“หมอระวี” โวยลั่น 2 พรรคใหญ่ชกใต้เข็มขัดล้มโต๊ะคว่ำสูตรหาร 500 ป่วนสภาล่มไม่ให้สมาชิกแสดงตนเป็นองค์ประชุม แฉพรรครัฐบาลไล่ ส.ส.กลับบ้าน “นิโรธ” ปัดจับมือ พท.ทำแท้งกฎหมายลูกเลือกตั้ง อ้าง ส.ส.วิ่งรอกชนคิวประชุม กมธ.งบฯ “ชลน่าน” ยืดอกรับใช้กลไก ม.132 ยับยั้งร่าง พ.ร.บ.มิชอบ ปิดทางเสี่ยงรัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรใบเดียว “ชวน” ถกวิป 3 ฝ่ายนัดถกรัฐสภา 10 ส.ค.วันเดียว พรรคเล็กซัดสัญญาณชัดจงใจเตะถ่วงให้ตีตก บี้ขอเพิ่มวันประชุม เด็ก ภท.ห่วงถูกตีตรา ส.ส.สันหลังยาว “วิษณุ” โบ้ยทำไม่ทันรัฐสภาต้องรับผิดชอบ แนะยื่นผ่าน กกต.ชงตีความวาระ 8 ปีนายกฯ “คนเมืองกาญจน์” ทวงถามนายกฯข้าวของน้ำมันแพง “บิ๊กตู่” ให้อดทนหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น ทสท.ชงร่าง ก.ม.บำนาญประชาชนเข้าสภาฯ ชวนร่วมลงชื่อหนุนรับเดือนละ 3 พันบาท ศาลสั่งปล่อยแล้ว “ใบปอ-ผักบุ้ง”
จากกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาเกิดปัญหาสภาล่มอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. จนถูกจับตาว่า พรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยจับมือเล่นเกมยื้อเวลาให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แล้วเสร็จไม่ทันกรอบเวลา 180 วัน เพื่อคว่ำสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 กลับไปใช้สูตรหาร 100

...
“ระวี” แฉ 2 พรรคใหญ่ไล่ ส.ส.กลับบ้าน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ส.ค. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงเหตุการณ์สภาฯล่มเมื่อวันที่ 3 ส.ค. และอาจทำให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ทันภายใน 180 วัน ว่า ไม่คิดว่าจะมีการเล่นเกมใต้โต๊ะ ชกใต้เข็มขัดเช่นนี้ ทำให้สภาเสื่อมเสีย เท่าที่ทราบมีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งออกคำสั่งให้ ส.ส.ในพรรคเซ็นชื่อเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย แต่เมื่อ ส.ส.บางคนไม่ทำ ยังอยู่ร่วมประชุมยังมีตัวแทนมาไล่ ส.ส.ให้กลับบ้าน อ้างว่านายสั่งให้กลับ มีหลายคนมาเล่าให้ฟัง แม้กระทั่ง ส.ส.พรรคเล็กบางคนยังถูกตัวแทนคนดังกล่าวมาสั่งให้กลับบ้านเช่นกัน เนื่องจากเป็นพรรคขนาดใหญ่ทำให้ ส.ส.หายไปจำนวนมาก จนในที่สุดสภาฯก็ล่ม
เล่นเกมล้มโต๊ะคว่ำสูตรหาร 500
นพ.ระวีกล่าวอีกว่า สภาฯล่มไม่ได้เกิดจากเหตุสมาชิกไม่ครบแบบทั่วไป แต่เกิดจากการเล่นเกมของพรรคใหญ่อันดับหนึ่งและสองที่สมาชิกพรรคนั้นไม่ยอมแสดงตนร่วมประชุม มีความพยายามจะคว่ำการประชุมให้ได้ เพื่อที่กฎหมายลูกจะไม่สามารถมีโอกาสเข้าสภาฯได้และต้องย้อนกลับไปใช้สูตรคำนวณหาร 100 ตามร่างที่ กกต.ยื่นเข้ามาตอนแรก การกระทำเช่นนี้รับไม่ได้ ถ้ามาเล่นนอกกติกาแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ลูกผู้ชายทำกัน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เคยรับปากกันว่าจะประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 9-10 ส.ค. มั่นใจว่าจะพิจารณากฎหมายลูกทันแน่นอน ก็เชื่อถือจึงไม่ขอเสนอเลื่อนวาระประชุม แต่กลายเป็นว่ามีการเตะถ่วงมาตลอดตั้งแต่วันแรกเกือบจะล่มการประชุมวิป 3 ฝ่ายจะประชุมตามกำหนดการเดิมหรือไม่ ถ้าผลประชุมไม่เปิดประชุมร่วมแล้ว นายชวนต้องรับผิดชอบ ส่วนองค์ประชุมจะล่มอีกหรือไม่ นอกเหนืออำนาจของประธาน ถือว่าพยายามดีที่สุดแล้ว
สงสาร “ชวน” เจอกระบวนการล่มสภา
วันเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มีคนสงสัยถามว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะจบที่สูตร 500 หรือ 100 ตามเกมการเมืองในสภาขณะนี้น่าจะเห็นเค้าลางคำตอบชัดเจนว่าหาร 100 หลังวันที่ 15 ส.ค.เพราะสภาล่มต่อเนื่องด้วยเหตุที่ฝ่ายอยากได้หาร 100 สบช่องทางเดินใหม่ตามคาด คือรัฐธรรมนูญมาตรา 132 (1) ถ้าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบตามร่างที่เสนอตามมาตรา 131 มี 4 ร่างคือร่าง ครม. ร่าง พปชร. ร่าง พท.และร่างพรรคก้าวไกล ทุกร่างใช้สูตรหาร 100 จะนำร่างใดส่งให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ คงไม่ใช่หน้าที่จะให้ความเห็นแล้ว ในฐานะสมาชิกรัฐสภา และในฐานะรองประธานคณะ กมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.คราวนี้ ทำหน้าที่ครบถ้วนแล้วแม้จะไม่สมบูรณ์เพราะขบวนการล่มสภา พูดไม่ออกสงสารประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย ต้องอดทนอดกลั้นรอขอคะแนนสมาชิกทีละคนทีละมาตรา นานครั้งละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง
“นิโรธ” ปัดจับมือ พท.ทำแท้ง ก.ม.ลูก
นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีองค์ประชุมร่วมรัฐสภาไม่ครบ มีกระแสข่าวมาจากพรรคใหญ่ต้องการให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พิจารณาไม่ทันภายใน 180 วันว่า ไม่ใช่แบบนั้น เมื่อวันที่ 3 ส.ค.มีการประชุม กมธ.วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 พร้อมกัน ทำให้ ส.ส.ที่เป็น กมธ.งบฯวิ่งเข้าวิ่งออก กมธ.งบฯต้องใช้เสียงองค์ประชุมลงมติเช่นกัน ส.ส.แยกร่างไม่ได้ไปชนกันช่วงเวลา 16.00-17.00 น. ตนอยู่ในห้องประชุมร่วมรัฐสภาไม่รู้จะทำอย่างไร พรรค พท.เป็นฝ่ายค้าน เราเป็นฝ่ายรัฐบาลเป็นคนละเรื่องกัน ที่ผ่านมาเราอยากเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พิจารณาก่อนถูกสกัดตลอด ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย

“ชลน่าน” ยก ม.132 เปิดช่องยับยั้ง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค เพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาล่มเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ว่า ยอมรับตรงๆว่ามีนัยทางการเมือง การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาออกกฎหมายต้องพิจารณาตัวกฎหมายเป็นหลัก ถ้าเห็นว่ากฎหมายที่กำลังพิจารณาอยู่มีปัญหาไม่สามารถออกมาเป็นกฎหมายได้ จึงใช้กลไกมาตรา 132 ในรัฐธรรมนูญ เป็นทางออกทางหนึ่งและเป็นกลไกระงับยับยั้งกฎหมายที่เห็นว่าไม่ชอบ หรือออกไปใช้บังคับไม่ได้ เขาเปิดช่องไว้ และกฎหมายลูกกำหนดว่าจะต้องพิจารณาภายใน 180 วันไม่แล้วเสร็จให้นำกฎหมายที่เสนอในวาระแรก นำมาบังคับใช้
ถ้าไม่ใช้ทางนี้ เสี่ยงได้บัตรใบเดียว
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า พท.มีเจตนารมณ์เมื่อแพ้โหวตมาตรา 23 แล้วตามที่กฎหมายเสนอโดย กกต. ครม.และคณะ กมธ.นำไปปรับปรุงแก้ไข แต่มีการสั่งการให้พลิกกลับไปใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม บัตร 2 ใบ หารด้วย 500 สิ่งที่เราคิดในการทำหน้าที่มาตลอด เพื่อให้กฎหมายที่ถูกเสนอมาโดยชอบ กลับมาบังคับใช้ให้ได้ มี 3 แนวทาง 1.ปล่อยให้พิจารณาลงมติวาระ 3 หาร 500 แล้วไปรอคำทักท้วงของ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีกา 2.คว่ำในวาระ 3 และ 3.ใช้มาตรา 132 พท.คิดมาแต่แรกว่าทางเลือกที่ 1 ดีกว่าทางเลือกอื่น แนวทางที่ 2 และแนวทางที่ 3 สุ่มเสี่ยงที่เขาจะอ้างไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญขัดกันกับกฎหมายลูกไม่ได้ จึงนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญบัตรใบเดียว หาร 500 ได้ เราไม่อยากให้เกิดภาพแบบนั้น แต่แนวทางที่ 1 ไม่แน่ใจว่า กกต.กับศาลจะทักท้วงหรือไม่ แม้พรรคเพื่อไทยจะชอบแนวทางที่ 3 เพราะได้ประโยชน์สูงสุด แต่กระบวนการตรากฎหมายไม่ชอบ ส่วนสมาชิกรัฐสภาจะมาร่วมเราไม่ได้โน้มน้าวชักจูงจึงไม่ใช่เกม แต่เป็นกลไกรัฐสภาในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด เป็นร่างที่ ครม.เสนอมา ครม.ควรต้องอับอาย แม้แต่ร่างตัวเองที่ไปปรับแก้ไขวาระ 2 ไปหักร่างตัวเอง กกต.เสนอมา คุณไปหักในวาระที่ 2 นี่เป็นเจตนารมณ์เราตั้งแต่แรก ไม่ได้เป็นเกม แต่ถ้าตีว่าเป็นเกมเราไม่ได้เกี่ยวกับเกมเมื่อวาน แต่เป็นทางเดินของเรา
