วิกฤติฝุ่นควันพิษ PM2.5 ปกคลุมกรุงเทพฯและเมืองใหญ่
ในสถานการณ์ที่ประชาชนคนไทยต้องเสี่ยงกับมหันตภัยเงียบ ตายผ่อนส่งรายวัน ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ารอลมฝนตามธรรมชาติมาชะล้างฝุ่นออกไป
ที่แน่ๆยังไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหน หาญกล้าโชว์นโยบายกำจัดฝุ่นควันพิษ PM2.5
ปัญหาโลกแตกที่ยากกว่าแย่งกันแจกเงินหลวงซื้อคะแนนชาวบ้าน
ตามสถานการณ์นับถอยหลัง ระยะเวลาภายใน 10 วันที่เหลืออยู่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและรมว.กลาโหม จะเลือกฤกษ์กดปุ่มยุบสภาวันไหน
อย่างที่ส่งซิกไว้ ยังไงก็ไม่ลากจนครบเทอมวันที่ 23 มีนาคม
ในอารมณ์ที่เริ่มมีคนเสียวๆกลัวโดนดัดหลัง อย่างที่มีเซียนการเมืองข้างสนามวิเคราะห์หมากกล “ฆ่าปลาเปลี่ยนอ่าง” หากไม่มีการยุบสภา พวกย้ายพรรคหลังเดดไลน์วันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะตายเรียบ
แต่นั่นมันจะโหดเกินไป ทำแบบนั้นหมายถึง “บิ๊กตู่” ต้องแขวนนวมการเมืองเลย เพราะไม่มีใครคบแน่
และเท่าที่จับอาการ เรื่องถอยหลังชิ่งหนี ตัดทิ้งไปได้ มาถึงจุดนี้ ผู้นำทหารเฒ่ามีแต่ใส่เกียร์ห้า เหยียบ 120 ดับไฟหน้าห้อตะลุยแบบไม่แตะเบรก
ทางแคบ ทางชัน ทางตัน ไม่สนอะไรทั้งนั้น
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ไฟต์บังคับบีบ “บิ๊กตู่” ต้องสู้จนหมดหน้าตัก
ตามปรากฏการณ์ “เทกระจาด” การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์กดปุ่มไฟเขียวอนุมัติสารพัดโครงการ อัดฉีดงบประมาณไม่อั้น
ไม่สนถูกนินทาเป็นการ “มัดจำ” หาเสียงล่วงหน้า
โดยเฉพาะการไฟเขียวเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท
...
ช็อตที่คาดหวังกวาดแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ
ตามอาการต้องแย่งกันเคลมเป็นผลงานโบแดง ทั้งค่ายรวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์

และโฟกัสอยู่ที่ทีมหามแห่ “บิ๊กตู่” เป็นหลัก เพราะมันต่อเนื่องกับบท “เสี่ยสั่งลุย” จัดหนักต่อเนื่องมาจากการอัดฉีดสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ประกาศเพิ่ม เงินตอบแทน อบต.ทั่วประเทศ
เน้นจังหวะทีเด็ดบนเวทีปราศรัยค่ายรวมไทยสร้างชาติ
ไล่หลังการจัดหนักบัตรคนจนเวอร์ชัน “ลุงตู่พลัส” เบิ้ลตัวเลขเป็น 1,000 บาท ไปยันการไล่แจกที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้ชาวบ้านเข้าทำกิน
“บิ๊กตู่” ใช้งบประมาณแผ่นดิน หาเสียงเอื้อค่ายรวมไทยสร้างชาติแบบโจ๋งครึ่ม
แถมยังมีโคตรเซียนกฎหมายระดับ “เนติบริกร” อย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ปูทางนำร่องกันในที รัฐบาลผลักดันนโยบาย เดินสายลงพื้นที่ได้เปรียบ
แฝงเหลี่ยมหาเสียงได้เนียนกว่าฝ่ายค้าน
เรื่องของเรื่อง มันก็ตามฟอร์มการเมืองแบบไทยๆ ยุคใครยุคมัน ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องฉวยโอกาสใช้อำนาจรัฐและงบประมาณ ชิงความได้เปรียบคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง
ขืนมัวแต่ “ดัดจริต” จะเสียของไปฟรีๆ
ยิ่งในสถานการณ์ที่ “บิ๊กตู่” และทีมหามแห่ค่ายรวมไทยสร้างชาติ ยังอยู่ในสภาพรวมดาวกระจาย กำลังพลเท่าที่มีอยู่ยังไม่หนาแน่นพอจะการันตีภารกิจเข็นครกขึ้นภูเขาทอง
ยังต้องเสริมแต้มอีกเยอะในการดันผู้นำทหารเฒ่าทำแฮตทริกนายกฯรอบ 3
อ่านเกมตามไฟต์บังคับ น่าจะไม่ใช่แค่มุกอัดงบประมาณ แผ่นดินซื้อเสียงล่วงหน้าอาศัยสถานะผู้ถืออำนาจรัฐในการเดินสายลงพื้นที่หาเสียงแบบเนียนๆเท่านั้น
โจทย์สำคัญของทีมหามแห่ “บิ๊กตู่” ยังต้องเร่งเครื่องจนลูกสูบไหม้ เพื่อเพิ่มแรงดูด ส.ส.
