ฤทธิ์พายุ “โนรู” ทำเอาหลายพื้นที่กลายเป็น เมืองบาดาล ภาคอีสานอ่วมสุดในฐานะด่านแรก อุบลราชธานี มุกดาหาร ศรีสะเกษ นครราชสีมา ฯลฯ เจอเข้าไปเต็มๆ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ก็เจอหางพายุฝนตก ต่อเนื่องแบบมาราธอนตามภาพข่าวรายงานน้ำท่วม ชาวบ้านขนของหนีกันจ้าละหวั่นโดยสถานการณ์ยังไม่รู้ว่า ประเทศไทยต้องลุ้นพายุอีกกี่ลูก กว่าจะหมดฤดูฝนฟ้าไม่เปิด เมฆอึมครึม สภาพอากาศขมุกขมัว แต่บรรยากาศการเมืองลดความคลุมเครือลงไปเมื่อเกิดความชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติกรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่โดยเริ่มนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ นั่นหมายถึงจะไปหมดเวลา ครบวาระ 8 ปี ในปี 2568“บิ๊กตู่” ได้ไปต่อ แต่ไม่สุด เพราะหากนับจากการเลือกตั้งรอบต่อไป “บิ๊กตู่” จะเหลือระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกฯอีกแค่ 2 ปี ถ้าจะไปต่อในการเลือกตั้งรอบหน้า นั่นหมายความว่า เป็นนายกฯได้แค่ครึ่งเทอมเงื่อนไขลักลั่น มันจะหาเสียงกันยังไงแต่เบื้องต้นเลย “บิ๊กตู่” ได้ไปต่อเฉพาะเทอมนี้ หลังจากสะดุดหยุดอยู่กับที่มาเดือนกว่าๆประเทศไทยอยู่ในภาวะสุญญากาศ คณะรัฐมนตรีขาดหัวขบวนตัวจริงในการบริหารราชการแผ่นดินการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน ทำได้ไม่เต็มที่เอาเป็นว่า งานเร่งด่วนเฉพาะหน้าเลยก็คือ การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยจากพายุโนรู และฝนตามฤดูที่ทำน้ำท่วม เรือกสวนไร่นาล่มจำนวนมากอีกทางก็คือการเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่มีแนวโน้มน้ำหลากท่วมสูงเกือบทุกพื้นที่ ทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางอย่างที่ชาวบ้านกำลังขวัญผวากลัวซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554แค่ภารกิจฉุกเฉิน รับมือพายุ กู้น้ำให้ชาวบ้าน ก็หน้ามืดแล้วไหนจะงานช้าง การเตรียมความพร้อมจัดเวทีประชุมเอเปกที่กรุงเทพฯ ในฐานะประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในเดือนพฤศจิกายนนี้อีเวนต์ระดับโลก เป็นหน้าเป็นตาของคนไทยทั้งชาติโอกาสที่ “บิ๊กตู่” จะได้โชว์มาดอินเตอร์ เป็นเกียรติประวัติสมดังตั้งใจนี่คือภารกิจเร่งด่วน งานร้อนของผู้นำ ภายหลังเกิดความชัดเจนในกรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่จุดที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์สุดหนีไม่พ้นมหาวิกฤติเศรษฐกิจสัญญาณแปร่งๆต่อเนื่องจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทน นายกฯ ส่งซิกในวงประชุม ครม.ให้ล็อกค่าเงินบาทไม่เกิน 35 บาทต่อดอลลาร์จี้ให้กระทรวงการคลังไปเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านี้ก็เล่นเอานักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ “หูผึ่ง” แล้วโดยแนวโน้มสถาน การณ์มันสั่นสะเทือนตามธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ประกาศขึ้นดอก เบี้ย อัดยา แรงสกัดภาวะเงินเฟ้อขนานใหญ่ประเทศไทยหนีไม่พ้นโดนแรงกระแทกหนักๆตามสถานการณ์ชักหน้าไม่ถึงหลัง คลังถังแตก ปะตูด ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังได้มีมติอนุมัติการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี 2566ไฟเขียวแผนก่อหนี้ใหม่วงเงินกว่า 1 ล้านล้านบาททะลักเพดานหนี้สาธารณะกว่าร้อยละ 60.4 ทำสถิติมากสุดในประวัติการณ์เทียบกับรัฐบาลที่ผ่านๆมาความมั่นใจในเชิงบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลทหารเฒ่าติดลบหนักกู่ไม่กลับและนั่นก็จะกลายเป็นแรงกดทับทางการเมืองเพิ่มแรงเสียดทานให้รัฐบาลเรือเหล็กปะผุ สภาพถูลู่ถูกังภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่เห็นเค้าลางมาก่อนหน้านี้ ปมนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ “บิ๊กตู่” ได้กลายเป็นตัวเร่งชนวนเชื้อไฟในขบวนการต้านอำนาจรุกคืบ เดินหน้าล้มกระดาน “ระบอบ 3 ป.”