสช.ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.หาเสียงแน่นอน หลังยุบสภามีแผนเปิดเวทีหาเสียงใหญ่ในทุกภาค พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทุกพื้นที่ รวมถึงเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯคาดเป็นวันที่ 25 มี.ค. ส่วนแคนดิเดตนายกฯจะเป็นใครบ้าง ให้รอดูกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เดิมกำหนดไว้ 4 วัน ตั้งแต่ 21-24 มี.ค. ทยอยเปิดแต่ละภาค รทสช.แจ้งเปลี่ยนเปิดพร้อมกันในวันเดียวคือวันที่ 25 มี.ค.

ขอลุยหนักขึ้นต่อกรได้ทุกพรรค

นายเอกนัฏยังกล่าวถึงผลสำรวจคะแนนความนิยมนิด้าโพล ที่ระบุคะแนน พล.อ.ประยุทธ์เป็นอันดับ 3 ว่า หากดูโพลตั้งแต่เริ่มต้นวันที่เข้ารับตำแหน่งเป็นเลขาธิการ รทสช. ที่โดนสบประมาทปรามาสมาตลอด แต่มาถึงวันนี้เห็นได้ว่าคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคะแนนนิยมในภาคใต้ ของ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นอันดับ 1 และ รทสช.ก็มีคะแนนนิยมที่ดีใน กทม. หากดูจากผลโพลพบว่าเป็นการต่อสู้ที่สูสี ระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และ รทสช. ส่วนภาคกลางเห็นว่า รทสช.อยู่ในเรตติ้งที่น่าสู้ได้ เพราะมีทีมงานที่ดีและมี ส.ส.เดิมที่แข็งแรง ในขณะที่ ภาคเหนือและอีสานต้องยอมรับว่า จะต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่มั่นใจว่าสามารถสู้กับพรรคอื่นได้อย่างแน่นอน

“ลุงป้อม” โชว์ควงตะหลิวผัดซีอิ๊ว

สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วันเดียวกัน ช่วงเช้าที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ได้ลงมือทำผัดซีอิ๊วเพื่อรับประทานเป็นอาหารกลางวันด้วยตัวเอง ขณะที่ควงตะหลิวผัดซีอิ๊วกลิ่นหอมฟุ้ง พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดี บอกว่าผัดซีอิ๊วเป็นอาหารที่ใครๆทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ก็สามารถหารับประทานได้ เป็นเมนูที่ชอบทำ เป็นเมนูอาหาร ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ปกติ พล.อ.ประวิตรชอบทำอาหารรับประทานและเลี้ยงทีมงานใกล้ชิด

สำหรับช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรมีกำหนดการลงพื้นที่ร่วมกิจกรรม พปชร.เปิดปราศรัยใหญ่และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงรายและเชียงใหม่

พปชร.บุกเชียงใหม่เปิดตัวผู้สมัคร

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จัน จ.เชียงราย พล.อ.ประวิตรเดินทางไปพบประชาชนและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย 7 เขต โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นำหน้าว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขึ้นเวทีแนะนำตัว ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากมาฟังการปราศรัย จากนั้นเวลา 17.35 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะเดินทางมายังอาคารยิมเนเซียม สนามกีฬาสมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่ เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน 23 คน มีแกนนำ พปชร.สลับกันปราศรัย อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก อาทิ ร.อ.ธรรมนัสปราศรัยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายดีๆ แต่ตนได้พูดเสมอว่าเราเป็นพรรคของประชาชน ชื่อพรรคก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นการรวมพลังของคน 2 กลุ่ม นั่นคือ พลังประชาชนทั้งแผ่นดินทั้ง 77 จังหวัด ภายใต้การดูแลของรัฐคือรัฐบาล การสร้างความเข้มแข็งให้กับคนฐานรากคือสิ่งสำคัญที่สุดที่พลังประชารัฐตั้งใจทำ

