กฎหมายฉบับนี้จะพิจารณาจบ 3 ส.ค.65 นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (รธน.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่มีจุดยืนสูตร 100 คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ บอกถึงความมั่นใจที่จะผ่านวาระ 2-3

แม้ใกล้ครบ 180 วัน 15 ส.ค.นี้ หากพ้นขีดเส้นตายย่อมไม่สามารถผ่านวาระ 3 ได้ ที่สำคัญการประชุมรัฐสภาเหลือแค่ 4 วัน คือ 2-3-9-10 ส.ค.นี้ แต่ร่าง พ.ร.บ.ปรับพินัย ยังพิจารณาค้างอยู่ ตามด้วยร่าง พ.ร.บ.กำหนดเวลาในกระบวนการยุติธรรม

สาธิต ปิตุเตชะ
สาธิต ปิตุเตชะ

แล้วจะถึงคิวของกฎหมายลูก ซึ่งเพิ่งบรรจุระเบียบวาระหลังขอถอนญัตติร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ที่ออกแบบมาสำหรับสูตร 100 คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มาปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับสูตร 500 คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ตามมติที่ประชุมรัฐสภาที่พลิกกลับไปใช้สูตร 500

...

เพื่อคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กรณีเลือกตั้งไม่เสร็จ กรณีบางเขตมีการทุจริต และกรณีเลือกตั้ง ส.ส.เขตใหม่ด้วยเหตุทุจริตภายใน 1 ปี หลังการเลือกตั้ง 1 ปีต้องนิ่ง เลือกตั้งใหม่ไม่นำมาคำนวณแล้ว

เพราะลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์สามารถเลื่อนได้ตามเหตุผล ขอเพียงเขียนให้ครอบคลุมตามสูตร 500 ให้การคำนวณตามที่แก้ไขไปมันมีปัญหาน้อยที่สุด

“ผมยังเห็นปัญหาอยู่ จุดนี้เพิ่งพบหลังมอบหน้าที่ให้ กมธ.เสียงข้างน้อยที่กลับมาเป็นเสียงข้างมากที่ชนะในสภาไปเป็นแม่งานให้เจ้าหน้าที่ไปแก้ไขร่างกฎหมายลูกให้สอดคล้องกัน

เผอิญช่วงนั้นไม่ได้ทำหน้าที่ประธาน และแก้ไขในชั้น กมธ.เสร็จไปแล้ว กลับมาพิจารณาอีกทีผมคิดว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ในอนาคตเช่นกัน

เช่น กรณีวาระเริ่มแรกมีการคำนวณแก้ สมมติ คำนวณไป 95% กฎหมายกำหนดให้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคที่ได้คะแนนน้อยลง ให้เอา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นั้นออก แล้วให้สัดส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคอื่นขึ้นมาแทนที่

สมมติเลือกตั้งซ่อมแล้วมีการคำนวณเปลี่ยนแปลงไป บังเอิญสัดส่วนที่เปลี่ยนแปลง มีความเป็นไปได้ว่าบางพรรคมีจำนวน ส.ส.เขตเต็มแล้ว เมื่อเต็มแล้วมันก็เลื่อนไม่ได้

พรรคที่ได้พึงมีมากขึ้นก็เนื่องจากได้ ส.ส.เขตมากกว่าเกณฑ์พึงมีอยู่แล้ว เท่ากับคะแนนที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

หรืออาจต้องให้พรรคอื่นที่คะแนนน้อยลงมาขยับมาแทน จุดนี้จะทำข้อสังเกตไปยัง กกต.ว่าเกิดกรณีแบบนี้จะทำอย่างไร”

กรณีมีบางฝ่ายพยายามยื้อให้เกิน 180 วัน เพื่อพลิกกลับไปใช้สูตร 100 เหมือนเดิม มีความเป็นห่วงอย่างไร นายสาธิต บอกว่า ยังมีนักการเมืองที่ยึดกติกาและความชอบธรรม

อยากให้ภาพลักษณ์การเมืองดีขึ้น ระบอบประชาธิปไตยมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะนำไปสู่การใช้ 4 ร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.เดิม

เป็นเงื่อนไขแก้ รธน.กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว

จุดชนวนปัญหาความขัดแย้งมากขึ้นในอนาคต

เท่าที่ได้พูดคุยกับแกนนำแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลหลายคน ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงในแง่ส่วนได้เสียที่กลับไปกลับมา

การเดินหน้ากติกาที่เดินมาและให้มันถูกต้องชอบธรรม ตามการแก้ไข รธน. ตามร่างของรัฐบาล มันเป็นประโยชน์มากกว่าการกลับไปกลับมา ย่อมถูกประชาชนมองว่าเล่นเกมการเมืองมากไป

เป็นการบ่อนทำลายคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาล

บริหารประเทศยากขึ้น เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่น

แกนนำหลายคนของพรรคร่วมต่างเห็นในทิศทางเดียวกัน ฉะนั้นต้องรีบดำเนินการเดินตามขั้นตอนให้เสร็จ หากเราทำไม่ทัน กฎหมายลูกก็ตกไป ต้องไปใช้ 4 ร่างกฎหมายลูก อันนี้ย่อมเป็นปัญหาต่อไปอีก

