“ชวน” มอบ “สุชาติ” นัดถกวิป 4 ฝ่าย แก้ปม องค์ประชุมสภาฯ ล่มซ้ำซาก “สุทิน” ไล่รัฐบาลไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อนจี้รับผิดชอบองค์ประชุมมากกว่านี้ พปชร.ออกกฎกำราบ ส.ส.นอกคอก โทษถึงขับพ้นพรรค-ไม่ส่งสมัครเลือกตั้ง พท.เตือนนายกฯ ทำตัวบ่มิไก๊อาจถูกฟ้องได้ “บก.ลายจุด” จัด “สมบัติทัวร์” รถร่วมร้อยคันบีบแตรไล่ “ตู่” สนั่นเมือง ก่อนร่วมสมทบม็อบไทยไม่ทน ตร. เร่งเก็บหลักฐานเอาผิดกลุ่มราษฎร
หลังโดนกระแสสังคมรุมประณาม ส.ส.รัฐบาลไร้ความรับผิดชอบ จนเป็นต้นเหตุให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่า ล่าสุดนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ มอบหมายให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ นัดประชุมวิป 4 ฝ่าย เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว
นัดถก 4 ฝ่ายแก้ประชุมสภาฯล่ม
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา มอบหมายนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมวิป 4 ฝ่าย คือวิปฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล วิปวุฒิสภา และตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 ก.ค. เพื่อหารือแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสถานการณ์โควิดจะดำเนินการประชุมต่อหรือไม่อย่างไร พร้อมประเมินสถานการณ์ หากจำเป็นต้องประชุมจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร ต้องรอการพิจารณาก่อน ทั้งนี้ การประชุมสภาฯสัปดาห์หน้ามีเรื่องค้างพิจารณา อาทิ ญัตติด่วนที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโควิด-19 อย่างเร่งด่วน ร่าง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา และร่างกฎหมายอีกหลายฉบับ
“ราเมศ” ยันสภาฯคงมาตรการเข้ม
...
นายราเมศกล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ยังคงมาตรการป้องกันที่เข้มข้นเพื่อให้การดำเนินงานในกิจการของทั้ง 2 สภา สามารถขับเคลื่อนไปได้ มีเจ้าหน้าที่สลับกันมาทำงานในจำนวนที่พอดีกับงาน ส่วนประชาชนที่จะมาร้องทุกข์ต่อประธานรัฐสภา หากเป็นไปได้ควรส่งเป็นหนังสือมายังรัฐสภา หรือส่งอีเมล และช่องทางผ่านเว็บไซต์ ยืนยันว่าทุกฉบับจะถึงมือประธานรัฐสภา ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดด้วย สภาฯพร้อมรับใช้ประชาชนทุกคน ในทุกสถานการณ์
“สุทิน” ไล่ รบ.ไปคุยกันให้รู้เรื่อง
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากเหตุที่ประชุมสภาฯล่ม 2 วันติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุสำคัญเพราะ ส.ส.ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด อยากให้งดประชุม แต่ประธานสภาฯมีเจตนาไม่อยากให้งานสภาสะดุด และเชื่อมั่นในมาตรการของสภาฯ จึงไม่เลื่อนประชุม การแก้ปัญหาต้องสร้างความเชื่อมั่น อีกเหตุผลคือมองว่ามีกฎหมายสำคัญ เป็นร่าง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ที่ต้องโหวตให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ภายในวันที่ 30 มิ.ย. แต่รัฐบาลไม่มั่นใจในจำนวนเสียง จึงเลือกใช้วิธีไม่แสดงตัวเพื่อไม่ให้มีการโหวต แต่เป็นภาพที่ไม่ดีต่อการทำงานสภาฯ และกระทบประโยชน์ประชาชน รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อองค์ประชุมให้มากกว่านี้ไม่ใช่หวังพึ่งฝ่ายค้าน และประธานสภาฯก็มาจากพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ควรคุยกันให้รู้เรื่องไม่ให้ภาพเสียๆออกมาแบบนี้ ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
พปชร.ตีกฎกำราบ ส.ส.นอกคอก
