ทั่วโลกหวาดวิตกไวรัสโควิดกลายพันธุ์ “โอมิครอน” ตลาดหุ้นตัวเลขแดงเถือก แต่คนในรัฐบาลตบเท้าออกมาบอกยังไม่มีอะไรน่าห่วง เพื่อลดโทนให้ซอฟต์ลง ปรามอารมณ์คนให้อยู่ในอาการตระหนักแต่ไม่ตระหนก

ถ้ามหากาพย์โควิดซีซัน 5 เปิดฉากเมื่อไหร่ หนักหนาจนถึงขั้นต้องล็อกดาวน์ กระแสความนิยม เรตติ้งที่ต่ำตมอยู่แล้วคงไม่มีทางกู้คืนได้

ยิ่งเป็นช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งสำคัญ ทั้งสนาม กทม. ไปจนถึงเลือกตั้งใหญ่ ยิ่งต้องหาแต้มเพิ่ม รับประกัน “อยู่ต่อ–อยู่ยาว” ถ้ามาแพ้ภัยโควิดตอนนี้ทุกอย่างก็ “เจ๊ง”

สนาม กทม. แว่วว่าไทม์มิ่งลงตัวแล้ว จะเลือกตั้งกันราวๆเดือน มิ.ย.2565 แต่ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐและเครือข่ายยังเรื้อรังไม่จบสิ้น

“ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ห่างเหินหมางเมินกับ “ทีมรักษ์กรุงเทพ” ของ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่จะลงรักษาเก้าอี้ค่อนข้างแน่

แว่วว่า “ทีมผู้กอง” อาจแก้เผ็ดส่งคนลงชิงเก้าอี้พ่อเมืองหลวง โดยใช้องคาพยพค่าย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน

อลเวงกันไม่เลิก ตอนนี้ ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.–ส.ก.เมืองหลวง ปวดหัวทำตัวกันไม่ถูกแล้ว

ส่วนการเลือกตั้งสนามใหญ่ ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด กติกาใหม่บัตร 2 ใบพร้อมกฎหมายลูก จะมีผลบังคับใช้ช่วงกลางปี 2565 ถึงตอนนั้นจะมีความเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลหนักแน่

ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น จะอ้างธรรมเนียมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วสมควรเลือกตั้งใหม่ ทั้งที่มันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

ไม่ได้มีเงื่อนปมกฎหมายชี้ชัด ไม่ได้มีคำสัญญามัดคอ

...

ความตั้งใจที่แท้จริงของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่คนใกล้ชิดได้ยินมากับหูคือ อยู่ต่อไปจนเสร็จสิ้นภารกิจการประชุมเอเปก ปลายปี 2565

ดังนั้นรัฐบาลจะทู่ซี้อยู่ต่อไปจนครบเทอม ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

อย่าหวังว่าจะได้เลือกตั้งเร็วตามที่ออกมาโหมโรงกันโครมคราม ค่ายใหญ่ฝ่ายค้าน “เพื่อไทย” ภายใต้การนำของหัวหน้าคนใหม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ดูคึกคักกว่าใคร

เด้งรับของชอบบัตร 2 ใบ ปล่อยแคมเปญตามธีม “แลนด์สไลด์” รายวัน ล่าสุดกับคาราวาน “ครอบครัวเพื่อไทย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”

แต่เมื่อมองมายังพรรคหลักรัฐบาล “พลังประชารัฐ” พบเจอแต่ปัญหาและความไม่พร้อม เลือกตั้งตอนนี้ หรืออีก 4-5 เดือนข้างหน้า ก็ยังไม่เห็นทีท่าจะคว้าชัย

“สนิมเนื้อใน” นับวันยิ่งผุกร่อนบ่อนเซาะ มหกรรมข่าวปล่อยเขย่า “บิ๊กตู่” มีออกมาเป็นระยะ

ตั้งแต่ข่าวพรรคสำรอง–พรรคนอมินี ทั้งพรรคไทยสร้างสรรค์–พรรคพลัง ที่ต้องการด้อยค่า “บิ๊กตู่” ไม่มีปัญญายึดพรรค ต้องดิ้นรนไปหาพรรคใหม่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ

กระทั่งล่าสุดข่าวกลุ่ม-ก๊วนในพรรคพลังประชารัฐ เดินดีลลับเตรียมหันไปซบพรรคอื่น

ตั้งแต่ “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่เป็นกระบี่มือหนึ่งกลุ่มรัก “ลุงตู่” ยามนี้ หรือ “เสี่ยปาน” วิรัช รัตนเศรษฐ ขาใหญ่โคราช ที่บอกว่าจะยกครัวไปสวามิภักดิ์ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย

รวมถึงเน้นไปที่กลุ่มสามมิตรจะกลับไปตายรังพรรคเพื่อไทย

ข่าวเสี้ยมมาทีเดียวครบเซต ขุนพลที่ร่วมรบกับ “กบฏผู้กอง” มาด้วยกัน กำลังจะโดดเดี่ยว “บิ๊กตู่”

นายกฯกระแทกกลับทันควัน “ข่าวปล่อย” เช่นเดียวกับบิ๊กบอสสามมิตร อย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ออกมาการันตีไม่มีทางรีเทิร์นกลับเพื่อไทยแน่ พร้อมสวนหมัดชี้ชัด “คนปล่อยข่าวคือคนไม่มีโอกาสทำงานในรัฐบาล”

เดาดูแล้วไม่มีใครอื่น นอกจาก “ผู้กองนัส” และ “มาดามแหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่กระเด็นออกมาจาก ครม.พร้อมกัน ด้วยข้อหาก่อ “กบฏ”

ฝ่ายหนึ่งจ้องยึด จ้องไล่ อีกฝ่ายก็คอยแซะ หาจังหวะถีบทิ้ง

พรรคการเมืองกลายเป็นสมรภูมิรบ พลังประชารัฐกลายเป็นสนามมวย

อยู่ที่พี่ใหญ่-น้องเล็ก “ค่าย 3 ป.” จะเอายังไง คลุมเครือเรื้อรังแบบนี้ต่อไปคนในพรรคก็เบื่อ กองเชียร์ก็เซ็ง

ถ้ารักกันจริงใจเหมือนที่ขยันโชว์ภาพหวานๆออกสื่อ เอาปัญหาทั้งหลายแหล่มาชำแหละ ยื่นหมูยื่นแมว เพื่อเดินต่อไปบนเส้นทางการเมือง สานฝันกลับมาอยู่ต่อบนกองอำนาจ

หากจุดนั้นมาถึงจริง อาจมีนักการเมืองบางคน บางกลุ่ม กลายเป็นพวกหัวเน่า.

ทีมข่าวการเมือง