เมื่อผ่านวาระ 3 ก็ส่งให้ กกต.โดย กกต. ต้องพิจารณาตามกรอบเวลาของ รธน.แล้วสั่งกลับมาที่รัฐสภา

กรณี กกต.ระบุว่าต้องสูตร 100 รัฐบาลต้องประชุมเพื่อแก้ไขกลับไปใช้สูตร 100 เหมือนเดิม

หรือกรณี กกต.ระบุว่าสูตร 500 ใช้ได้ ก็จะมีคนไปยื่นต่อศาล รธน. เพื่อชี้ขาดต่อไป

หวังว่าองค์กรอิสระจะมายุติปัญหาด้วยความเป็นธรรม ยึดหลักกฎหมาย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

ถ้าวินิจฉัยอยู่บนพื้นฐานของความไม่เชื่อใจ ปัญหาของประเทศก็ยังคงซ้ำรอยเดิม ไม่เดินไปข้างหน้าสักที

หนักใจอย่างไรที่เป็นประธาน กมธ. บนบรรยากาศการเมืองอึมครึมไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของ รธน.และหลักกฎหมาย นายสาธิต บอกว่า หนักใจมาก

เพราะแทนที่จะทำกฎหมายให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรธน.ฉบับแก้ไขแล้ว เป็นไปตามหลักกฎหมายสูตร 100 เดินตามนี้จบ ไม่มีปัญหา

แต่พอเข้ามาเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเพื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ กมธ.เกิดความขัดแย้ง 2 ฝ่าย คิดดูในชั้น กมธ.ยังเกิดความขัดแย้ง

มันก็สร้างความขัดแย้งในสังคม ประชาชนอาจไม่ยอมรับ

ฉะนั้นปัญหาทั้งหมดก็วนลูปไปสู่ผู้บริหารประเทศอยู่ดี

“ถามว่าหนักใจไหม หนักใจมาก อย่างในวันประชุม กมธ. เพื่อพิจารณาปรับเนื้อหาให้เข้ากับสูตร 500

มี กมธ.บางท่านที่ไม่ชอบใจ เสนอให้ผม และพี่นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย เลขานุการ กมธ. พ้นจากตำแหน่งประธาน กมธ. และเลขานุการ กมธ.

ผมพูดตรงๆ ไม่มีปัญหาอะไร มาถึงตรงนี้รู้สึกสบายใจไปอย่างหนึ่ง รออีกนิดเดี๋ยวจบภารกิจแล้ว”

บรรยากาศอึมครึมปกคลุมสภามันเป็นอย่างไร นายสาธิต บอกว่า ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นลำดับขั้นตอน จนไปพลิกมติร่างกฎหมายที่รัฐบาลเป็นคนเสนอเอง

โดยเฉพาะรัฐสภาไปกลับมติให้เสียงข้างน้อยคือสูตร 500 ทำให้เสียงข้างมากใน กมธ.ไม่มีความ ชอบธรรม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ แต่มันเกิดขึ้นในภาวะที่ทุกคนเห็นว่าเปลี่ยนแปลงกติกาเพื่อการเลือกตั้ง

ผมเคารพมติสภา แต่มีข้อสังเกตว่าตอน กมธ.เสียงข้างน้อยอยู่ใน กมธ.ทำไมไม่ลงมติอีกแบบหนึ่ง แล้วมาให้สภาเห็นชอบด้วย

นับเป็นความผิดปกติและเป็นสิ่งที่น่าน้อยใจ สภานิติบัญญัติไม่สามารถเดินตามกติกาที่เคยทำมาตลอดระยะเวลายาวนาน

ขอฝากเพื่อนสมาชิกรัฐสภา อย่าให้ใครมาแทรกแซง หากยินยอมปล่อยให้คนมาแทรกแซง หรือก้าวก่าย เพื่อเป็นประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียวอำนาจนิติบัญญัติก็ถูกสั่นคลอนไปเรื่อย

เกิดวิกฤติฝ่ายนิติบัญญัติอย่างแท้จริง

อย่าให้ผมวิพากษ์วิจารณ์ไปมากกว่านี้เลย ยกเว้นการแทรกแซงเป็นความต้องการของประชาชนที่ถูกต้อง อันนี้มีความเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลง

เท่ากับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสภา สะท้อนให้เห็นว่าข้ามหัวประชาชนไปมาเป็นชนวนให้คนเบื่อการเมืองในสภา นายสาธิต บอกว่า แทนที่จะร่วมมือกันทำให้รัฐสภาได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน

ทำให้ปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไข ประเทศเดินหน้าไปได้ แต่ถ้าทำให้การเมืองมีปัญหา ไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน แน่นอนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมก็ยากขึ้น

ฉะนั้นสิ่งที่กังวลคือเรื่องข้ามหัวประชาชน

ถ้ามีเหตุผลตอบได้ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ใครคิดอะไร ใครแคร์ความ รู้สึกของประชาชน ประชาชนดูออก ซึ่งจะถูกแสดงออกในวันเลือกตั้ง

ขณะเดียวกันก็กังวลที่ประชาชนเสื่อมศรัทธาในระบบอยู่แล้ว เมื่อเรายังทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในระบบต่อไปอีก

อาจเข้าทางอำนาจบางอย่างหรือไม่.

ทีมการเมือง