“ลุงป้อม” อ้อนขอเสียงคนเหนือ

พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีปราศรัยว่า รู้สึกอบอุ่นใจท่ามกลางพี่น้องชาวเชียงใหม่ มาพร้อมผู้บริหารพรรคอีกหลายคน รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิก ฝาก พปชร.ไว้กับประชาชนทุกคนด้วย เราพร้อมทำงานรับใช้ชาวเชียงใหม่ทุกคน ฝากทุกคนไว้ว่า ให้เลือกผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ทุกคน ที่ได้คัดสรรคนดี คนเก่ง คนที่ตั้งใจจริงมาเป็นผู้แทน มุ่งมั่น ร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหาทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนเชียงใหม่ให้อยู่ดีกินดี ผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ให้กับทุกคน การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ขอให้ประชาชนให้โอกาส พปชร. พวกเราอาสาเข้ามานำความรัก สามัคคีมาสู่ประเทศชาติ หมดเวลาที่คนไทยจะมาทะเลาะกันเอง ต้องจับมือกัน นำประเทศไปสู่ความก้าวหน้า เพื่อความสงบของคนไทย ฝากกับทุกคนว่า ถ้าอยากให้ประเทศมีความรัก สงบสุข สันติภาพเกิดขึ้น และมีความเป็นหนึ่งเดียวต้องเลือก พปชร.

เมินโพลไม่ติดทำเนียบนิยม 1 ใน 10

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรใช้เวลาปราศรัยประมาณ 10 นาที ก่อนเดินไปพบปะประชาชน โดยมีชาวบ้านมาคล้องมาลัย ให้กำลังใจ ตะโกนขอให้เป็นนายกฯ ลุงป้อมสู้ๆ บ้างก็มาขอหอมแก้ม ขอกอด ขอถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย พล.อ.ประวิตรยิ้มรับ แม้มีสีหน้าอ่อนเพลียเพราะต้องเดินทางปราศรัยถึง 2 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีประชาชนเดินไปส่ง พล.อ.ประวิตรขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ

เมื่อถามถึงกรณีนิด้าโพลเผยแพร่ผลสำรวจพบว่า พล.อ.ประวิตรไม่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้องปรับยุทธศาสตร์อะไร เดินหน้าของเราต่อไป เมื่อถามย้ำว่า คาดว่าครั้งหน้าคะแนนความนิยมจะขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆเพียงว่า ไม่เป็นไร

“ธรรมนัส” มั่นใจได้ ส.ส. 50 บวก

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ให้สัมภาษณ์ถึงการปราศรัยบนพื้นที่ภาคเหนือว่ามั่นใจหลายเขตที่จะนำผู้สมัคร พปชร.เข้าสู่สภาเป็น ส.ส.ได้ เมื่อถามว่าตั้งเป้าในพื้นที่เชียงใหม่ไว้จำนวนเท่าใด เพราะเป็นพื้นที่ที่มีเจ้าของแล้ว ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่เชื่อทฤษฎีนี้ ในยุคนี้เราเตรียมตัวพอสมควร มั่นใจมีจุดขาย เมื่อถามถึงภาพรวมทั่วประเทศจะได้กี่ที่นั่ง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ขณะนี้มี ส.ส.อยู่ 52 คน อย่างคนที่ตนดูแลอยู่มั่นใจว่าทุกคนจะกลับเข้าสู่สภาได้ มั่นใจเกิน 50 คน เมื่อถามถึงผลสำรวจนิด้าโพล พล.อ.ประวิตรไม่ติด 1 ใน 10 อันดับแรก ที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ได้ดูถูกสถาบันการทำโพล แต่สำหรับตนเป็น ส.ส.ตลาดล่าง เรารู้ว่าควรทำอย่างไรให้ชนะการเลือกตั้ง โพลใช้คน 1-2 พันคนมาพิสูจน์ผลการตัดสินไม่ได้ ฉะนั้น ไม่สนใจ เดินหน้าต่อ ผู้บริหารพรรคทุกคนก็เห็นตรงกันว่าจะเดินหน้าต่อ เรามีความมั่นใจในตัวเอง เมื่อถามถึงความชัดเจนจับมือกับพรรคเพื่อไทยหลังการเลือกตั้ง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เร็วเกินไปที่จะพูดตอนนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายคนที่ไปรับประทานอาหารกับพลเอกประวิตร ก็ไม่ได้พูดถึงการจัดตั้งรัฐบาล คุยเรื่องทั่วไป เมื่อถามว่าหลายคนมองว่าเป็นขั้วใหม่ทางการเมือง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่ใช่ ส่วนจะไปกินข้าวร่วมกับพรรคการเมืองอื่นอีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ส่วนใหญ่หัวหน้าพรรคไม่ได้เรียกร้องให้ใครมากินข้าวด้วย