สกัด ขัดขวาง การต่อท่ออำนาจของขบวนการทหารเฒ่ายิ่ง “บิ๊กตู่” รอด ได้ไฟเขียวจากศาลรัฐธรรมนูญไปต่อ มันยิ่งเป็นโอกาสในเกมโหมกระแสมวลชน โหมประจานพวก “เส้นใหญ่” ทำอะไรไม่ผิดกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของคนไทยที่ไม่ชอบการเอาเปรียบอารมณ์แบบที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ แนวร่วมธรรม ศาสตร์และการชุมนุม โพสต์ข้อความส่งสัญญาณถึงแนวร่วม “ถ้าประยุทธ์ได้ไปต่อ ประชาชนเตรียมลงถนน”ปั่นกระแสเกมมวลชน ล้างบางอำนาจทหารเฒ่าตีคู่ไปกับนักการเมืองขั้วตรงข้าม ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล แนวร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องดาหน้าเขย่าฐานอำนาจ 3 ป. ด้วยการตอกย้ำปมนายกฯ 8 ปีทุบทำลายความชอบธรรมการลากอำนาจไปต่อของทีม 3 ป.ปัจจัยภายนอกกระหน่ำทุกทิศทุกทาง ในขณะที่แรงขับเคลื่อนภายในรัฐบาลก็อ่อนกำลังจากภาวะสนิมเนื้อในที่กัดกร่อนจนกลายเป็นรูรั่วขนาดใหญ่ พรรคร่วมรัฐบาลเตะตัดขา หันมาล่อกันเอง“เพื่อนกิน” วงแตก หักหน้า หักลำ แย่งเคลมผลงานหาเสียง ไม่สนความเป็นพันธมิตรอีกต่อไปนั่นก็ลามถึงสภาผู้แทนราษฎรที่ล่มแล้วล่มอีก ตามสถานการณ์ลักลั่น ฝ่ายรัฐบาลหันไปจับมือฝ่ายค้านหักดิบกฎหมายของฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน ปล่อยสมุนออกมาด่ากันลั่นแบบไม่ไว้หน้าแทบไม่เหลือสภาพของเสียงข้างมาก กุมสภาพกันเองไม่อยู่ห้องประชุมสภาฯโหรงเหรง เพราะ ส.ส.ต้องกลับไปเกาะติดอยู่ในพื้นที่ ตามเสียงเชิดฉิ่งโหมโรงบรรยากาศ การเลือกตั้งใหญ่ที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะตามสัญญาณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ปล่อยไทม์ไลน์ พร้อมกฎเหล็กในห้วง “180 วันอันตราย” ก่อนสภาฯครบเทอมในเดือน มีนาคม ต้นปีหน้า 2566เปิดทางให้ ส.ส.เขตลาออก โดยไม่ต้องเลือกตั้งซ่อมจังหวะงูเห่าต้องรีบย้ายค่ายเปลี่ยนสังกัดก่อนจะไม่ทันกาลถึงตอนนี้ก็เปิดหน้า โชว์ตัวกันชัดเจนเกือบหมดแล้วโดยเฉพาะโฟกัสไปที่ทีมแห่ทหารเฒ่า 3 ป. ก็ชัดเจนว่า พี่กับน้องสร้างดาวคนละดวง“พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร ได้ “ใจบันดาลแรง” จากการรักษาราชการแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กลับมากระปรี้ กระเปร่า ลุยเดินสายหาเสียงกับค่ายพลังประชารัฐแบบถี่ยิบห้อมล้อมไปด้วยนักเลือกตั้งอาชีพระดับเสือ สิงห์ กระทิง แรดจับอาการมวยได้น้ำ “บิ๊กป้อม” ต้องปักหลักยึดพลังประชารัฐเป็นฐานที่มั่น เพื่อส่งให้ลุ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเต็มตัว ในการเลือกตั้งรอบต่อไปและนั่นก็ทำให้ทีมแห่ “บิ๊กตู่” ต้องอพยพไปต่างป้อมค่ายใหม่ ใช้บริการ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปนำขบวนพรรครวมไทยสร้างชาติ ปักหมุดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฐานบัญชาการใหญ่ของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ก๊วน กปปส.รวมพลังทีม “สลิ่ม” แตกตัวออกมาจากสาย “บิ๊กบราเธอร์”ทีมอำนาจ 3 ป. แตกไลน์ แยกตัว ตามจังหวะ เชิดฉิ่งโหมโรงเลือกตั้ง ทุกป้อมค่ายการเมืองพากันขยับ ปรับทัพ เติมกำลังพล เดินสายหาเสียงกันอึกทึกคึกคักล้อไปกับกระแสสังคม เสียงเรียกร้องจากประชาชนส่วนใหญ่ สะท้อนผ่านสารพัดโพล ต้องการให้ยุบสภา อยากเลือกตั้งใหม่เพื่อจะรีสตาร์ตประเทศไทย ได้รัฐบาลใหม่เป็นความหวังในการกอบกู้เศรษฐกิจปากท้องด้วยสภาวการณ์ “คับขัน” ผจญทั้งแรงเสียดทานทางการเมือง และแรงกดทับทางเศรษฐกิจประกอบกับระยะเวลาที่เหลืออีกแค่ 5–6 เดือน ก็จะครบเทอมสภาฯ จบวาระรัฐบาล 4 ปีภายใต้เงื่อนไขที่ต้องเผชิญสารพัดโจทย์โหดหินรอบด้าน ก็มีแต่ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำให้รัฐบาลขุมอำนาจ 3 ป. พลิกสถานการณ์กลับมาได้เดาทางพี่น้อง 3 ป. ก็คงอยากเร่งให้หมดเวลาไวๆ เหมือนกันกลั้นใจ อึดอีกเฮือกเผื่อจะได้ไปลุ้น เปิดเกมใหม่หลังเลือกตั้งรอบหน้า.“ทีมการเมือง”