ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ชี้ขาด “ประยุทธ์” ได้ไปต่อรอดปม 8 ปี ระบุ 24 ส.ค.57 “ลุงตู่” เป็นนายกฯจาก สนช.เลือก ไม่ใช่นายกฯตาม รธน.ปี 60 ไม่นับรวมวาระ 8 ปีให้นับทันทีเมื่อ รธน.ปี 60 ใช้บังคับ 6 เม.ย.60 ปัดทิ้งความเห็น กรธ. แนวคิด “มีชัย-ปกรณ์” แค่อธิบายแนวคิด ไม่ได้ระบุลงในความมุ่งหมายเหตุยุบพรรคคนละกรณีเทียบเคียงกันไม่ได้ “บิ๊กตู่” ฟังข่าวดีอยู่ที่บ้าน ตีปีกได้อำนาจคืน โพสต์เคารพศาลฯ ขอบคุณทุกกำลังใจ โวลุยต่อพลิกโฉมประเทศ “จุรินทร์” ขยับจ่อขอหารือปรับ ครม. พรรคร่วมฝ่ายค้านเฉ่งตีความแปลกประหลาด ขัดแย้งกับ รธน. เอื้อผูกขาดอำนาจ ก.ก.สิ้นหวังปลุก ปชช.ลงมติร่าง รธน.ใหม่ ชูธงปฏิรูปศาล รธน. พท.ขยี้คำวินิจฉัยมีปัญหาความชอบด้วย รธน. “ชลน่าน” เชื่อได้ยุบสภาฯเข้าคูหา ก.พ.66 ม็อบราษฎรประกาศพร้อมแลก ปลุกลงถนนไล่ นัดแต่งดำ 7 วันทั้งแผ่นดินประท้วงนายกฯเถื่อน

ปิดฉากคดีร้อนทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 6 ต่อ 3 เสียง วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ ถือว่ายังดำรงตำแหน่งนายกฯไม่ครบ 8 ปี

...

ศาล รธน.ปิดฉากคดีวาระ 8 ปี “บิ๊กตู่”

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมพิจารณาวินิจฉัยและปรึกษาหารือก่อนลงมติ กรณีประธานสภาฯส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการกั้นรั้วเหล็ก วางกำลังตำรวจกว่า 300 นายรอบสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พร้อมตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ร่วมกับตำรวจ บก.น.2 และตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เข้าตรวจสอบความเรียบร้อย

ทีม ก.ม. “ลุงตู่” มั่นใจชี้แจงเคลียร์

เวลา 14.20 น. พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะฝ่ายกฎหมายผู้รับผิดชอบจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมฟังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ว่าอะไร ท่านบอกว่ารอฟังอยู่ที่ที่พักและยอมรับคำพิพากษา สภาพจิตใจนายกฯไม่มีอะไร ปกติ ไม่ได้พูดหรือฝากอะไรเป็นพิเศษ ส่วนตัวมั่นใจในพยานหลักฐานและเอกสารทุกอย่างที่ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรไม่ทราบ แล้วแต่ดุลพินิจของศาล ที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างถูกต้อง ดีที่สุด ทุกอย่างแล้วแต่ศาล หากผลออกมาทางลบ ยังไม่เตรียมและไม่พูดถึงอะไร รอศาลก่อน

ผู้ร้อง–ผู้ถูกร้องส่งตัวแทนฟังคำตัดสิน

ต่อมาเวลา 15.00 น.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ถ่ายทอดไปยังห้องสื่อมวลชน พร้อมถ่ายทอดผ่านช่องยูทูบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ฝ่ายผู้ร้อง ประธานสภาฯ มอบหมายนายเจษฎ์ อนุกูลโภคารักษ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาฯ เป็นผู้แทนมาศาล ส่วนผู้ถูกร้องมอบหมาย พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้แทนมาศาล โดยศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกรณีนี้คือ รัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 และรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 170 มาตรา 158 มาตรา 159 และบทเฉพาะกาล มาตรา 264

ชี้ปี 57 “ลุงตู่” ไม่ใช่นายกฯ ตาม รธน.60

ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2557 ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอ โดยสนช.มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคำแนะนำ เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องไม่ใช่นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ต้องมีที่มาจากมาตรา 158 วรรคสอง กล่าวคือ ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญปี 2560 มีบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ให้คณะรัฐมนตรี ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้จนกว่า ครม.ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่และให้นำความในมาตรา 263 วรรคสาม มาบังคับใช้โดยอนุโลม