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. มอบหมายให้ปรับปรุงร่างระเบียบว่าด้วยการรักษาวินัยตามประมวลจริยธรรมของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐใหม่ เพื่อให้พรรคเป็นระบบมากขึ้นนั้น ขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว เชื่อว่าทันเสนอต่อผู้บริหารพรรควันที่ 6 ก.ค. สาระสำคัญเป็นเรื่องวินัยและจริยธรรมที่สมาชิกพรรคต้องปฏิบัติ อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ทำแล้วมีการร้องเรียนมาต้องตรวจสอบ และจะตั้งคณะกรรมการรักษาวินัยตามประมวลจริยธรรมหลังร่างนี้ประกาศใช้ หากมีผู้ใดฝ่าฝืนมีบทลงโทษ 3 ระดับ ได้แก่ 1.ว่ากล่าวตักเตือนอาจแจ้งประกาศให้สมาชิกทราบโดยทั่วไปว่ากระทำผิด 2.ตัดสิทธิที่จะได้รับการคัดเลือกตำแหน่งต่างๆจากสัดส่วนของพรรค รวมทั้งอาจถูกตัดสิทธิไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และ 3.ขับออกจากสมาชิก พรรค กรณีฝ่าฝืนระเบียบพรรคขั้นร้ายแรง ทั้งนี้รวมถึงการใช้วาจาต่างๆ การแสดงความคิดเห็นทำได้ แต่ต้องไม่มีผลกระทบต่อสมาชิกพรรคคนอื่น ต้องใช้วาจาสุภาพ ไม่ส่อเสียด ไม่ใส่ร้ายกัน เพื่อควบคุมให้สมาชิกอยู่กันด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความขัดแย้งกัน
พท.เตือนนายกฯบ่มิไก๊ถูกฟ้องได้
วันเดียวกัน น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลนอกจากจะล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพแล้ว ยังเตะถ่วงภาคเอกชนที่จะช่วยกระจายวัคซีนทางเลือกอีก ตามที่มีแพทย์ออกมาแฉเรื่องการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา เหตุใดภาครัฐกลับเป็นอุปสรรคขัดขวางซะเอง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมตั้งคำถามว่ารัฐบาล โดย ศบค. กำลังก่ออาชญากรรมต่อชีวิตพี่น้องประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต้องรับผิดชอบในฐานะ ผอ.ศบค.หรือไม่ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ศึกษากรณีตัวอย่างจากต่างประเทศ อาทิ เมื่อปี 2542 ชาวฝรั่งเศสฟ้องต่อศาลให้เอาผิดอดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ข้อหาฆ่าคนตายและทำให้คนบาดเจ็บ จากการรับโลหิตปนเชื้อเอชไอวีกว่า 300 คน แม้ไม่มีเจตนาแต่ถือว่าปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่อ และล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ แม้ท้ายที่สุดจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา แต่ทำให้ทั่วโลกได้รู้ว่าผู้นำประเทศที่บริหารราชการผิดพลาดจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน มีสิทธิถูกดำเนินคดีเช่นกัน
จี้เร่งปล่อยซอฟต์โลนเอสเอ็มอี
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวโน้มและโอกาสที่จะได้เปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่นายกฯประกาศ หลายฝ่ายยังกังวลว่าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เหมือนฟางเส้นสุดท้าย เป็นลมหายใจสุดท้ายที่จะเยียวยาภูเก็ตและธุรกิจท่องเที่ยว และเป็นตัวชี้วัดว่าเราจะไปในทิศทางใด ถ้าจะเดินหน้าอย่างมั่นใจต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดโควิดเป็นวงกว้าง สิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำอย่างเร่งด่วนเพื่อพยุงระบบเศรษฐกิจ คือต้องกลับมาพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี ด้วยมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ย 0% หรือซอฟต์โลนกับผู้ประกอบการตัวจริง
แนะรีบลดขั้นตอนนำเข้าวัคซีน
นายไชยา พรหมา ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการ จัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับความคืบหน้าจัดหาวัคซีน ทั้งยอดวัคซีนที่มีการจัดซื้อ-ส่งมอบ ราคา สัญญาทั้งหมด และงบประมาณ วันนี้ปัญหาอุปสรรคไม่ใช่เรื่องงบประมาณ ความล่าช้าอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาลเอง น่าแปลกใจที่มียอดจองวัคซีนทางเลือกผ่าน รพ.เอกชนจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าประชาชนขาดความเชื่อมั่นในคุณภาพวัคซีนที่รัฐบาลจัดหา และควรหยุดซื้อวัดซีนซิโนแวคได้แล้ว ทราบมาจากแหล่งข่าว โดยเฉพาะที่มีแถลงการณ์ของสำนักอัยการสูงสุดล่าสุด ว่ายังไม่มีการส่งสัญญาวัคซีนทางเลือกตัวอื่นให้กับทางสำนักอัยการสูงสุดตรวจเลย มีเพียง 3 ชนิด คือ ซิโนแวค แอสตราเซเนกา และไฟเซอร์เท่านั้นที่ผ่านการตรวจร่างสัญญา ขอเรียกร้องนายกฯที่มีอำนาจเต็ม สั่งการให้ลดขั้นตอนโดยเร็ว เพราะเป็นภาวะสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ใช่ปล่อยไปตามขั้นตอนราชการที่ล่าช้า อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ตร.รวบรวมหลักฐานเอาผิดม็อบ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. โฆษก บช.น. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับการชุมนุมวันที่ 3 ก.ค. ว่า มี 2 กลุ่ม ที่ประกาศเชิญชวนทำกิจกรรม คือ กลุ่มประชาชนคนไทย นัดรวมตัวบริเวณแยกอุรุพงษ์ มาสะพานชมัยมรุเชฐ และกลุ่มคนไทยไม่ทน นัดชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า เคลื่อนมาหน้าทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ มีประกาศห้ามชุมนุมเด็ดขาด จะมีการตั้งแนวป้องกัน ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ 9 กองร้อย เน้นบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก ส่วนการ ดำเนินการกับผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และ การชุมนุม และกลุ่มคณะราษฎร เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.อื่น ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดทุกราย ส่วนม็อบสมบัติทัวร์ ที่ขับรถบีบแตรนั้น อาจเข้าข่ายกีดขวางจราจรก่อความ เดือดร้อนประชาชน หรือเกิดอันตราย มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางบกฯ พนักงานสอบสวนอาจยึดรถไว้เป็นของกลาง โดยจะบันทึกภาพและเสียง รวมถึงภาพ จากกล้องวงจรปิดบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ลายจุดจัด “สมบัติทัวร์” บีบแตรไล่
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ “สมบัติทัวร์” ขับรถบีบแตรไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รอบถนนราชดำเนินกลาง และถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยมีกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจกับการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์นำรถยนต์ส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์มาร่วมกิจกรรมกว่า 100 คัน ขณะที่นายสมบัติขับรถยนต์นิสสัน มาร์ช สีส้ม ทะเบียน ฆญ 6427 กรุงเทพมหานคร ออกนำขบวนไปตามถนนราชดำเนิน ข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าไปกลับขบวนรถที่แยกอรุณอมรินทร์ วกกลับมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง โดยรถทุกคันพร้อมใจกันบีบแตรรถเสียงดัง และตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ตลอดเส้นทาง จากนั้นเคลื่อนขบวนมาสมทบกับกลุ่ม “ไทยไม่ทน” ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าทำเนียบทำกิจกรรม “ไล่ พล.อ.ประยุทธ์” มี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร และเจ้าหน้าที่ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมสังเกตการณ์ด้วย
แรลลี่ไล่ “ลุง” ถึงแยกราชประสงค์
ต่อมาเวลา 17.25 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ขับรถนำแฟลชม็อบ “สมบัติทัวร์” แยกขบวนจากกลุ่มไทยไม่ทน จากแยกนางเลิ้ง เคลื่อนขบวนไปตามถนนพิษณุโลก เข้าถนนเพชรบุรี ถนนชิดลม และถนนราชดำริ ในรูปแบบแรลลี่ ก่อนมาปักหลักชุมนุมบีบแตรไล่ ที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน กล่าวว่า หลักคิดที่จะเอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไปเป็นหลักคิดเดียวของสังคมไทยไปแล้ว กลุ่มไทยไม่ทนพยายามใช้การเจรจาเพื่อประคับประคองสถานการณ์สันติวิธี หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนด แต่เริ่มเห็นความตื่นตัวของประชาชนมากขึ้นทุกสัปดาห์ ไม่ต่างกับบรรยากาศสมัยก่อนเหตุการณ์พฤษภาปี 35 ตอนเริ่มต้นคนไม่ได้เยอะ สุดท้ายมีวิวัฒนาการขึ้นตามลำดับ พูดคุยกับเพื่อนที่ต่างอุดมการณ์ว่าถ้าประชาชนไม่ร่วมกันลุกขึ้นต่อสู้ ไม่มีวันไล่ประยุทธ์ได้ แม้จะขับเคลื่อนบนสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่จำเป็นต้องร่วมมือกัน