สองขั้วการเมืองแข่งโชว์ยื่นแก้ รธน. “สมพงษ์” นำทีมฝ่ายค้านดัน 5 ร่างตีธงแก้ที่มานายกฯ-หักดาบ ส.ว.ล็อกชื่อผู้นำ-รื้อระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ-โละทิ้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี “วิสาร” สวดพรรคร่วม รบ.เล่นละครแหกตา ไม่ได้อยากแก้จริง “ปชป.-ภท.-ชทพ.” ส่งประกบ 9 ฉบับ “ชินวรณ์” ชี้เบื้องต้นทุกฝ่ายส่ง 15 ร่างแก้ไข รธน.เข้าสภาฯ ถ้าเห็นตรงกันโหวตให้ไม่เกี่ยงค่าย ภท.เอาด้วยปิดสวิตช์ ส.ว. “พิธา” กลบรอยร้าวยัน ก.ก.-พท.มีเอกภาพจับมือตะเพิด ส.ว.พ้นการเมืองไทย “โรม” ยังเคืองเตือนประมาทเดินตามเกม พปชร.ถวายใส่พานเสร็จ คสช. “เสรี” เปิดถ้วยแทงคว่ำเรียบทุกร่างหักดาบ ส.ว. “กิตติศักดิ์” ลั่นไฟเขียวเฉพาะร่าง พปชร. “กลุ่มรี โซลูชั่น” เข็นร่างฉบับประชาชนสู้ ล่า 5 หมื่นชื่อปลุกคนไทยรื้อระบอบประยุทธ์ ยุติ คสช.สืบทอดอำนาจ “ชวน” สั่งบรรจุระเบียบวาระ 23 มิ.ย.

ฝ่ายค้านได้ฤกษ์ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับเข้าสู่รัฐสภา โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลต่างยืนยันพรรคร่วมฝ่ายค้านมีเอกภาพจับมือร่วมกันขจัด ส.ว.ให้พ้นการเมืองไทยก่อน ส่วนความเห็นต่างเรื่องระบบการเลือกตั้งยังสามารถพูดคุยให้เข้าใจกันได้

...

ฝ่ายค้านยื่น 5 ร่างรื้อ รธน. รายมาตรา

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำทีมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย รวมถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ยื่นครั้งนี้มี 5 ร่าง ประกอบด้วย 1.การแก้ไขมาตรา 256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเว้นหมวด 1 และ 2 โดยมีสมาชิกพรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อบางส่วน 2.การแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นร่างที่มี ส.ส.ฝ่ายค้านลงชื่อกันอย่างพร้อมเพรียง 3.การแก้ไขเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในด้านต่างๆ อาทิ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 3 มาตรา 29 เรื่องการเพิ่มสิทธิในกระบวนการยุติธรรม มาตรา 45 และ 47 เรื่องสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

การันตีตั้ง ส.ส.ร.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล

นายประเสริฐกล่าวว่า 4.การแก้ไขมาตรา 83 ให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ให้มี ส.ส.แบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แทนระบบจัดสรรปันส่วนผสม 5.ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 275 และ 279 เรื่องการยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการยกเลิกอำนาจ คสช. ยืนยันว่าการขอแก้ไขมาตรา 256 ให้ตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ สามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการรัฐสภา ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อร่าง พ.ร.บ.ประชามติผ่านความเห็นชอบจากสภาโดยสมบูรณ์ จะสอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านเสนอไป ส่วนเรื่องระบบเลือกตั้งเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอมานานแล้ว ยึดแนวทางเก่าที่พรรคเพื่อไทยเคยทำมา เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 40 เราอาจมีความคิดไม่ตรงกันบ้างบางประเด็น แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ.จะเกิดการถกเถียงจนมีทางเลือกดีที่สุดแก่ประชาชน

“วิสาร” อัดพรรคร่วม รบ.เล่นละคร

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การขอแก้ไข รัฐธรรมนูญของรัฐบาล เป็นเพียงเกมการเมืองแบบลับลวงพราง พรรคร่วมรัฐบาลเพียงแค่แสดงละครตบตาประชาชน เสนอการแก้ไขคนละทิศละทาง แสดงความจำนงแตกต่างกัน เพื่อไปสู่จุดหมายเดียวกัน คือการไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้ายังคงต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไม่อยากแก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเสนอแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ เพราะหากไม่แก้ไข ส.ว.ไม่ต่างจากนั่งร้านตามไซต์งานก่อสร้างมีไว้ค้ำยันอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ประชาชน การบริหาร ประเทศที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ประเทศตกต่ำลงไปเรื่อยๆจนล้าหลังที่สุดในอาเซียน การอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ หากอยู่แล้วประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศพัฒนาก้าวไปข้างหน้า ไม่ตกต่ำเหมือนปัจจุบันให้อยู่ไปเลย แต่ถึงเวลานี้สถานการณ์เห็นชัดแล้วว่าประเทศและประชาชนแย่แค่ไหน หากให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ในอนาคตคนไทยคงต้องไปของานทำจากประเทศเพื่อนบ้าน