ถือเป็นกลไกหนึ่งอาจเป็นผลดีกับ ปท.
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะยื้อให้ครบเวลา 180 วันหรือไม่และสัปดาห์หน้าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราสู้แบบนี้ต่อ ส่วนใครจะมาร่วมกับเราไม่ใช่เราไปกำหนด สังเกตว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ถ้าสมาชิกไม่ร่วมกับ พท. จะไม่เกิดเหตุการณ์ใช้กลไกสภาระงับยับยั้งกฎหมายที่ไม่ชอบได้ จึงมั่นใจว่าสมาชิกส่วนหนึ่งเห็นแล้วว่ามันไม่ชอบ จึงใช้แนวทางนี้ถือว่าเป็นสิทธิและเอกสิทธิ์ของสมาชิกการไม่เป็นองค์ประชุม และไม่ลงมติ ถือเป็นกลไกการทำหน้าที่อย่างหนึ่งดีไม่ดีขอให้ดูที่ผลที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นผลดีกับประเทศชาติ ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ดีไม่ใช่ว่านั่งประชุมแล้วนั่งเป็นเครื่องไม้เครื่องมือให้เขาแล้วทำงานได้ดี ทำงานแล้วมันไม่ดีกับประเทศชาติแล้วไปยกย่องว่าทำงานได้ดีไม่เห็นด้วย
การันตีไม่มีฮั้วกองเชียร์สบายใจได้
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการทำสภาล่มและไม่ประสงค์จะยื้อให้กฎหมายตกไม่ทันเดดไลน์ เพื่อกลับไปใช้สูตรหาร 100 เราพร้อมลงแข่งขันทุกกติกา เพียงแต่เห็นว่าหากเป็นสูตรหาร 500 จะขัดรัฐธรรมนูญ ต้องคำนึงถึงระบบและหลักการออกกฎหมายที่ถูกต้อง ไม่ควรมีการใช้อภินิหารทางกฎหมายช่วงชิงความได้เปรียบ พรรคเพื่อไทยไม่มีความจำเป็นใดๆต้องฮั้วกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะแตกต่างกันทั้งในมิติอุดมการณ์ จุดยืนและมุมมองต่อระบอบประชาธิปไตย ประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยสบายใจได้ พรรคเพื่อไทยจะไม่กระทำการใดๆสวนทางหรือขัดต่อเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาตลอด

“ชวน” ถกวิป 3 ฝ่ายถกรัฐสภา 10 ส.ค.
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.โฆษกวิปวุฒิสภา เปิดเผยว่าวิป 3 ฝ่ายให้ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 10 ส.ค.ที่มีข่าวว่าจะประชุมในวันที่ 9 ส.ค.มีการประชุมวุฒิสภา ที่ผ่านมาวุฒิสภาสละวันประชุมต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ แต่สัปดาห์หน้าจำเป็นต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายให้ทันกรอบเวลา
จากนั้นเวลา 12.45 น. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยข้อสรุปว่า 1.ที่ประชุมมีมติให้ประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10 ส.ค. เวลา 09.00 น. เพื่อพิจารณาวาระที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วต่อไป เชื่อว่าจะถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เพราะ พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม เหลืออีกแค่ 4 มาตรา ให้มีการประชุมสภาฯในวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค.เวลา 09.30 น.และ 2.เนื่องจาก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จะเสนอรายงานวันที่ 9 ส.ค. จึงให้พิจารณารายงานของคณะ กมธ.ในการพิจารณา พ.ร.บ.งบฯปี 66 วันที่ 17-19 ส.ค.
