นับวันยิ่งจัดจ้านในย่านการเมืองฟังลีลาปราศรัยของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นัดล่าสุด ที่เพื่อไทยไปทำกิจกรรม “อีสานยามใด๋ เพื่อไทยทอนั่น”

ที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี เมืองหลวงของคนเสื้อแดง ของพรรคเพื่อไทยแล้ว

ต้องยอมรับว่าถึงชั่วโมงบินยังน้อย แต่พอจะเห็นเงาจางๆ ของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ได้ชัดขึ้น

เลือดนักสู้ที่ผสมผสานระหว่าง “พ่อ” และ “แม่” คือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รวมไปถึงวิกฤติการเมืองในช่วงระยะเวลา 15-16 ปีมานี้

ถูกฝ่ายขั้วตรงข้ามขุดพ่อล่อแม่ขึ้นมาเล่น โดนไล่บี้กดดันสารพัด

หล่อหลอมจนลูกสาวคนเล็กของบ้านจันทร์ส่องหล้า มายืนบนจุดนี้

คำประกาศว่า “พร้อมแล้ว” สำหรับการเป็น แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โดยไม่ได้มีอาการเคอะเขิน

หรือการอุ้มท้องขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ตอกย้ำเป้าหมายในการ “พาพ่อกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน”

สิ่งเหล่านี้คือตัวบ่งชี้ ถึงดีเอ็นเอในความเป็นผู้นำการเมือง กล้าแลก–กล้าลุย

แต่งานนี้มีผิดคิวเล็กน้อย จากเดิมเพื่อไทยจะถือโอกาสนี้ เปิดหน้าโชว์ตัว “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่มีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกฯอีกคน หวังปลุกกระแสกันแต่เนิ่นๆในตลาดการเมืองเบอร์ 1 อย่างภาคอีสาน

สุดท้ายก็ยังไม่ได้เปิด โดยที่เจ้าตัวอ้างว่าติดเล่นบอลและต้องเป็นเจ้าภาพงานศพ

ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ฟังได้ยาก หากจะอาสามารับใช้พี่น้องประชาชนแล้ว การลงพื้นที่ไปพบปะคลุกคลีกับชาวบ้าน รับฟังปัญหามากำหนดเป็นแนวทางการแก้ไขคือสิ่งสำคัญที่สุด

ท่ามกลางกระแสข่าว ถึงเหตุที่ไร้เงา “บอสใหญ่แสนสิริ” ประกบคู่ “อุ๊งอิ๊ง”

...

มาจากทีม “นักรบห้องแอร์” ที่กันท่า

โดยอ้างยุทธศาสตร์การทำตลาดการเมืองภาคอีสาน ต้องชูกระแส “อุ๊งอิ๊ง” เพียวๆ

หากหนีบเอาแคนดิเดตนายกฯคนอื่นไปด้วย อาจทำให้ชาวอีสานเกิดความสับสน

จัดการแบ่งโซนตลาดการเมืองกันเสร็จสรรพ ชูกระแส “อุ๊งอิ๊ง” ในภาคเหนือ–อีสาน

ส่วน “เศรษฐา แสนสิริ” ใช้ดึงกระแสกลุ่มคนชั้นกลาง–บน คนรุ่นใหม่ใน กทม. และเขตเมืองใหญ่

นี่ก็เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพื่อไทยยืนยันมาตลอดจะเสนอบัญชีรายชื่อแคนดิเดตครบทั้ง 3 คน

ผู้คนก็รับรู้รับทราบแล้วว่า 2 คน คือตัวเลือกหลัก

ดูแล้วสถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยเองก็ตกอยู่ในสภาพ “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง”

ทั้งที่กระแสพรรคได้เปรียบคู่แข่ง ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น

แต่ขุมอำนาจภายในกลับแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเอง

มันเป็นปัญหา “วนลูป” ของขั้วอำนาจนายใหญ่ที่ไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ให้เด็ดขาดได้

ด้วยข้อจำกัดตัวอยู่ไกล ไม่อาจล้วงมือล้วงไม้ บัญชาการได้เต็มร้อย

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ก็ถือเป็นโอกาสให้คนเหล่านี้ไขว่คว้าหาประโยชน์ จากการวางยุทธศาสตร์ วางคน จัดตัวผู้สมัคร

จนหลายเขตเลือกตั้ง เจอปัญหาพื้นที่ทับซ้อนคนเก่าคนใหม่

นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าไปมีอำนาจในฝ่ายบริหารนะ

ไม่อยากนึกถ้ามีอำนาจแล้ว จะยิ่งเละเทะขนาดไหน.

เพลิงสุริยะ