ถึงนั่งเก้าอี้มาก่อนแต่เริ่มจาก 6 เม.ย.60

ศาลรัฐธรรมนูญระบุอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีปัญหาต้องพิจารณาต่อไปว่า ครม.ที่มีผู้ถูกร้องเป็นนายกฯ บริหารราชการแผ่นดินในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นนายกฯ ตาม ครม. ตาม รัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 264 วรรคหนึ่ง มีบทบัญญัติมุ่งหมาย 2 ประการได้แก่ 1.เพื่อให้บทบัญญัติยืนยันหลักความต่อเนื่องของ ครม.คือ แม้ ครม.ซึ่งผู้ถูกร้องเป็นนายกฯ จะเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญอื่นอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้บังคับ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ 6 เม.ย.2560 แล้ว ต้องถือว่า ครม.ซึ่งแม้จะเข้าสู่ตำแหน่งโดยรัฐธรรมนูญอื่นก็ตามย่อมเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 อันเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นต้นไป ตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 264 ดังกล่าว 2.เพื่อนำกฎเกณฑ์ประกาศใช้บังคับใหม่ มาใช้บังคับกับ ครม.ที่อยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นไปตามหลักทั่วไป ครม.บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ประกาศขึ้นมาใหม่ทุกประการทันที เว้นแต่ในบทเฉพาะกาลยกเว้นว่าไม่ให้นำเรื่องใดมาใช้บังคับแก่ ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ดังปรากฏในมาตรา 264 วรรคสอง บทบัญญัติดังกล่าวยกเว้นบางเรื่องเท่านั้น หากมิได้บัญญัติยกเว้นเรื่องใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในเรื่องนั้นๆทั้งสิ้น

8 ปีนับทันทีที่ รธน.ปี 60 ใช้บังคับ

ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยอีกว่า ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญปี 2560 บทเฉพาะกาล มาตรา 264 เป็นไปตามหลักทั่วไปใช้บังคับกฎหมาย กฎหมายย่อมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันประกาศใช้ เมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลใช้บังคับเมื่อ 6 เม.ย. 2560 ย่อมมีความหมายว่า ทุกบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ย่อมมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป เว้นแต่ในบท เฉพาะกาล จะมีการบัญญัติให้เรื่องใด ยังไม่มีผลการใช้บังคับ ไม่ว่ากรณีใดตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ใช้บังคับทุกอย่างต้องเริ่มนับทันที กรณีเป็นไปตามมาตรา 158 วรรคสี่ เรื่องระยะเวลา 8 ปี จึงต้องเริ่ม นับทันที นับแต่รัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้บังคับ จากหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น วินิจฉัยได้ว่า ผู้ถูกร้องเป็นนายกฯ บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญนี้ด้วย

ย้อนหลังยุบพรรคไม่อาจเทียบเคียงได้

ศาลรัฐธรรมนูญระบุอีกว่า ส่วนข้อความที่อ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2550 และคำวินิจฉัยที่ 4/2564 เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลัง เพื่อเพิกถอนสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกภาพ ส.ส.มิใช่โทษทางอาญา กระทำได้เช่นเดียวกับคำร้องของคดีนี้นั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นกรณีพรรคการเมือง กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมือง เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค และทำให้กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง รวมถึงมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง และ 2 กรณีดังกล่าวมีบทบัญญัติเขียนไว้โดยชัดเจนว่ามีผลย้อนหลังได้ เพราะกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือขาดคุณสมบัติแต่แรก แต่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ใช้บังคับ ไม่ได้บัญญัติกรณีดำรงตำแหน่งนายกฯตามระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้มีผลย้อนหลัง คำวินิจฉัยทั้ง 2 กรณี ดังกล่าวเป็นคนละกรณี ข้อเท็จจริงกรณีนี้เป็นกรณีดำรงตำแหน่งนายกฯตามรัฐธรรมนูญกำหนด มีหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต่างกัน ไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้

ความเห็น กรธ.แค่อธิบายเเนวคิด

“ทั้งนี้ ข้ออ้างผู้ร้องที่ว่าบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 500 เมื่อ 7 ก.ย.2561 ระบุเจตนารมณ์ จำกัดการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรคสี่ชัดเจน ประกอบการประชุมดังกล่าว ประธาน กรธ.และรองประธาน กรธ. คนที่ 1 ให้ความเห็นการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่ดำรงตำแหน่งก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ ระบุว่า บุคคลใดก็ตามดำรงตำแหน่งนายกฯ ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้สามารถนับรวมการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้ เมื่อรวมระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯไม่เกิน 8 ปีนั้น ศาลเห็นว่าการประชุมดังกล่าวเป็นเพียงการอธิบายแนวความคิด กรธ.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ และพิจารณาภายหลังรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ประกาศใช้บังคับเป็นเวลาถึง 1 ปี 5 เดือน

ข้อมูล “มีชัย” ไม่ระบุในความมุ่งหมาย

ประกอบกับความเห็นประธาน กรธ.และรองประธาน กรธ. คนที่ 1 ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างดังกล่าว มิได้นำไประบุไว้ในความมุ่งหมาย และคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 นอกจากนี้ตามบันทึกการประชุม กรธ.ที่พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ไม่ปรากฏประเด็นการพิจารณา หรืออภิปรายการนับระยะเวลาดำรงตำแหนงว่านับรวมการดำรงตำแหน่งนายกฯก่อนรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับด้วย การกำหนดเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรคสี่ มีความหมายเฉพาะการดำรงตำแหน่งนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560”

มติ 6 ต่อ 3 “นายกฯตู่” ยังไม่ครบ 8 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยอีกว่า ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ประกาศใช้บังคับในวันที่ 6 เม.ย.2560 และผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกฯบริหารราชการแผ่นดิน อยู่ในวันก่อนประกาศใช้ตามรัฐธรรมนูญ ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 2564 การดำรงตำแหน่งของผู้ถูกร้อง จึงเป็นการดำรงตำแหน่งภายในรัฐธรรมนูญ 60 นี้ ต้องอยู่ภายใต้บังคับตามมาตรา 158 วรรคสี่ ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ต้องถือว่าวันที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้เป็นวันเริ่มต้นรับตำแหน่ง เมื่อผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 นับตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 ถึงวันที่ 24 ส.ค.2565 ผู้ถูกร้องจึงดำรงตำแหน่งนายกฯ ยังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสี่ ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่

เผย 6 เสียงข้างมากให้ “ประยุทธ์” ไปต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตุลาการ 6 เสียงข้างมาก ที่ลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ ประกอบด้วยนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายบรรจงศักดิ์ วงษ์ปราชญ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ ส่วนตุลาการ 3 เสียงข้างน้อย คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ และนายนพดล เทพพิทักษ์

“บิ๊กป้อม” ยันให้กำลังใจ “บิ๊กตู่” ทุกวัน

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.25 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรักษาราชการแทนนายกฯ เข้าปฏิบัติภารกิจต้อนรับนางสุจิตรา ทุไร เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าอำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ต่อมาเวลา 10.00 น. นายอะห์มัด สาเมาะ ผู้ชนะเลิศการแข่งขันท่องจำอัลกุรอานนานาชาติ ประจำปี พ.ศ.2565 เข้าเยี่ยมคารวะ ที่ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ยังไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯจะไปเจอกันอย่างไรได้ให้กำลังใจทุกวัน แต่ล่าสุดยังไม่ได้คุย ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมว่า “ไม่มี ไม่มีอะไร” จากนั้นขึ้นรถออกจากทำเนียบฯกลับไปที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ครั้งที่ 4/2565 เวลา 14.00 น.

“บิ๊กตู่” เข้า กห. แล้วเข้าบ้านลุ้นข่าวดี

ขณะที่เมื่อเวลา 09.42 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติงานภายในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยรถเบนซ์ ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานครด้วยสีหน้าเรียบเฉย ช่วงเช้ามีบรรดารัฐมนตรีและนักการเมือง ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์ให้กำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ส่งข้อความตอบเพียงสั้นๆว่า “ขอบคุณครับ” บรรยากาศที่กระทรวงกลาโหม ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปยังศาลาว่าการกระทรวง แจ้งว่าจะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าเวลา 15.00 น.ในพิธีส่งมอบตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเท่านั้น สื่อมวลชนที่มาติดตามความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปักหลักอยู่ด้านหน้าทางเข้ากระทรวง ถนนสนามไชย กระทั่งเวลา 11.49 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับไปยังบ้านพัก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ถนนวิภาวดี รอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปม 8 ปี ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ร่วมประชุมหารือระดับนโยบายและการศึกษาดูงานว่าด้วยความร่วมมือป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่างไทย-ออสเตรเลียกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ก็ได้ติดตามรับชมการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผ่านช่องออนไลน์ไปพร้อมกัน

ลั่นเคารพศาล–ขอบคุณทุกกำลังใจ

ต่อมาเวลา 15.46 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทรัโอชา Prayut Chan-o-cha” ว่า ขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน สำหรับกำลังใจและความ ปรารถนาดีที่มอบให้มาโดยตลอด ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสให้ได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่า จะต้องใช้เวลาอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาลในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆมากมายที่ได้ริเริ่มเอาไว้ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง และสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของเรา จะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกนที่ได้เคยกล่าวไว้ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด สำหรับเรื่องการเมืองและประเด็นต่างๆรายวันนั้นจะมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงทำความเข้าใจต่อไป วันนี้เราเดินหน้ามาไกลและถูกทิศทางแล้ว เราต้องช่วยกันทำให้เสร็จ

ขอใช้เวลาที่เหลือพลิกโฉมประเทศ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบกำลังใจและความปรารถนาดีที่มอบให้โดยตลอด ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่าจะต้องใช้เวลาอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ มากมายให้เดินหน้าเสร็จสมบูรณ์ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้บ้านเมือง จะใช้ความพยายามและใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกนให้สำเร็จเป็นรูปธรรมผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วมทันที และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกฯได้แจ้งวาระงานวันที่ 3 ต.ค. เวลา 13.30 น. นายอาร์มัน อิสเซตอฟ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัค สถานประจำประเทศไทย และ น.ส.แอนเจลา เจนแม็กดอนัลด์ เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่ตามลำดับ

ตีปีกกลับมามีอำนาจเต็มทันที

เมื่อเวลา 16.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกฯและหัวหน้าทีมกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมามีสถานะเป็นนายกฯทันที ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสิ้นสุด โดยได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ พล.อ.ประยุทธ์ได้ติดตามผ่านทางโทรทัศน์ และทราบผลวินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับฝากขอบคุณทีมงานที่ช่วยกันต่อสู้คดีอย่างดีที่สุด เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นที่น่าพอใจหรือไม่นั้น พล.ต.วิระตอบว่า เราต้องยอมรับคำตัดสินของศาล และมองว่าคำตัดสินที่ออกมา มีการนำบทบัญญัติต่างๆออกร่วมพิจารณา และมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างชัดเจน ในฐานะทีมกฎหมายถือว่าเป็นที่ยอมรับและพอใจ

“จุรินทร์” จ่อคุยนายกฯขอปรับ ครม.

ที่ จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า สาระของคำพิพากษาเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่านับหนึ่งเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบังคับใช้ จะดำรงตำแหน่งนายกฯได้ไม่เกิน 8 ปี หากจะนับปีสิ้นสุดคงประมาณปี 68 รัฐบาลชุดนี้ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมืองเกิดขึ้นจะอยู่ไปได้ถึงเดือน มี.ค.66 ยกเว้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีการปรับ ครม.หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า การจะปรับอย่างไรต่อไป จะต้องหารือกับนายกฯก่อน เพราะเป็นผู้มีอำนาจปรับและทูลเกล้าฯถวายรายชื่อ คงต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม จะได้มีการหารือกับท่านต่อไป

ฝ่ายค้านเฉ่งตีความประหลาด

เมื่อเวลา 14.00 น.ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นัดประชุมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ติดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาเวลา 16.00 น.พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ โดย นพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์ว่า 1.การพิจารณาถึงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ นอกจากลายลักษณ์อักษรแล้วต้องพิจารณาเจตนารมณ์ขณะจัดทำรัฐธรรมนูญของ กรธ.ถึงสาระสำคัญหรือเหตุผลเบื้องหลังแต่ละมาตรา เมื่อในชั้นร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ที่ห้ามดำรงตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปี โดยมิได้บัญญัติข้อยกเว้นใดๆไว้ ที่มีความเห็น กรธ.และประธานกรธ.ชัดในบันทึกการประชุมชัดเจนถึงเจตนารมณ์ว่าให้นับรวมระยะเวลาดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนใช้รัฐธรรมนูญปี 60 และมาตรา 264 ให้นับความเป็นนายกฯต่อเนื่อง ไม่อาจแปลความเป็นอย่างอื่นได้เลยว่าต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 เป็นต้นไปเท่านั้น 2.ให้เริ่มนับเวลาตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.60 เริ่มใช้รัฐธรรมนูญปี 60 น่าจะเป็นการตีความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญตามที่ประชาชนเข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งรวม 10 ปี เกิน 2 วาระปกติ ผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 60 และรัฐธรรมนูญก่อนหน้าที่ต้องการจำกัดวาระมิให้เกิน 2 วาระ 8 ปี ขัดต่อความจริง เป็นการตีความที่มีผลแปลกประหลาด

ชูธงปฏิรูปการทำหน้าที่ศาล รธน.

ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวต่อว่า 5.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าถึงเวลาที่ประเทศไทยควรมีการปฏิรูปกระบวนการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเสียใหม่ ให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจที่เหมาะสม เพื่อมิให้มีการอาศัยผลของคำวินิจฉัยที่ผูกพันทุกองค์กรไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม และไม่คำนึงถึงบรรทัดฐานทางกฎหมายที่ถูกต้องได้ ทั้งนี้แม้ผลคำวินิจฉัยทำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีิสิทธิดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไปได้ แต่คำวินิจฉัยคงมิใช่เป็นการฟอกขาวให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์โดยประการใดๆ ภาพจำของประชาชนคือผู้ที่พยายามสืบทอดอำนาจทุกวิถีทางเท่าที่จะหาวิธีทำให้ได้ ผิดสัญญากับประชาชนตั้งแต่ต้นว่าจะอยู่ไม่นาน จะปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ การที่จะอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้อยู่ในอำนาจได้ต่อไป ขอให้พี่น้องประชาชนได้ให้บทเรียนกับ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย

วอนสละเก้าอี้ยุติไฟขัดแย้ง

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้เราเป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมือง เพราะเหตุผลในคำร้อง โดยเฉพาะการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัด เมื่อคำวินิจฉัยออกมาแบบนี้เหมือนพายุโนรู แต่เป็นโนรูล (rule) อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังข้อเสนอของพี่น้องประชาชนภายใต้ความสงบเรียบร้อย ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนในการเรียกร้องชุมนุม ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงออกตามข้อเสนอตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ต้องไม่สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง หรือความขัดแย้งเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ควรสละตำแหน่งเพื่อประเทศ ชาติบ้านเมือง ทุกอย่างก็จบ ก.ก.สิ้นหวังปลุกลงมติทำ รธน.ใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ออกแถลงการณ์พรรคก้าวไกลว่า เป็นอีกครั้งที่ประชาชนไทยรู้สึกสิ้นหวัง ตอกย้ำให้เคลือบแคลงใจว่า สถาบันตุลาการของบ้านเมืองที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กลับกำลังปกป้องคุ้มครองการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร มากกว่าปกป้องคุ้มครองหลักการ และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หนทางเดียวในการคืนประเทศให้กับประชาชนคือ ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 60 จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ขอเชิญชวนร่วมกันเข้าชื่อจัดทำประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง

ทสท.ซัดนายกฯตู่ล้มเหลวทุกด้าน

ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์คือหัวหน้าคณะรัฐ ประหาร ต่อมาดำรงตำแหน่งนายกฯตามรัฐธรรมนูญฯฉบับชั่วคราว 2557 ที่สถาปนาขึ้นเอง ไม่มีความชอบธรรม ความชอบด้วยกฎหมาย ความชอบด้วยรัฐ ธรรมนูญและประเพณีการปกครองในระบอบประชา ธิปไตย ตลอดจนหลักนิติธรรมตั้งแต่วันที่ทำรัฐประหาร จัดให้มีรัฐธรรมนูญ 60 สืบทอดอำนาจ นิรโทษกรรมการรัฐประหารและผลพวงต่างๆไว้ในรัฐธรรมนูญ ล้มเหลวในการบริหารประเทศทุกด้าน ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกับพวกเราต่อสู้ผลักดัน 2 เรื่องสำคัญ ก้าวข้ามหรือออกจากความขัดแย้งของความคิดแบบ 2 ขั้ว และร่วมเร่งผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจอีก

พท.ย้ำคำวินิจฉัยมีปัญหาความชอบ

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์พรรค พท.ว่า พรรคเคารพแต่ไม่เห็นด้วยในเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ห้ามการดำรงตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปี และให้ถือว่า ครม.ที่มีอยู่ ก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย อีกทั้งข้อเท็จจริงปรากฏชัดในบันทึก ของ กรธ.ให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯก่อนวันรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับรวมด้วย คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายในการตีความที่นักวิชาการกฎหมายและสังคมต้องร่วมกันคิดว่าหลักคิดและเหตุผลการวินิจฉัยมีเหตุผลที่สอดคล้องกับบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ บรรทัดฐานความถูกต้องของการใช้และการตีความรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะมีปัญหาแต่ไม่มีกลไกใดจะตรวจสอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ เป็นโจทก์ใหญ่ที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันคิดและหาทางออกต่อไป

“ชลน่าน” เชื่อยุบสภา ลต.ใหม่ ก.พ.66

ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การนับวาระของ พล.อ.ประยุทธ์ หากได้เป็นนายกฯต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะทำหน้าที่ได้เพียง 2 ปี การจะอยู่ในวาระได้ต่อไปต้องเสนอตัวเข้าสู่ระบบการเลือกตั้ง เช่น เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคใดพรรคหนึ่ง ถ้าพรรคนั้นได้รับการเลือกตั้งมากกว่าร้อยละ 5 หรือ 25 เสียงขึ้นไปจึงจะมีสิทธิเสนอชื่อ เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาหลังจากนี้ นพ.ชลน่านกล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาถึงร้อยละ 90 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ร้อยละ 80 ผู้มีอำนาจจัดระบบทุกอย่างพร้อม แต่ยุบสภา ส.ส. ต้องสังกัดภายใน 30 วัน จัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน มีเวลาหาเสียงมากกว่าอยู่ครบวาระ และความขัดแย้งจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิม จากการเรียกร้องให้ยุบสภา ทางที่ดีที่สุดคืนอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่มาสร้างสถานการณ์ให้สมอ้างกับการทำรัฐประหาร ทำให้ประเทศล้าหลัง หลังประชุมเอเปกเป็นไปได้ที่จะยุบสภาช่วงปลายเดือน พ.ย.หรือต้นถึงกลางเดือน ธ.ค. แล้วไปเลือกตั้งในเดือน ก.พ.66

ราษฎรพร้อมแลกประกาศลงถนนไล่

เวลา 14.00 น. ที่ลานสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปะและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ เครือข่ายม็อบราษฎร นำโดยนายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย นัดหมายแนวร่วมจัดชุมนุมรับฟังผลชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ ลิงก์สัญญาณถ่ายทอดสดฟังผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้มวลชนนั่งลุ้นไปพร้อมกัน และทันทีที่ทราบคำวินิจฉัยต่างพากันลุกขึ้นยืนโห่ฮา ด่าทอตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์เสียงดังลั่น นายธัชพงศ์กล่าวว่า ใครไม่พอใจและรับไม่ได้กับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญขอให้มารวมตัวกัน เราไม่ยอมรับคำวินิจฉัยครั้งนี้ เหมือนตบหน้าประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้นแม้จะตัดสินให้ประยุทธ์ไปต่อแต่เราจะไม่ยอมให้ไปต่อ เมื่อเขาท้าให้เราลงถนนเราจะลง ถ้าต้องชนต้องถูกจับติดคุกอีก เราพร้อมแลก เพราะการลงถนนเป็นทางเดียวในการเปลี่ยนแปลงประเทศ

นัดแต่งดำ 7 วันประท้วงนายกฯเถื่อน

จากนั้น น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน อ่านแถลงการณ์ราษฎร ใจความสำคัญโดยสรุปว่า “คำวินิจฉัยศาลที่ต่ออายุให้กับประยุทธ์ ไม่อาจยอมรับได้ เนื่องด้วยสถานะความเป็นนายกฯของประยุทธ์ขาดสิ้นลงตั้งแต่ 24 ส.ค.เราราษฎรขอประกาศยืนยันว่า นับตั้งแต่ 24 ส.ค.ประยุทธ์มีสถานะเป็นนายกฯเถื่อน นอกรัฐธรรมนูญ เป็น ครม.นอกกฎหมาย การใช้อำนาจหรือประกาศคำสั่งใดๆย่อมปราศจากอำนาจรองรับตามกฎหมาย เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับอำนาจสถานะนายกฯของประยุทธ์ ขอชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบอำนาจนิยม ร่วมกันสวมชุดดำทั้งแผ่นดิน 1 สัปดาห์ ตั้งแต่ 1-7 ต.ค. ไว้อาลัยให้กับระบอบการเมืองภายใต้การบริหารของนายกฯเถื่อน โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อยืนยันว่าไม่มีแม้แต่ตารางนิ้วเดียวในสังคมไทย ที่ยอมรับอำนาจนิยมนี้อีกต่อไป”

“ทะลุฟ้า” ลั่นชุมนุมคือทางออกสุดท้าย

นายธนพัฒน์ กาเพ็ง แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ว่า วันที่ 1 ต.ค. ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณเกาะพญาไทตั้งแต่เวลา 16.00 น. ไล่ประยุทธ์ไปด้วยกัน ขอประกาศกิจกรรมพอกันที 8 ปีประยุทธ์ ด้านนายธัชพงศ์ แกดำ กล่าวว่า ที่บอกว่าไม่มีม็อบแล้วไม่มีเลือกตั้งถูกหลอกทั้งประเทศ ต้องบอกว่ามีม็อบถึงเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะเรื่องจริงการชุมนุมคือทางออกสุดท้ายของประชาชน จากนั้นแกนนำได้ชักชวนผู้ร่วมชุมนุมชู 3 นิ้ว และตะโกนคำว่า เผด็จการจงพินาศ ประยุทธ์ออกไป ยกเลิก 112 ก่อนยุติการชุมนุม

“หลอมรวม” นัดระดมสมองจัดการ 3 ป.

อีกด้านหนึ่งเวลาประมาณ 17.00 น. ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติพร ล้ำเหลือ จัดชุมนุมปราศรัย นายจตุพร แถลงว่า ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์รอด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่รอดด้วยพลังประชาชนจัดการเท่านั้น เหตุการณ์นี้เปรียบเหมือนนาฬิกาปลุกใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมีมา เหมือนหัวเชื้ออย่างดีที่จุดติดทั้งแผ่นดิน มั่นใจว่าการยื้อเลือกตั้งไม่ให้ตรงตามเวลาที่กำหนดเป็นแผนต่อไป เพราะกฎหมายเลือกตั้งยังอยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ ขอประกาศภารกิจรุกคืบ หยุด 3 ป.หยุดการรัฐประหารนับ 1 ประเทศไทย ขอนัดหมายในวันที่ 2 ต.ค. เวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว เพื่อหารือระดมความคิดจัดการกับ 3 ป.อย่างไร

“เจ๊หน่อย” ลงเรือให้กำลังใจคนอุบลฯ

ที่ อ.เมืองอุบลราชธานี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น นายอดุลย์ นิลเปรม และทีมไทยสร้างไทยอุบลฯ ลงเรือให้กำลังใจชาวอุบลฯผู้ประสบอุทกภัยจากพายุโนรู โดยคุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า จนถึงขณะนี้พบเพียงหน่วยงานท้องถิ่นที่มาดูแลพี่น้องประชาชน ผู้มีอำนาจจากส่วนกลางต้องเร่งสั่งการประสานหน่วยงานรัฐเข้าช่วยเหลือโดยด่วน โดยเฉพาะอาหารการกิน การเดินทางสัญจร ระบบสุขอนามัยที่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำ ประชาชนอาจมีสภาวะความเครียดทางจิตใจ รวมถึงโรคต่างๆที่มากับน้ำ ที่สำคัญหลังน้ำลดต้องเตรียมการเยียวยาซ่อมแซมบ้านเรือนเสียหาย เร่งประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ สำรวจความเสียหายและเร่งเยียวยาเร่งด่วน ทั้งเรือกสวนไร่นาและที่อยู่อาศัย