ออกได้ 3 หน้า มั่นใจเข็น ก.ม.ลูกทัน
“พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ กมธ.พิจารณาเสร็จแล้วส่งมาวาระที่ 2 และ 3 เมื่อที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบกับ กมธ.เสียงข้างน้อยคือสูตรหาร 500 หา ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.นำไปปรับปรุงแก้ไขมาตราที่เกี่ยวเนื่อง ได้ส่งรายงานมายังประธานรัฐสภาได้บรรจุลงระเบียบวาระมีทางออกอยู่ 3 ทางคือ 1.หากที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ต้องดำเนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 132 (2) คือส่งไปให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องคือ กกต. ได้ให้ความเห็นว่าขัดหรือแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมีข้อเสนอแนะในการที่จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ 2.หากที่ประชุมร่วมรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบถือว่าร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ตกไป ถ้าจะมีการหยิบยกขึ้นมาใหม่จะต้องเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาใหม่ 3.หากที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 (1) ต้องนำร่างที่เสนอวาระที่ 1 คือสูตรคำนวณ ส.ส.หาร 100 เข้ามา เพื่อจะให้สภาฯ เห็นชอบส่งไปยังนายกฯ ตามมาตรา 81 และมาตรา 148 ตามลำดับต่อไป
ปชป.จุดยืนเดิมพร้อมเดินสุดทาง
นายชินวรณ์กล่าวอีกว่ายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเดิม แต่หากรัฐสภามีมติอย่างไรจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวในฐานะเป็น กมธ.เห็นว่าหากสภาเห็นชอบจะส่งไปให้สุดทางคือให้ กกต.วินิจฉัยและส่งกลับมายังสภาฯ เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตาม กกต. หรือหากไม่ผ่านการพิจารณา หรือสภาพิจารณาไม่ทันภายใน 180 วัน ถือว่าเป็นไปตามกลไกของกฎหมายรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
“ราเมศ” ดักคอไม่มีเหตุผลจะใช้ พ.ร.ก.
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เชื่อว่าการพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.จะแล้วเสร็จทันกรอบเวลา 180 วันโดยได้รับความร่วมมือจากสมาชิกรัฐสภาที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการออกเป็น พ.ร.ก. ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะทำเช่นนั้นเรามีรัฐสภาและมีเวลาจะทำงานได้กฎหมายหมวดเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับสำคัญ เป็นหน้าที่รัฐสภาโดยตรงไม่มีเหตุผลใดที่จะออกเป็น พ.ร.ก. ส่วนจะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องย้อนกลับไปแก้รัฐธรรมนูญ พรรคมีเจตนารมณ์ชัดเจน บัตรเลือกตั้งสองใบคงไม่กลับไปแก้ในสิ่งที่พรรคเคยเสนอไว้และเป็นผลสำเร็จคือรัฐธรรมนูญที่แก้ไขและบังคับใช้แล้วขั้นตอนนี้ควรให้ความสำคัญว่าจะตกผลึกความคิดอย่างไรให้ทันกรอบเวลา หัวหน้าพรรค ปชป. ย้ำกับ ส.ส.ทุกคนต้องให้ความร่วมมือพิจารณากฎหมายทั้งสองฉบับเต็มที่

“พิธา” ตั้งเป้ากวาด ส.ส.ทุกภาค
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาองค์ประชุมไม่ครบในการประชุมร่วมรัฐสภาว่า กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ควรให้ผ่านรัฐสภาไปได้ เพื่อกระบวนการจะได้ไปถึง กกต. การลงมติวาระ 3 คงลงมติตามจุดยืนไม่เปลี่ยนแน่นอน ไม่น่าจะเป็นการยื้อเพื่อไม่ให้ทัน 180 วัน ทุกคนเข้าใจกรอบเวลา แต่องค์ประชุมล่มอาจเพราะหลายคนติดธุระข้างนอก ติดประชุม กมธ. จุดยืนก้าวไกลยืนยันเห็นด้วยกับการหาร 100 แต่คงไม่ได้แบบที่ใจต้องการทุกอย่าง ไม่มีใครชนะทั้งกระดานได้ ไม่ว่าจะออกมารูปแบบไหนพรรคต้องปรับตัว พรรคต้องการมี ส.ส.เขตมากขึ้นให้ครบทุกภูมิภาค จะได้ ส.ส.กี่คนไม่ใช่ประเด็นหลัก ส่วนการตั้งพรรคใหม่ๆเพิ่มขึ้นยินดี พรรคการเมืองยิ่งเยอะยิ่งดี สู้กันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เรื่องพรรคพันธมิตรในโครงสร้างพรรคเราไม่มี แต่นโยบายการต่อต้านการสืบทอดอำนาจการปฏิรูปเศรษฐกิจมีอยู่หลายพรรค
พรรคเล็กซัดสัญญาณชัดจงใจถ่วง ก.ม.
นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท แถลงกรณีที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย มีมตินัดประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10 ส.ค.วันเดียว จากเดิมจะนัดประชุมวันที่ 9-10 ส.ค.ว่า เสียดายมติวิปออกมาเช่นนี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวในที่ประชุมจะให้ประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 9 ส.ค.ด้วย เหตุใดกลับคำพูดต้องให้คำตอบสังคมให้ชัดเจน ดูเหมือนจะเตะถ่วงให้กฎหมายลูกเลือกตั้งเสร็จไม่ทัน 180 วัน ทำให้กฎหมายตกไป ต้องกลับไปใช้ร่างที่ กกต.เสนอมากว่า 5-6 เดือนสูญเปล่า สมาชิกรัฐสภาต้องรับผิดชอบกฎหมายนี้ร่วมกัน จะไม่ยอมให้ตกเพราะเสร็จไม่ทัน อาจเป็นครั้งแรกกฎหมายนี้ฉบับเดียวเสร็จไม่ทัน สมาชิกรัฐสภาจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร ส.ว.ต้องรับผิดชอบด้วย ขณะนี้อาจมีสัญญาณจากบางพรรคทำให้การประชุมล่ม ขอให้นายพรเพชรพิจารณาเปิดประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 9 ส.ค.ด้วย จะทำให้ความเสี่ยงกฎหมายลูกตกน้อยลง หากเปิดวันที่ 10 ส.ค.วันเดียวมีโอกาสเสี่ยงตกสูงมาก
ภท.ห่วง ส.ส.ถูกตราหน้าสันหลังยาว
นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ติดใจจะใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 หรือ 500 มีความห่วงใยประชาชนจะมองการทำหน้าที่ของสภาอย่างไร มีเวลาถึง 180 วัน แต่ไม่ทำงาน ประธานรัฐสภาพยายามทำหน้าที่เต็มที่หรือไม่ เพราะนัดประชุมได้ทุกวัน วันเสาร์ยังประชุมได้ก่อนวันที่ 15 ส.ค.มาร่วมมือทำให้เสร็จ ส่วนกระแสข่าวมีพรรครัฐบาลฮั้วกับพรรคฝ่ายค้านล้มกฎหมายลูก ยืนยัน พรรคภูมิใจไทยไม่ฮั้วกับใคร เปิดประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10 ส.ค.วันเดียว เชื่อว่าพิจารณากฎหมายลูกไม่ทันแน่ หากเป็นการหาร 500 พรรคภูมิใจไทยอาจไม่ได้บัญชีรายชื่อเลย แต่พร้อมเดินหน้าตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อผ่านสภาแล้ว กกต.จะว่าอย่างไรเป็นไปตามระบบ แต่วิธีปล่อยให้กฎหมายถูกตีตก ทำให้ประชาชนมองว่า ส.ส.ไม่ทำงาน
“วิษณุ” โบ้ยทำไม่ทันรัฐสภารับผิดชอบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐสภาจะปล่อยให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พิจารณาเสร็จไม่ทัน 180 วัน ในวันที่ 15 ส.ค.เพื่อกลับไปใช้ร่างที่ ครม.เสนอต่อรัฐสภาใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 ว่า รัฐบาลไม่เคยพูดถึงประเด็นเรื่องพวกนี้เลย อยากให้เสร็จทันเวลา แต่รัฐสภาเป็นผู้รับผิดชอบถ้าทำไม่เสร็จ ต้องใช้กฎหมายที่รัฐบาลส่งรัฐสภาทุกมาตรา โดยเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชน คือประชาชนตำหนิติเตียนเอา แต่จะมาให้รับผิดชอบตามที่สื่อถามให้จ่ายค่าน้ำค่าไฟอันนั้นไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นได้ หากใครไม่เห็นด้วยสามารถไปร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าขัดรัฐธรรมนูญ คาดว่าน่าจะมีและบางทีไม่ใช่ร้องว่าข้อความขัดรัฐธรรมนูญ แต่กระบวนการพิจารณาไม่ถูกต้องยกขึ้นเป็นเหตุร้องได้ หลักมีอยู่แล้ว หากขัดในเรื่องเล็กน้อยศาลฯ อาจสั่งให้เอาส่วนนั้นออกไปหรือนำไปแก้ไข หากขัดในเรื่องใหญ่เป็นสาระสำคัญตกไปทั้งฉบับ และต้องกลับมาเริ่มต้นร่างนั้นใหม่ แต่ไม่ถือเป็นเงื่อนไขและปมเวลาทางการเมือง ช่วงวาระรัฐบาลใกล้จะหมดลง คงไม่เกี่ยวกัน รัฐบาลเดินหน้าต่อไป
ยื่นปม 8 ปีนายกฯควรผ่าน กกต.
