หลังจากที่โควิดสายพันธุ์ใหม่ “เดลตา” เริ่มแพร่ระบาดในระยะแรกๆในประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศ “วาระแห่งชาติ” อย่างน้อยสองวาระ ได้แก่ วาระแห่งชาติว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต การฉีดวัคซีนแห่งชาติ ถึงวันนี้วาระแห่งชาติสำเร็จหรือล้มเหลว

ล้มเหลวไปเรียบร้อยแล้วคือการจัดหาและการฉีดวัคซีนในระยะเริ่มต้น ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าช้าเกินไป น้อยเกินไป ขาดความหลากหลาย ไร้วัคซีนคุณภาพ การกระจายฉีดล่าช้า ขณะที่การแพร่ระบาดของเดลตากระจายไปทั่วประเทศ มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งสูง จน ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องออกมาขอโทษ

ต้องปรับนโยบายการจัดหาวัคซีนใหม่ ด้วยการเร่งซื้อวัคซีนเพิ่มและการเข้าร่วมโครงการวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ที่เรียกว่า “โคแวกซ์” เพื่อให้การจัดหารวดเร็วยิ่งขึ้น และได้วัคซีนหลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อเร่งฉีดให้ประชาชนอย่างน้อย 50 ล้านคน หรือ 100 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันร่วม

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปหลายเดือน ท่ามกลางการติดเชื้อและความตายที่พุ่งขึ้นไม่หยุดยั้งจนสั่นสะเทือนระบบสาธารณสุข ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเปิดประเทศได้ภายใน 120 วัน (นับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน) หรือไม่ แต่เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตในการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ

นั่นเท่ากับว่า วาระแห่งชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้รับผลกระทบ ในขณะที่วาระแห่งชาติเรื่องการฉีดวัคซีน อยู่ในอาการร่อแร่ มีรายงานข่าวว่ามีการซื้อขายสิทธิ์ ในการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ รายละ 300-400 บาท ได้รับความเสียหายหลายล้านบาท และมีข่าวลือเรื่องวัคซีนวีไอพี วัคซีนแห่งความเหลื่อมล้ำ

...

มีข่าวเล่าลือกันว่าวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสเศษ ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้ ล่องหนหายไปไหน 30,000 โดส แต่ยังเคราะห์ดีที่มีคำชี้แจงจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีวัคซีนล่องหน ส่วนใหญ่ของวัคซีนลอตนี้จะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนคน อีกส่วนหนึ่งฉีดให้กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยงทั้งไทยและต่างชาติ

ไฟเซอร์เป็นวัคซีนที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้ประเทศไทยโดยไม่มีเงื่อนไข จะนำไปฉีดให้กลุ่มใดได้ตามที่เห็นควร ยิ่งกว่านั้น คนไทยยังได้ฟังบทเรียนเรื่อง “เสรีภาพ” จากอุปทูตอเมริกันที่กล่าวว่า “สหรัฐฯสนับสนุนให้ผู้คนมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็น” แม้การวิจารณ์จะเป็นการติเตือน รัฐบาลสหรัฐฯก็เผชิญมาโดยตลอด.