“จุรินทร์”เชื่อมั่นกระแส ปชป.ดีวันดีคืน

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ จ.ปัตตานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่หาเสียงตามจังหวัดต่างๆว่า กระแส ปชป. ดีขึ้น ดูได้จากคนที่แห่มาฟังปราศรัย เช่นเดียวกับที่ จ.ปัตตานีที่เพิ่งไปปราศรัยมามีคนล้นหลามมากหลายหมื่นคน ส่วนแนวทางสำหรับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการสร้างสันติภาพสู่สันติสุข จุดยืน 3 ข้อ อาทิ ยืนหยัดปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ถ้าใครจะแก้หมวด 1 แก้มาตรา 112 หรือยกเรื่องมาตรา 112 ไม่เอาด้วย ปชป.ไม่เห็นด้วย ถ้าจะมีการนำศาสนามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อสร้างความแตกแยกหรือแบ่งแยก ปชป.สนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่สนับสนุนใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ ไม่อยากเห็นฆ่าตัดตอน อุ้มฆ่า อย่างกรณีเหตุการณ์กรือเซะ-ตากใบ กลับมาอีก ทั้งนี้ ไม่ได้หวั่นไหวถ้าโพลออกมาน้อย หรือโพลออกมาดี ไม่ได้ถึงขนาดกระโดดโลดเต้น เราเดินหน้าไปตามแนวทางที่กำหนดไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

พร้อมลงสมรภูมิเลือกตั้งเสมอ

นายจุรินทร์กล่าวถึงกระแสการยุบสภาว่า ยุบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่มีปัญหา ส่วนวันเลือกตั้งก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คาดวันเลือกตั้งคงอยู่ในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือน พ.ค. ส่วนเป็นวันไหนก็ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศต่อไป ปชป.พร้อมเป็นหนึ่งในไม่กี่พรรคที่ขณะนี้สามารถส่งผู้สมัครได้ครบ 77 จังหวัด พร้อมทั้งคน ทั้งนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อเดินหน้าต่อไป

หักดิบกัญชาเสรีต้องยกเลิกทั่วไทย

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลเมืองนครยะลา พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเวทีปราศรัย ท่ามกลางประชาชน เยาวชนคนรุ่นใหม่มารอฟังเป็นจำนวนมาก มีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.3 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายประสิทธิชัย พงษ์สุวรรณศิริ เขต 2 นายอับดุลเล๊าะ บุวา และเขต 3 นายณรงค์ ดูดิง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่าขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เพื่อเดินหน้าสร้างสันติภาพสู่สันติสุขชายแดนใต้ ใช้การเมืองนำการทหาร พร้อมมีจุดยืนชัดเจนเรื่องยาเสพติด โดยขอประกาศยุทธศาสตร์ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ยาเสพติดต้องไม่มี กัญชาเสรีต้องยกเลิก” ในจังหวัดชายแดนใต้และประเทศไทย

“หนู” รับวงข้าว “ป้อม ” ดีลลงตัว

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการชั่วโมงข่าวเสาร์อาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถึงกรณีแกนนำพรรคภูมิใจไทย ร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดว่า เป็นการนัดหมายพบปะพูดคุยในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในฐานะหัวหน้า ภท.เป็นผู้ประสานขอเข้าพบ พล.อ.ประวิตร มีพูดคุยประเมินสถานการณ์การเมืองร่วมกัน อาจเรียกได้ว่า ดีลระหว่าง ภท.และ พปชร.ลงตัวแล้ว เพราะการทำงานร่วมกันมาตลอด 4 ปี ไม่มีปัญหาใดๆ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ภท.กับ พปชร.ทำงานร่วมกันมา 4 ปี ถ้าไม่มีอุบัติเหตุ หรือเหตุจำเป็นยิ่งยวด เราไม่มีปัญหา สิ่งใดไม่เข้าใจก็เคลียร์กันครบทุกเรื่อง

ย้ำสัมพันธ์ “ตู่” แนบแน่นคงเดิม

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หลังมีข้อสังเกตความไม่ลงรอย จากการสั่งพักโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม นายอนุทิน ตอบว่า ความสัมพันธ์คงเดิม ทั้งความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือความสัมพันธ์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยังมีความแข็งแรง มีความเข้าใจกันและกัน ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนพร้อมเป็นนายกฯ เพราะกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ ภท.คุมมีผลงานจับต้องได้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ครั้งนี้มีชื่อชั้น เชื่อได้มากกว่า 70 ที่นั่ง ส่วนจะเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปีแรก หรือจะเป็น 2 ปี ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ตามสูตร 2+2 นั้น ผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวตัดสิน

ปัดขอเคลียร์ปมร้อนฉ่าทางการเมือง

เมื่อถามว่าวงข้าวมือนี้ได้ขอให้ช่วยดูคดีกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการภท. ถูกร้องกรณี หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เป็นเหตุให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ นายอนุทินตอบว่า ไม่มีการพูดเรื่องส่วนตัวของใคร เป็นการประเมินที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง วันนั้นเป็นเพียงพบปะส่วนตัว จึงไม่อยากจะแก้ข่าวใดๆ

“ศักดิ์สยาม” ขอเลื่อนส่งคำชี้แจง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม ในฐานะเลขาธิการ ภท. กล่าวถึงความคืบหน้าของการต่อสู้คดีว่า ได้ยื่นขอต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาการยื่นเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คำร้องวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี กรณียังคงไว้ซึ่งหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เป็นเหตุให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ออกไปเป็นเวลา 30 วัน ครบกำหนด ในวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากมีเอกสารสำคัญจำนวนมาก ต้องได้รับการรับรองจากบุคคล และนิติบุคคลภายนอก ขณะนี้ทีมกฎหมายอยู่ระหว่างขอข้อมูลมาประกอบคำชี้แจง โดยเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จะมีเนื้อหามากกว่าเอกสารข้อกล่าวหาของผู้ร้อง ที่มีมากกว่า 600 หน้า มั่นใจปฏิบัติตามข้อกฎหมาย การชี้แจงข้อกล่าวหา และผลของคำวินิจฉัยจะไม่เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง และยังคงอยู่ในสถานะผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงยืนยันจะลงสมัคร ส.ส. เชื่อตามกรอบเวลาพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้นทันวันสมัคร ส.ส.

พท.เปิดโฉมผู้สมัครบัญชีรายชื่อ

เมื่อเวลา 12.30 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวยุบสภาวันที่ 21 มี.ค. หรือ 22 มี.ค.ว่า ไม่ได้ใส่ใจว่ายุบวันไหน เพราะได้เตรียมพร้อมการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่าหากยุบสภาและมีการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันที่ 4 เม.ย. พรรคเพื่อไทยจะประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อช่วงไหน นพ.ชลน่านตอบว่า ตามกฎหมายกำหนดให้รับฟังความเห็นหรือทำไพรมารีโหวตในพื้นที่เลือกตั้งทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ พท.จะทำการโหวตภายในวันที่ 26-28 มี.ค.ทั้งสองระบบ และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) มีหน้าที่ตัดสินเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งใจประชุมไม่เกินวันที่ 1 เม.ย. ต้องทำให้เสร็จก่อนรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อถามว่าคนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯจำเป็นต้องอยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับต้นๆหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า พท.ยังไม่คุยกัน ส่วนตัวเห็นว่าควร เพราะเคยยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้มาแล้ว

ไม่ติดใจ ก.ก.ชูเป็น ปชต.พรรคเดียว

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลกล่าวบนเวทีปราศรัยว่าพรรคก้าวไกลคือพรรคเดียวที่เป็นประชาธิปไตย นพ.ชลน่านตอบว่า เป็นสีสันทางการเมือง ถือเป็นเรื่องธรรมดาเวทีปราศรัยเป็นเวทีรณรงค์หาเสียง อะไรที่สามารถยกตัวเองเด่นให้ได้ สามารถที่กดคู่แข่งทางการเมืองได้ ในเวทีปราศรัยมักใช้ค่อนข้างแพร่หลาย ยกเว้นแต่บางคนที่เค้าคิดว่าวิธีการเหล่านี้มันไม่ควรนำมาใช้ ถ้าพูดถึงข้อด้อยของคู่แข่งก็พูดตรงๆไปว่าเค้ามีข้อด้อยอะไร ไม่ควรเลือกเขาเพราะอะไร อันนี้เรารับกันได้ ไม่ได้ติดใจในประเด็นนี้ จะพิสูจน์ใครเป็นประชาธิปไตยหรือไม่อยู่ที่การกระทำและการยอมรับจากประชาชน

“ชลน่าน” ย้ำ 310 เสียงชนะขาดตั้ง รบ.

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ลานหมู่บ้านเพลินใจ 5 (ข้างขนส่งใหม่) อ.เมืองระยอง พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง 5 เขต มีประชาชนเดินทางมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่ โดย นพ.ชลน่านปราศรัยว่า ตอนนี้ 250 เสียงไม่ห่วง เรามั่นใจว่าได้ ส.ส.250 เสียงขึ้นไป แต่ยังชนะไม่เด็ดขาด ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพรรคพวกจะแย่งตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอา พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ ดังนั้น 310 เสียงคือเป้าหมาย พรรคอื่นๆจะมาร่วมเลือกนายกฯในสภากับเรา มั่นใจเลือกตั้ง 14 พ.ค. โอกาสเป็นของเราแล้ว นอกจากเอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไป ปิดสวิตช์ ส.ว.แล้ว ยังได้นโยบายที่กินได้และประชาธิปไตยที่จับต้องได้ เราไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง พรรคญาติหรือพรรคลุง ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว

“เสี่ยนิด” ขอระยองเลือก เพื่อไทยยกเข่ง

นายเศรษฐาปราศรัยว่า มีความเชื่อในอำนาจประชาชน รังเกียจรัฐประหาร และไม่เอาดอกผลของมันด้วย 8 ปีที่ผ่านมานายกฯแก้ปัญหาประมงไม่ได้ ทำให้เราได้ใบเหลือง ชาวประมงไม่สามารถออกไปจับปลาได้ ส่วนยาเสพติดกระจายไปทุกหย่อมหญ้า 8 ปีพอหรือยัง ตนว่าไม่ไหวแล้ว ดังนั้นไม่เอาอีกแล้ว 8 ปีต้องพอ นโยบายพรรคเพื่อไทยโดนใจประชาชนมาตลอด มีสองนโยบายที่อยากกล่าว โดนใจแน่นอน หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะใช้บล็อกเชนทำดิจิทัลวอลเล็ตใส่เงินให้คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป นอกจากนี้จะสำรวจอย่างรวดเร็ว ครอบครัวไหนมีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาทเติมเงินให้ทันที ถือเป็นนโยบายที่โดนใจ แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ขอให้เลือกผู้สมัคร ส.ส.ระยองทั้ง 5 เขตของพรรคเพื่อไทย แลนด์สไลด์ถึง 310 เสียง เราทำนโยบายได้อย่างแน่นอน

ครรภ์ 8 เดือน “อิ๊ง” โฟนอินช่วยทีม

ต่อมานายณัฐวุฒิได้ขึ้นปราศรัย โดยได้แจ้งกับชาวระยองว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่สามารถเดินทางมาปราศรัยที่เวทีนี้ด้วยตนเอง โดยระบุว่าวันนี้สุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ถือธงนำพรรคเพื่อไทย ตั้งใจมาพบกับพี่น้องตรงนี้วันนี้ แต่ด้วยอายุครรภ์ที่กำลังครบ 8 เดือนในต้นสัปดาห์หน้า ขอให้พี่น้องเข้าใจในความจำเป็นของ น.ส.แพทองธารด้วย เพื่อเป็นการแสดงออกว่า น.ส.แพทองธารยืนเคียงข้างกับพี่น้อง จึงขอใช้โทรศัพท์ส่วนตัวต่อสายหา น.ส.แพทองธาร เพื่อให้ส่งเสียงสนทนากับพี่น้องประชาชน จากนั้น น.ส.แพทองธารได้โฟนอินเข้ามาในพื้นที่ว่า ตัวไม่ไปแต่ใจอยู่ตรงนั้นแล้ว ได้ยินเสียงพี่น้องก็ดีใจแล้ว อีกสี่วันจะครบ 8 เดือน คุณหมอบอกว่าไม่ให้เดินทางไกล เพราะกลัวจะคลอดเร็วเหมือนลูกคนแรก แต่ขอส่งใจไปให้พี่น้องระยองและผู้สมัครทั้ง 5 เขต ถ้าคลอดแล้วขอพาครอบครัวไปเที่ยวระยองได้ไหม พรรคเพื่อไทยตั้งใจจริงทำให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอให้พี่น้องเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ แล้วเราจะได้พบกันอีกแน่นอน ตอนนี้ตนกำลังใจดีมาก ขอบคุณทุกคน ใกล้เลือกตั้งแล้วขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งสองบัตรไปเลย ระหว่างที่ น.ส.แพทองธารโฟนอิน ได้รับเสียงเชียร์ให้กำลังจากพี่น้องเป็นระยะๆ