นายวิษณุกล่าวอีกว่า ส่วนการยื่นตีความการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ว่า ใครก็ตามที่ต้องการยื่นไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ กกต.เป็นผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 170 เขียนเอาไว้ให้นำเอามาตรา 82 มาใช้โดยอนุโลม เป็นเรื่องที่ ส.ส.หรือ ส.ว.สงสัยว่าการขาดความเป็นสมาชิกในสภาตัวเอง ส่วนเรื่องนายกฯ เขียนไว้ในมาตรา 170 ให้อนุโลมเอามาตรา 82 มาใช้ได้ ประชาชนต้องไปยื่นร้องผ่าน กกต. แต่สำหรับ ส.ส.และ ส.ว. เป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน แต่ทางที่ดีที่สุดไปที่ กกต. เพราะมาตรา 170 วรรคท้ายบอกว่าให้ กกต.มีอำนาจดำเนินการเรื่องนี้ หากฝ่ายค้านต้องการยื่นควรต้องไปยื่นต่อ กกต. จริงๆยื่นโดยตรงได้ แต่จะมีปัญหาว่าเข้าชื่อกันเท่าไหร่แน่และประเด็นนี้ไม่มีใครสงสัย กกต.สงสัยเองก็ได้
นายกฯลงพื้นที่กาญจนบุรี
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ จ.กาญจนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.กาญจนบุรี พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อถึงจุดจอดเฮลิคอปเตอร์หน้าที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา ต.ห้วยกระเจา มี ส.ส.กาญจนบุรี พรรค พปชร.มารอต้อนรับ นายกฯใช้รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน กธ 5969 กาญจนบุรีปฏิบัติภารกิจ จุดแรกไปตรวจเยี่ยมโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร บ้านทุ่งคูน หมู่ที่ 19 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา
ชาวบ้านบี้ถามราคาน้ำมันแพง
นายกฯกล่าวกับประชาชนว่า ยินดีได้มาพบปะพวกเรา โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ 15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด จะมีต่อไปอีก ที่กังวลคือน้ำท่วมและน้ำแล้งห้ามอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมชาติเดือนหน้าให้ระวังน้ำหน่อยเข้าฤดูฝนช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ข้าราชการฝากไว้ด้วยแล้วกัน ต้องเข้าเกียร์ตลอด เกียร์ว่างไม่ได้ ทั้งนี้ นายกฯเปิดโอกาสให้ประชาชนซักถาม มีประชาชนลุกขึ้นถามถึงราคาน้ำมันแพงขณะนี้ นายกฯชี้แจงว่า ไม่อยากจะแก้ตัว แต่ต้องดูว่าน้ำมันมาจากไหน ถูกควบคุมทั้งหมดตามกลไกโลก รัฐบาลหาเงินมาอุดหนุน 40-45 บาทมาตลอด คงราคาไว้ให้นานที่สุดคือ 35 บาทถูกกว่าประเทศรอบบ้าน ใช้เงินกองทุนน้ำมันไปแสนกว่าล้าน เมื่อต้องเพิ่มเติมก็ต้องหาเงินอีก เห็นใจและพยายามจะทำให้ดีที่สุด พยายามจะหาวิธีการที่เหมาะสม ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เติมบัตรประชารัฐบ้าง ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ
ของแพงอดทนหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนยังได้ถามถึงสินค้าราคาแพง นายกฯกล่าวว่า เห็นใจรัฐบาลอยู่ตรงนี้ต้องบริหารตรงกลาง ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคเป็นห่วงโซ่ หลายคนถามทำไมไม่ไปบีบตรงโน้น ถ้าเราบีบมากๆโรงงานปิดแน่นอนไปไม่ได้แน่ ไม่ได้เอาใจเขา แต่เป็นธุรกิจต้องเชื่อมโยงต่อ หากไม่ทำโรงงานปิดหมด เราจะเอาอะไรกิน เพียงแต่เขาต้องคิดราคาให้เป็นธรรม ต้องมองสองทางเสมอ ไม่ได้โทษอะไรท่าน ท่านมีครอบครัว ลูกหลานหลายคนจะดูแลอย่างไรให้ทุกคนพอใจ ไม่ขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน ถ้าผู้ประกอบการล้ม อย่างอื่นตามไปหมด ไม่ได้ตามใจใครอยู่แล้ว มีคณะกรรมการดูเต็มที่ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นอยู่ที่ว่าเราใช้ชีวิตอย่างไรช่วงนี้ ก็จะลำบากหน่อย อดทนหน่อย ตนก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือยอะไรเลย กินปกติธรรมดา เที่ยวเตร่ไปไหนไม่ได้ เป็นนายกฯไปไหนไม่ได้อยู่แล้วมันลำบากลูกน้องก็ห่วง ไม่ได้ไปไหนเป็น 10 ปีแล้วตนไม่บ่น บ่นแล้วเดี๋ยวคนไล่ออกอีก
สักการะสมเด็จพระนเรศวรฯ
ต่อมาเวลา 11.25 น. นายกฯและคณะเดินทางมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน ผูกผ้าสามสีพระเจดีย์ยุทธหัตถี สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระสุพรรณกัลยา และพระเอกาทศรถ โดยมีข้าราชการท้องถิ่น นักเรียนและประชาชน ต้อนรับ นายกฯเดินทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ พร้อมส่งเสียงให้กำลังใจ “รักลุงตู่ ลุงตู่สู้ๆ” และมีนายไชยพงค์ แสนดี อายุ 80 ปี เป็นหมอช้างที่ อ.ไทรโยค นำผ้าขาวม้าและหินตาหินยายมามอบให้นายกฯ อวยพรขอให้นายกฯหนักแน่นเหมือนหิน สร้างความหนักแน่นสามัคคีเพื่อประเทศชาติและคนไทย จากนั้นนายกฯถ่ายรูปกับนักเรียนจากโรงเรียนวัดดอนเจดีย์ มีนักเรียนคนหนึ่งขอกอดนายกฯ ถึงกับหลั่งน้ำตาดีใจ ขณะที่นายกฯขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบและตั้งเป้าสิ่งที่ต้องการไว้ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จช่วยดูแลครอบครัวและพ่อแม่ หากปู่ย่าตายายดุหรือว่ากล่าวเพราะความหวังดี
ยันการคลัง ปท.ยังแกร่งดูแลหนี้ได้
ต่อมานายกฯเปลี่ยนมาใช้รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน กธ 29 ราชบุรี ตรวจติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบเรือนแพและปรับปรุงภูมิทัศน์ 2 ริมฝั่งแม่น้ำแคว ที่ Sky Walk ริมฝั่งแม่น้ำแคว ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกล่าวกับชาวบ้านว่าเห็นประชาชนมารับเยอะตื้นตันพูดอะไรไม่ออกเราต้องพร้อมร่วมมือสมัครสมานสามัคคี ทำให้บ้านเมืองเรามีเสถียรภาพและเดินหน้าไปได้มีความสุขได้เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบ ขอยืนยันสถานะการเงินการคลังของเรายังแข็งแกร่ง มีขีดความสามารถดูแลปัญหาหนี้ต่างๆได้ และมั่นใจว่าโอกาสยังมีอีกเยอะ หากเราเดินหน้าไปด้วยกัน จากนั้นนายกฯเดินพบปะถ่ายรูปกับประชาชน พร้อมกล่าวสั้นๆว่าตนไม่มีอะไรกับใคร ไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น แต่ใครทำร้ายแผ่นดินนี้ไม่ได้ ขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติ โดยมีประชาชนมอบสร้อยคอลูกประคำ พร้อมเหรียญเสาร์ 5 หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ให้นายกฯคล้องคอ ทั้งนี้การรักษาความปลอดภัยจุดสกายวอล์ก มีการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ทั้งทางบกและทางน้ำ กระจายยังจุดต่างๆ รวมถึงตรวจคัดกรองคนเข้าออกอย่างเข้มงวด
ไม่ตอบสภาล่มตีรวนสูตรคิด ส.ส.