“สุทิน” บอกต้องทันเกมสับขาหลอก

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการเสวนาหัวข้อ “แก้รัฐธรรมนูญ แก้วิกฤติประเทศ?” นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือเป็นวิกฤติของชาติ สร้างปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติ ตราบใดที่ประเทศยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้ เราจะได้รัฐบาลแบบนี้ และได้ความรับผิดชอบของผู้นำรัฐบาลเพียงเท่านี้ ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือเกมการชิงจังหวะและโอกาส วันนี้กำลังจะเริ่มต้นใหม่ มีเกมเต็มไปด้วยการสับขาหลอก จึงขอเรียกร้องพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องทันเกม เมื่อย้อนไปดู 2 เดือนที่แล้วร่างตกเรามีบทเรียนว่าพรรค พปชร.ชิงยื่นแก้ไขร่างก่อน ทั้งที่ฝ่ายค้านอยากแก้มาตลอด ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายบนหลักการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อกำจัดจุดอ่อนทางการเมือง ให้พี่น้องได้ประโยชน์ถึงปากท้องทำในสิ่งที่เป็นไปได้

“ชวน” เร่งดันเข้าวาระ 23 มิ.ย.

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ได้กำหนดวาระประชุมรัฐสภา ระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย. โดยวันที่ 22 มิ.ย. เป็นการประชุมร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ ส่วนวันที่ 23 มิ.ย. จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ จะพยายามทำให้เสร็จในวันเดียว หากไม่เสร็จจะต่อการพิจารณาในวันที่ 24 มิ.ย. อีกหนึ่งวัน ในส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น จะดูว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคเสนอร่างแก้ไขมาจำนวนเท่าใด เพื่อจะได้นำไปพิจารณาพร้อมกับฉบับของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นมารอไว้แล้ว โดยมาตรการประชุมรัฐสภานั้น ยังคงเคร่งครัดเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยให้สวมหน้ากากอนามัย 100% ส่วนการเว้นระยะที่นั่งคงทำได้ไม่เต็มที่ เพราะจำนวนสมาชิกค่อนข้างมาก สิ่งที่ดีที่สุดคือ การสวมหน้ากาก

“พิธา” ยัน กก.-พท.ยังเหนียวเเน่น

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะร่วมกับพรรคเพื่อไทย เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 272 เรื่องตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ เวลาสื่อสาร ไม่อยากให้สับสน เพราะการเสนอแก้ไขรอบนี้แต่ละพรรคมีหลายประเด็น ขณะนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเอา ส.ว.250 ออกจากการเมืองไทย เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เห็นไม่ตรงกันเรื่องระบบเลือกตั้งหรือบัตรเลือกตั้ง นายพิธาตอบว่า ไม่แปลกสำหรับประชาธิปไตยมีการถกเถียง บัตรเลือกตั้ง 2 ใบมีหลายรูปแบบ ก็คงมีการหารือกัน ยังไม่ตกผลึกว่าแบบใดเหมาะสมการเมืองไทยมากที่สุด ยืนยันพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีเอกภาพ โดยเฉพาะเรื่องตัดอำนาจ ส.ว. ส่วนเรื่องที่เหลือมีโอกาสพูดคุยในวาระต่อๆไป ยืนยันในความเห็นต่างยังสามารถพูดคุยกันได้ เราพูดกันตรงไปตรงมาในฐานะเพื่อนผู้ร่วมประชาธิปไตย ประเด็นสำคัญตอนนี้คือ ส.ว.ไม่ใช่ระบบเลือกตั้ง ตอนนี้ไม่ว่าระบบเลือกตั้งจะเป็นแบบไหน แต่ถ้า ส.ว.ยังอยู่ ผลลัพธ์ก็ไม่ต่าง

“โรม” ติงประมาทใส่พานถวาย คสช.