ปฏิบัติการตกปลาในบ่อเพื่อน แย่งช็อตปลาในบ่อพี่ จะต้องมีอีกแน่ หลังการกดปุ่มยุบสภา ห้วงเวลาสุญญากาศก่อนเส้นตายย้ายพรรคภายใน 30 วันก่อน นับถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง
ต้องนั่งเฝ้าบ่อ ระวังกันจนนาทีสุดท้ายเลยก็แล้วกัน
ในเมื่อเกมกดดัน ทีมหามแห่ “บิ๊กตู่” ต้องระดมกวาด ไพร่พล เสริมกองทัพฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” ให้ได้มากสุด
ณ จุดที่ลุ้นเดิมพัน “ไพ่หน้าเดียว”
ตัดเป็นตัดตายกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่เกลือกกลั้วกับทีมก้าวไกล ค่ายรวมไทยสร้างชาติต้องทำคะแนนให้ได้มากสุดเท่าที่จะมากได้ ในการคว้าโอกาสเป็นหัวขบวนจัดตั้งรัฐบาลตามสูตรอำนาจเดิม กลืนเลือดตบจูบกับพลังประชารัฐ ตุ๊ยท้องกอดกับประชาธิปัตย์ ซ่อนมีดจับมือกับก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทย
ในวงเล็บ “บิ๊กตู่” ต้องมีแต้มมากพอในการล็อกดุลอำนาจต่อรอง
ถ้า “จั่วลม” วืดเป้า ค่ายรวมไทยสร้างชาติก็ต้องไปนั่งจับเจ่าเป็นฝ่ายค้านล้านเปอร์เซ็นต์
เห็นๆกันตรงหน้าผู้นำทหารเฒ่าเจอโจทย์ยาก ซ้อนโจทย์ โคตรยาก
ประกอบกับสถานการณ์ของขั้วตรงข้าม คู่แข่งสำคัญคือพรรคเพื่อไทย ค่ายนอมินีของ “ทักษิณ ชินวัตร” กำลังอยู่ในฟอร์มจัดจ้าน ตามเหลี่ยมปั่นกระแสโคตรเซียนการตลาด
ตีปี๊บยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ กวาด ส.ส.ทั้งแผ่นดิน
ฉวยจังหวะปั่นแต้มไพ่สำคัญอย่าง “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน บอสใหญ่ค่ายอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เป็น “นางกวัก” กระตุกเรตติ้ง คู่กับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

นายกฯในบัญชีพรรค มีให้เลือกใช้เหลือเฟือ
และตามฟอร์มที่ต้องโชว์ความเหนือกว่ายี่ห้ออื่นก็คือทีมเศรษฐกิจของยี่ห้อ “ทักษิณ” นอกจาก “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ใหม่ถอดด้าม ก็ยังมีพวกของเก่าลายคราม ทั้ง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตกุนซือทีมบ้านพิษณุโลก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.คลัง ฯลฯ
ทีม “นักรบห้องแอร์” ประกบเป็นห้องเครื่องทีม “นายห้างดูไบ”
แม้จะเป็น “เหล้าเก่า” แปะ “ฉลากใหม่” แต่ด้วยยี่ห้อ “ทักษิณ” การันตี ทีมเศรษฐกิจค่ายเพื่อไทยก็ทรงดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับขั้วรัฐบาล 3 ป.
ห้วงกระแสขาขึ้น นอมินี “ทักษิณ” ทำอะไรก็ดูหล่อไปหมด
ฟอร์มสดแบบที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศลั่นเวทีประชุมใหญ่ ปักหมุดตัวเลข 310 ที่นั่ง ตั้งธงทีมนายห้างดูไบซุปเปอร์แลนด์สไลด์
เหมา ส.ส.ทั้งแผ่นดิน วัดพลังกับ “250 ส.ว.ลากตั้ง”
เพื่อไทยเบ่งพองลม ตามระดับความหวังใกล้เคียงความจริงที่สุด ในการชิงพลิกขั้วอำนาจจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม กลับมาอยู่ในกำมือของ “นายใหญ่”
ถ้าไม่สำเร็จในไฟต์นี้ ก็อาจเป็นการรบสงครามสุดท้าย
“นายใหญ่” ต้องเกหมดหน้าตักเหมือนกัน สถานการณ์แบบที่เห็นการผลุบๆโผล่ๆถี่ยิบในช่องทางสื่อออนไลน์ทีมนักรบห้องแอร์ “ทักษิณ” ต้องออกแรงตีปี๊บแห่ทีมเศรษฐกิจยี่ห้อเพื่อไทย
ด้อยค่าบัตรคนจน คุยฟุ้งถ้าฝั่งตัวเองเป็นรัฐบาลจะทำให้คนมีรายได้มากกว่า 1,000 บาท แน่นอน
“นายใหญ่” หงายไพ่ หมดมือแล้ว แนวโน้มเดิมพันสงครามสุดท้าย ต้องลุ้นเรตติ้งของ “อุ๊งอิ๊ง– เศรษฐา” เกมการตลาดขาย เหล้าเก่าแปะ “ฉลากใหม่” จะครองส่วนแบ่งการตลาดแบบแลนด์สไลด์ได้หรือไม่
“บิ๊กตู่” ไปต่อลำบาก “ทักษิณ” ก็ยังหาทางกลับยาก
เกมอำนาจขึงพืด สองขั้วขัดแย้งประจันหน้า
นั่นจึงเป็นอะไรที่อาศัยสถานการณ์แปรวิกฤติเป็นโอกาส ตามยุทธศาสตร์ทีมหาม “บิ๊กบราเธอร์” จับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่าย พลังประชารัฐ ประแป้งแปลงโฉมใหม่
ในมาดของ “ทหารเฒ่า” ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ผู้ฝักใฝ่เสรีนิยม
กับมุกร่อนจดหมายน้อย เล่าความหลัง บอกปลายทางเบื้องหน้า พร้อมเป็นโซ่ข้อกลางในการนำประเทศชาติก้าวข้ามวิกฤติความขัดแย้งไม่เลิกรา
อารมณ์หยอดลูกอ้อน “ขอให้เชื่อผมสักครั้ง”
ชัดเจน “บิ๊กป้อม” ลุ้นผู้นำ “เสียบ” ตรงกลาง จับได้ทุกขั้ว ทั้ง “บิ๊กตู่–ทักษิณ”
ตามสภาพที่ไม่ใช่พวก “จับเสือมือเปล่า” เพราะสำรวจต้นทุนหน้าตักของค่ายพลังประชารัฐ เต็มไปด้วยกองกำลังนักเลือกตั้งอาชีพ มวยเกรดเอ ตัวชัวร์บ้านใหญ่ อยู่กันเกือบครบ
หรือจะดีเบตกันด้วยดรีมทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตร ก็มีมวยหลักๆทั้งนายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง มืองานของ “ทักษิณ” รวมไปถึง “เฮียมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ ล้วนแต่มือบริหารอาชีพแถวหน้าทั้งนั้น
“ทักษิณ” มี “ประชานิยม” “บิ๊กป้อม” ก็พร้อมขายแข่งยี่ห้อ “ประชารัฐ”
วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ เหนือกว่าทีมหาม “บิ๊กตู่” ประชันกับทีม “ทักษิณ” ได้ไม่ขี้เหร่
“บิ๊กป้อม” ทรงอย่างแบด เห็นสนุกกับแฟชั่น เดินตลาด นั่งร้านนม อารมณ์เฮฮาประสาวัยรุ่นฟันปลอม
แต่ศึกนี้ไม่ยอมพลาด “บิ๊กบราเธอร์” ลุ้นรวบเดิมพันตัวโก่งเลยก็แล้วกัน.
“ทีมการเมือง”