22 มี.ค. เปิด 7 ขุนพลเศรษฐกิจค่ายส้ม

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าเตรียมการรับศึกเลือกตั้งว่า ขั้นตอนการทำไพรมารีโหวตคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. ไปจบสิ้นทั้งประเทศภายในสัปดาห์นี้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการภายในพรรคตามกฎหมายกำหนด ก่อนประกาศรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตและบัญชีรายชื่อ และในวันที่ 22 มี.ค. จะเปิดตัว “ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลก้าวไกล” 7 คน แต่ละคนความสามารถเต็มแก้ว มีทั้งนักธุรกิจ นักวิชาการ ทั้งระดับจุลภาค มหภาค เศรษฐกิจชนบท เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และดิจิทัล ทีมที่สมบูรณ์พร้อมทุกด้าน มีส่วนผสมรุ่นใหม่ ผู้มีประสบการณ์ เป็นต้น มั่นใจว่าทีมก้าวไกลครบเครื่องกว่าสมัยอนาคตใหม่แน่นอน

“ชัยธวัช” ดุดันกระแสพรรคขยับขึ้น

นายชัยธวัชกล่าวว่า ส่วนกรณีนิด้าโพลระบุความนิยมของ ก.ก.มาเป็นอันดับ2 นั้น ถือเป็นเครื่องยืนยันผลงาน มั่นใจความนิยมจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง และภายในก่อนช่วงสงกรานต์ แกนนำจะเดินสายไปครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศตามที่ตั้งเป้าไว้ เมื่อถามถึงโพลที่ ก.ก.เคยทำอยู่ ในส่วนคะแนนส่วนตัวหัวหน้าพรรค และคะแนนนิยมของพรรค แตกต่างมากแค่ไหนกับนิด้าโพล นายชัยธวัชตอบว่า การสำรวจความนิยมหลังจากเห็นการแบ่งเขตเลือกตั้งและเห็นหน้าตาผู้สมัครทุกพรรคครบถ้วน ผลที่ออกมาจะเป็นความนิยมที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ดังนั้น พรรคก.ก. คงมีการทำโพลสำรวจอีกครั้งหลังจากเห็นเขต เห็นผู้สมัครครบ เห็นคู่แข่งครบทุกพรรค จากนั้นอาจกำหนดเขตยุทธศาสตร์ปรับปรุงกันใหม่ เรามีเขตยุทธศาสตร์ของเราทุกภาค มั่นใจคราวนี้จะได้ ส.ส.ครบทุกภาคแน่นอน มั่นใจจะได้ ส.ส. มากกว่าสมัยอนาคตใหม่ สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ ส.ส.ส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.เขต เช่นในภาคใต้ครั้งนี้จะได้ ส.ส.อย่างแน่นอน เพราะยิ่งลงพื้นที่ยิ่งได้รับการตอบรับมากขึ้น มีกระแสดีมากกว่าสมัยอนาคตใหม่เสียด้วยซ้ำในภาคใต้

วางธีมระเบิดความนิยมโค้งสุดท้าย

“ยุทธศาสตร์รณรงค์หาเสียงจากนี้ ใน 2 เดือนสุดท้ายจะเข้มข้นมากขึ้น มั่นใจว่าสามารถสร้างความแตกต่างกับพรรคการเมืองอื่นได้อย่างเด่นชัดมากขึ้นในวันนั้นช่วงนั้น เป็นช่วงของการระเบิดความนิยมช่วงชิงในโค้งสุดท้ายหลังสงกรานต์ ที่สำคัญไม่แพ้กันการทำงานอย่างแม่นยำในระดับพื้นที่ที่ผ่านมา ในเขตยุทธศาสตร์ที่เรามีเขตยุทธศาสตร์ ในมืออยู่แล้ว 100 กว่าเขต ที่ต้องไปช่วงชิงให้ชนะให้ได้ การเดินทาง การณรงค์หาเสียง จะเริ่มจากไล่จากทุกภูมิภาคจนครบ แล้วมาจบที่ กทม.เป็นเวทีสุดท้าย” นายชัยธวัชกล่าว

ขย่มผู้นำรัฐประหารสวมเสื้อ ปชต.