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า การบริหารจัดการน้ำบาดาลยังต้องติดตามในอีกหลายพื้นที่หลายจังหวัด รัฐบาลจะหาวิธีการเหมาะสมแก้ไขปัญหา ส่วนไฟฟ้ามีปัญหาการปักเสา ยังติดขัดข้อกฎหมายเป้าหมายรัฐบาลคือทำให้ประเทศฟื้นตัวให้เร็วที่สุด อีกหนึ่งปัญหาที่มีเรื่องความขัดแย้ง เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่รัฐบาลจะพยายามแก้ไข ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เมื่อถามว่ากรณีสภาล่มเมื่อวันที่ 3 ส.ค.เป็นการตีรวนเพื่อให้กลับมาใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามนี้
“ไม่รู้ ไม่รู้ แต่ไม่แล้ง” พรึ่บหนองคาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกันที่ จ.หนองคาย มีการขึ้นป้ายไวนิลขนาดใหญ่เป็นภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ระบุข้อความ “ไม่รู้ ไม่รู้ แต่ไม่แล้งแน่” โครงการพัฒนาน้ำบาดาล ไม่ร้อน ไม่แล้ง กักเก็บน้ำ ฟื้นชีวิต พัฒนา ต่อยอดเกษตรกรไทย ด้วยภาษีเกษตรกร พลิกชีวิตเกษตรกรทั่วไทย ให้มีน้ำใช้ตลอดปี งบฯจากภาษีประชาชน เพื่อประชาชน ขึ้นตามจุดต่างๆทั่ว จ.หนองคาย ก่อนที่ พปชร.จะจัดกิจกรรมโรดโชว์ “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย”ครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นที่ จ.หนองคาย วันที่ 6 ส.ค.รายงานข่าวจาก พปชร.ระบุว่าป้ายดังกล่าวส่วนกลางจัดทำหยิบยกผลงานนโยบายพรรคที่ดำเนินการไป โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำแล้ง และการบริหารจัดการน้ำภาคอีสาน ส่วนข้อความ “ไม่รู้ ไม่รู้ แต่ไม่แล้งแน่” เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตรเคยพูด

ทสท.ชง ก.ม.บำนาญ ปชช.เข้าสภาฯ
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนประเทศ พรรค ทสท.และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นำคณะเข้ายื่นร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เสนอให้สภาฯพิจารณา โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ประชาชนชาวไทยทุกคนต้องได้รับการดูแลอย่างมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่เกิดจนแก่ ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์เต็มขั้นในปี 2565 และคาดว่าขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด หรือมีสัดส่วนผู้สูงอายุประมาณ 20% ในปี 2574 เราจะปล่อยให้ประเทศมีแต่คนแก่ที่อ่อนแอ และยากจนไม่ได้ ร่างกฎหมายนี้จะทำให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ลดค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล ลดภาระต่อลูกหลาน ก่อเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำได้ เลยเป็นที่มาของการเดินหน้านโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาทของพรรค ทสท.
เชิญร่วมลงชื่อหนุน 3 พันต่อเดือน
นายโภคินกล่าวว่า นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐต้องดูแลผู้สูงวัยให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ 3,000 บาทต่อเดือน มาจากฐานของการที่รัฐต้องดูแลประชาชน ให้อยู่เหนือเส้นแบ่งความยากจนที่ประมาณเดือนละ 2,700-2,800 บาท หลังจากสภาฯใช้เวลาตรวจสอบความชอบร่างกฎหมายประมาณ 30 วันแล้ว ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันเข้าชื่อสนับสนุน สามารถลงชื่อผ่านเว็บไซต์ของทางรัฐสภา มั่นใจว่าจากการเดินสายพบปะประชาชนต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
ศาลสั่งปล่อยตัว “ใบปอ–ผักบุ้ง”
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือผักบุ้ง 2 เยาวชนนักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง จำเลยในคดีที่พนักงานอัยการฟ้องตามมาตรา 112 โดยให้วางหลักทรัพย์คนละ 2 แสนบาท พร้อมวางเงื่อนไขสอดคล้องกับข้อเสนอของจำเลยเอง คือ ห้ามกระทำการให้เสื่อมเสียต่อสถาบัน ห้ามก่อความวุ่นวาย ห้ามออกจากบ้าน 1 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า เว้นไปหาหมอ ห้ามออกนอกราชอาณาจักร และให้รายงานตัวทุก 30 วัน หากฝ่าฝืนต้องถูกเพิกถอนคำสั่ง ส่วนที่ศาลอาญา ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ณัฐนิช คดีมาตรา 112 เช่นกัน โดยให้วางหลักทรัพย์ 2 แสนบาท พร้อมวางเงื่อนไขคล้ายกัน เท่ากับว่า น.ส. ณัฐนิช ได้รับหมายปล่อยทั้ง 2 ศาล มีกำหนดปล่อยตัวในเวลา 19.00 น. อีกคดี ศาลจังหวัดนนทบุรีสั่งปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.เนติพร ในคดีฐานบุกรุกสถานที่ราชการโดยยื่นหลักทรัพย์ประกัน 1 แสนบาท ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า ทั้งคู่อดอาหารประท้วงมีอาการป่วยหนัก ต้องรีบรับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล