นักเรียน ม. 6 รุ่นสุดท้ายถูกสอนหัดอ่าน บทเรียนที่เริ่มต้นว่า แต่ก่อนคนเรายังโง่...ภาพคนสมัยหินถือกระบองยังติดตา โตขึ้นมา ดูหนังเรื่องมนุษย์หิน พระเอกชื่อ “ก๊อง” ก็โดนใจ โง่แบบนี้นี่ล่ะใช่เลย

เพลงฮิต “พ.ศ.2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมา ทางการเขาสั่งมาว่า (ซ้ำ) ให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดและสุกร ฝ่ายตาสีหัวคลอน ถามว่า สุกรนั้นคืออะไร”

ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด สุกรนั้นไซร้ คือหมาน้อยธรรมดา (ซ้ำ)

อีกท่อน ฮา! แดดฮ้อนๆใส่แว่นตาดำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกพรำ ถอดแว่นตาดำ ฟ้าแจ้งจางปาง (ซ้ำ)

เพลงนี้ จะชื่อผู้ใหญ่ลี หรือสาวบ้านแต้ ผมไม่แน่ใจ...อ่านหนังสือที่คีตา พญาไท เขียนจำได้เงาๆเพลงนี้ พิพัฒน์ บริบูรณ์ แต่ง

คนไทยสมัย ในน้ำมีปลา...นับถือคนที่บวชเรียนแล้ว...เรียก “ทิด” เขาว่าเพี้ยนมาจาก “บัณฑิต” แปลว่าคนฉลาด

เรื่อง “ใครโง่กว่าใคร” สมชัย ธนัญชัย เชียงใหม่ ในหนังสือนิทานไทย (คุณตาคุณยายเล่าไว้ สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2536) เล่าเรื่องทิดคง คนฉลาด สนุกถึงใจ อ่านเมื่อไหร่ ก็หัวเราะออก

นานมาแล้ว ชายหนุ่มชื่อคง บวชเรียนหลายพรรษา ความรู้ทางโลก ทางพระแตกฉาน สึกออกมามีเมียมีลูกสาวหนึ่งคน วันหนึ่งทิดคงที่จูงควายไปทำนา เที่ยงเมียทิดก็แกงส้มปลา ให้ลูกสาวหิ้วไปให้พ่อ

วันนั้นลูกสาวมาได้ครึ่งทาง อากาศร้อนมาก ก็แวะหลบแดดในร่มไม้ ลมพัดเย็นสบายเผลอหลับ ฝันว่าแต่งงานกับเศรษฐีมีลูกชายจ้ำม่ำ แต่ไม่ทันโตก็ตาย นางเสียใจตีอกชกตัว ข้าวหม้อแกงหม้อที่ตั้งใจหิ้วมาให้พ่อ หกหล่นเรี่ยราด

...

ลูกสาววิ่งกลับไปบอกแม่ที่บ้าน แม่ได้ฟังก็ร้องไห้โฮ รำพัน...“โธ่เอ๋ย! หลาน ยายยังไม่ทำขวัญหนูเลย”

บ่ายแก่เต็มที ข้าวปลาที่เคยมีมาไปไม่ถึง ทิดคงหิวอารมณ์เสีย เดินกลับบ้าน เจอเมียและลูกสาว นั่งร้องไห้ฟูมฟาย พอรู้เรื่องก็หมดใจ “โง่กันได้ถึงเพียงนี้” เลือกเข้าของใช้ติดตัว ลงเรือพายไปเรื่อยๆ

เจอชายคนหนึ่งนั่งร้องไห้ เขาเอามือออกจากไหเกลือไม่ได้ ทิดคงแนะให้แบมือคลายเกลือออก พายเรือต่อ เจอคนสองกลุ่ม เอาเชือกผูกหัวเสาไม้ ออกแรงดึงคนละด้าน เสาสั้นไปจะดึงให้ยาว ทิดคงแนะไปตัดเสาอีกต้นมาต่อ

พายเรือเรื่อยไปถึงหมู่บ้านใหญ่ เห็นคนมากมายช่วยกันก่ออิฐ ถือปูนสร้างตึก แต่เป็นตึกที่ไม่มีหน้าต่าง พอแดดจ้า คนพวกนั้นก็ช่วยกันถือถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ ฯลฯ ที่ตากแดดไว้ เอาเข้าไปในตึก

ถามก็ได้ความว่าในตึกมืด ต้องช่วยกันขนแสงสว่างเข้าไป ทิดคงแนะให้พวกเขาเจาะหน้าต่าง

เรื่องของคนหมู่บ้านนี้ ทำให้ทิดคงคิดได้ คนโง่ในโลกนี้มีมากมายนัก ใช่ว่าจะโง่แต่เมียและลูกเขาเสียเมื่อไหร่

ทิดคงก็หันหัวเรือกลับบ้าน จูงควายออกไปทำนาทุกวันเหมือนที่เคยทำ ทำมาหากินกันไป ใครขาดเหลือก็แบ่งปัน อยู่กันอย่างปกติสุข เรื่อยมา ตามประสาคนโง่ด้วยกัน

นี่คือคุณงามของความโง่ ที่มนุษย์เผลอไม่เคยมอง หรือทำแกล้งมองไม่เห็น

บ้านเมืองแบบทิดคง ผมเคยอ่านในตำนานจีน...สองสามพันปีที่แล้วไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้ตาม เขตแดนห่างกันพอไก่ขันได้ยิน ไม่มีเมืองคนฉลาดเมืองคนโง่ ไม่มีเมืองรวยเมืองจน จึงไม่เคยมีสงครามชิงเมือง

ผมกำลังนึกถึงบางบ้านเมือง...ที่มีแต่คนฉลาดมากมายในสภา...รอบนี้ สภาล่มไปแล้วสามครั้ง เล่นเชิงกัน จะไม่เอาแล้ว กติกาหาร 500 ที่หักลำรัฐธรรมนูญ เขียนขึ้นใหม่ พรรคใหญ่บางพรรค อยากจะเอากติกาหาร 100

คนฉลาดคิดเข้าข้างตัวเอง ยื้อกันไปมา ไม่ถามซักคำ ชาวบ้านโง่ๆอย่างพวกเรา คิดยังไง...

ก็คงคิดได้เหมือนที่เคยคิดนั่นล่ะครับ รอสมน้ำหน้า เวลาทหารเขาอ้างว่า นักการเมืองมันเลว เป็นเหตุผลให้ปฏิวัติ รอชาวบ้านหอบดอกไม้เอาไปผูกปากกระบอกปืนรถถัง.

กิเลน ประลองเชิง