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ปรับลุคหาเสียง ชูเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง นายชัยธวัชตอบว่า เป็นความพยายามของผู้นำในการรัฐประหาร ที่มาสวมเสื้อเล่นเกมประชาธิปไตย คิดว่าประชาชนมองออกว่าสวมเสื้อประชาธิปไตยแต่ข้างในเป็นอย่างไร โจทย์สำหรับการเลือกตั้งปี 66 ของสังคมไทยเปลี่ยนไป ทุกคนสวมเสื้อเล่นเกมประชาธิปไตยหมด แม้กระทั่งอดีตผู้นำรัฐประหาร ดังนั้น จะเลือกประชาธิปไตยแบบไหน แบบที่สนใจแค่การรวบรวมกลุ่มนักการเมืองเพื่อหวังชนะเลือกตั้ง ไม่สนใจว่านำพาประเทศไปสู่ทิศทางไหน หรือเลือกวิธีการทำงานทางการเมืองที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ แบบก้าวไกล

“โรม” เปิดยุทธศาสตร์โกยแต้ม

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายหาเสียงของพรรคก้าวไกลว่า ชาวบ้านให้การตอบรับดีมาก หลายพื้นที่บ่นถึงเศรษฐกิจปากท้องที่แย่มาก ชาวบ้านจึงต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมองว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ ทั้งนี้ หลังยุบสภาเตรียมนโยบายธงนำผลักดันให้เป็นจริงผ่านการเลือกตั้ง ไม่ต้องใช้หัวคะแนน ปวดหัวเรื่องดูดคนนั้นคนนี้ หรือไปผสมพันธุ์กับใคร ใช้ความจริงใจลงพื้นที่ถึงลูกถึงคน เคาะทุกประตู เดินตลาด เพื่อเสนอนโยบาย เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ สุดท้ายคือการแสดงวิสัยทัศน์ตามเวทีดีเบต เป็นพื้นที่สำคัญทำให้ประชาชนรับทราบนโยบาย ทั้งธงนำนโยบาย ลงพื้นที่เคาะประตู นำเสนอวิสัยทัศน์ผ่านเวทีดีเบต 3 ส่วนนี้เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่ใช้สร้างความเปลี่ยนแปลงของผู้คนได้

แขวะ “ตู่-ป้อม” เป็นกระจกเงากันและกัน

เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยุกองเชียร์รัฐบาล หากไม่สามารถทำใจเลือกฝ่ายประชาธิปไตยได้ ขอให้เลือก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้า พปชร. อย่าไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้เสียของ ว่า เป็นธรรมดาบางพรรคอยากรีแบรนด์ แต่ใช่ว่าจะรีแบรนด์อย่างไรก็ได้ ทำไมตอนมีอำนาจไม่ทำอะไร ที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 และการทุจริต คอร์รัปชัน ตั๋วช้าง ตั๋วตำรวจต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารความมั่นคงของ พล.อ.ประวิตรมีเท่าไหร่ เศรษฐกิจปากท้องการเมืองมันพังทลายเพราะ พล.อ.ประวิตร พรรคก้าวไกลถึงมอง 2 คนนี้เหมือนกัน เป็นกระจกสะท้อนกันและกัน “บิ๊กป้อมส่องกระจกเห็นบิ๊กตู่ ส่วนบิ๊กตู่ส่องกระจกก็จะเห็นบิ๊กป้อม ใครจะรู้ผลเลือกตั้งออกมาเขาอาจไปรวมกันอีกก็ได้ เราจึงไม่มองว่า 2 คนนี้สามารถนำไปสู่การก้าวข้ามความขัดแย้งได้จริง ไม่สามารถใช้การเลือกตั้ง เพื่อฟอกการก้าวข้ามความขัดแย้งได้ แต่ต้องทำให้เห็นมาตั้งแต่ต้น”

“เจ๊หน่อย” ปลุกคนไทยปลดล็อกขัดแย้ง

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมนายธวัชชัย ปิยนนทยา น.ส.สุวดี พันธุ์พานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทรท. ลงพื้นที่เขตปทุมวันและเขตบางรัก เพื่อพบปะพูดคุย และขอคะแนนเสียงจากชาว กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ได้ขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีสยามไปลงที่สถานีศาลาแดง โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเข้ามารุมล้อมขอถ่ายภาพ ร่วมพูดคุยรับฟังนโยบายอย่างคึกคัก เมื่อลงจากสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง คุณหญิงสุดารัตน์ได้เดินถนนสีลม พูดคุยกับพ่อค้าแม่ขาย แวะทักทายประชาชนเป็นกลุ่มๆ จากถนนสีลม คุณหญิงสุดารัตน์เดินต่อไปยังสวนลุมพินี เพื่อออกกำลังกาย คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า การสร้าง ทสท.ต้องการให้ประชาชนชนะ เพราะนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองกว่า 90 ปีประชาชนแพ้มาตลอด โดยเฉพาะ 17 ปีที่ผ่านมา ต้องติดลูปทางการเมือง ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เลือกฝั่งหนึ่งก็ติดหล่ม เลือกอีกฝั่งก็ติดล็อก เกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ประเทศชาติเสื่อมถอย ทสท.เสนอตัวเพื่อเป็นทางรอดของประเทศไทย มาทำให้ประชาชนชนะด้วยการปลดล็อกประชาชนจากแนวคิดแบบอำนาจนิยมเผด็จการ รัฐราชการที่มองประชาชนเป็นลูกน้อง รวมถึงกฎหมายใบอนุมัติ ใบอนุญาตที่ออกมาขัดขวางการทำมาหากินของประชาชน และการทุจริตคอร์รัปชัน

นิด้าโพลชี้ “อิ๊ง” นำโด่งเป็นนายกฯ

วันเดียวกัน “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 1” ระหว่างวันที่ 2-8 มี.ค. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวม 2,000 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.20 ระบุว่าเป็น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 15.75 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 15.65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 9.45 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 5.10 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 6 ร้อยละ 4.45 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.35 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 8 ร้อยละ 1.60 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย อันดับ 9 ร้อยละ 1.55 นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.40 นายกรณ์ จาติกวณิช พรรคชาติพัฒนากล้า อันดับ 11 ร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ และร้อยละ 3.35 ระบุอื่นๆ อาทิ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา นายเศรษฐา ทวีสิน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนากล้า นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม พรรคไทยภักดี นายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์

ส.ส.เขต พท.ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง

สำหรับพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 49.75 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 17.40 พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 11.75 พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 5.40 พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 2.95 พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 6 ร้อยละ 2.70 พรรคภูมิใจไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.60 พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 8 ร้อยละ 2.35 ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 9 ร้อยละ 2.15 พรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 2.95 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคประชาชาติ พรรคไทยภักดี พรรคกล้า พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคเพื่อชาติ

บัญชีรายชื่อนำชนิดม้วนเดียวจบ

ด้านพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 49.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 17.15 พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 12.15 พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 4.95 พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 2.85 พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 6 ร้อยละ 2.60 พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.55 พรรคภูมิใจไทย อันดับ 8 ร้อยละ 2.35 ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 9 ร้อยละ 2.30 พรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 3.25 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคประชาชาติ พรรคไทยภักดี พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคกล้า พรรคเพื่อชาติ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เลือก “ตู่” โอกาสเสี่ยงพลิกผันสูง

ขณะที่ซูเปอร์โพลนำเสนอผลสำรวจ เรื่อง ประเมินความเสี่ยง ความล้มเหลวการเมือง จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,061 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อสอบถามถึงความตั้งใจจะกาบัตรให้แคนดิเดตนายกฯคนใด พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ ร้อยละ 39.0 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 21.9 นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 13.9 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 13.2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ และร้อยละ 2.6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการเมืองกับกระแส ส.ส.ย้ายออกจากพรรค (โอกาสพลิกผัน) พบว่า ร้อยละ 57.4 เสี่ยงน้อยถึงไม่กระทบเลย ในขณะที่ร้อยละ 24.5 กระทบปานกลาง และร้อยละ 18.1 เสี่ยงมากถึงมากที่สุด ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการเมืองกับกระแส ส.ส.ย้ายออกจากพรรค (โอกาสพลิกผัน) กับความตั้งใจจะกาบัตรเลือกแคนดิเดตนายกฯ ถ้าเลือกได้ พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ มีความเสี่ยงมากที่สุดคือร้อยละ 27.1 น.ส.แพทองธาร พรรคเพื่อไทย มีความเสี่ยงสูงรองลงมาคือ ร้อยละ 22.2 นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย มีความเสี่ยงร้อยละ 18.2 นายจุรินทร์ พรรคประชาธิปัตย์ มีความเสี่ยงร้อยละ 12.9 และพล.อ.ประวิตร พรรคพลังประชารัฐ มีความเสี่ยงร้อยละ 3.6 ตามลำดับ