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึง 3 ปัญหาสำคัญของข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญฉบับเพื่อไทยว่า 1.ยอมตามเกมพลังประชารัฐ มองข้ามปัญหาความไม่ได้สัดส่วนระหว่าง ส.ส.กับประชาชน คะแนนเสียงตกน้ำ เชื่อว่าตัวเองจะชนะเหมือนในอดีต ยอมเดินตามเกมพรรคพลังประชารัฐ ไม่อยากให้ประมาทพลังประชารัฐมากเกินไป 2.การเสนอให้เพิ่ม ส.ส.เขตจาก 350 คน เป็น 400 คน ลด ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน เหลือ 100 คน การแบ่งเขตเพิ่มจะไปตกอยู่ในพื้นที่พรรคไหน ช่วงเลือกตั้งจริงเขตนั้นๆ ฝ่าย คสช.จะอาศัยกลไกควบคุมการเลือกตั้งอีก 3.เพื่อไทยกำหนดห้ามจัดทำรัฐธรรมนูญในหมวด 1 บททั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์อยู่เช่นเดิม แม้ประชาชนจำนวนมากจะต้องการให้เปลี่ยนแปลงเป็นไปไม่ได้เลยไม่เคารพต่อเจตจำนงประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น อยากให้คิดตรึกตรองให้ดีว่าแต่ละสิ่งอย่างที่เห็นคล้อยตามพลังประชารัฐไป ที่คาดหวังว่าตัวเองจะชนะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่มีมูลเหตุอะไรให้เชื่อมั่นหนักแน่นอย่างนั้นจริงๆหรือไม่ มิเช่นนั้น แล้วหนีไม่พ้นถวายพานชุดใหญ่ให้พลังประชารัฐและ คสช.อีก

ถ้าเเลนด์สไลด์ พปชร.ใครจะคบ พท.

ต่อมานายรังสิมันต์โพสต์อีกว่า “แลนด์สไลด์... ไปทางไหน? เพื่อใคร? เพื่อไทย? เพื่อประชารัฐ?” เพื่อไทยไปร่วมเห็นชอบด้วย หากพลังประชารัฐชนะ เลือกตั้งไป จะยิ่งเพิ่มความชอบธรรม พรรคใหญ่ฝ่ายค้านเองยังรับรอง แล้วเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร ต้องถามว่า “แลนด์สไลด์” นี้เพื่อใคร ยังดึงดันแล้วผลปรากฏว่าชัยชนะกลายเป็นของพลังประชารัฐไป ถึงตอนนั้น จะยังมีพรรคไหนที่อยากจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคเพื่อไทยอีก

ปชป.-ภท.-ชทพ. ยื่นประกบ 9 ร่าง

ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรคมีทั้งสิ้น 9 ร่าง เช่น อำนาจหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญมาตรา 55/1 เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีควรปรับปรุง เห็นควรยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ระบบการเลือกตั้งเห็นด้วยที่ต้องเป็นระบบการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ การโหวตเลือกนายกฯให้ใช้บัญชีที่พรรคการเมืองเสนอหรือมาจากการเสนอของ ส.ส.การเสนอแก้ไขมาตรา 256 ยืนยันให้ใช้หลักการเดิมโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง 3 ใน 5 และการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

เผยมี 15 ร่างแก้ รธน.ทั้งฝ่ายค้าน-รบ.

นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมจะลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้กับร่างที่มีวัตถุประสงค์เป็นไปตามเจตนารมณ์ของฝ่ายรัฐบาล รวมถึงร่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นด้วยที่ประธานรัฐสภากำหนดวาระให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเป็นเสียงประชามติที่ค้างขึ้นมาก่อน ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจว่ารัฐบาลยืนยันจะให้พิจารณากฎหมายประชามติก่อน สำหรับการโหวตลงคะแนน เสียงรับหลักการในวาระที่หนึ่ง เบื้องต้นมีญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม 15 ร่างจะให้ผู้เสนอญัตติทั้ง 15 ร่าง นำเสนอหลักการและเหตุผลก่อนเปิดให้อภิปรายแบบภาพรวม จากนั้นลงมติแต่ละร่างโดยโหวตขานรายชื่อทีละคน จากนั้นวาระสองคาดว่าใช้เวลา 45 วัน และนำสู่การพิจารณาในวาระที่สามได้ คาดว่าจะพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จได้ทันและนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ในสมัยประชุมนี้

พร้อมโหวตให้ประเด็นเห็นพ้องกัน

ต่อมาเวลา 10.40 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค โดยนายชินวรณ์ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมแถลงภายหลังหารือเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ นายชินวรณ์กล่าวว่า 3 พรรคร่วมรัฐบาลเห็นพ้องจะเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 9 ประเด็นที่ร่วมลงชื่อเสนอในชั้นรับหลักการ พรรคประชาธิปัตย์เสนอ 6 ร่าง เมื่อถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เสนอปิดสวิตช์ ส.ว.พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยจะโหวตให้ด้วยหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า ร่างใดที่สมาชิกเห็นพ้องต้องกันไม่ว่าร่างนั้นจะเป็นของฝ่ายไหนเป็นเอกสิทธิ์จะลงมติให้ความเห็นชอบได้ และเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาตัดสินใจ ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ

ภท. เอาด้วยตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ

นายศุภชัยกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอ 3 ประเด็น อาทิ เรื่องปากท้อง ให้รัฐมีบทบาทหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องหลักประกันรายได้ถ้วนหน้าให้กับประชาชน นอกจากนี้ แก้ไขมาตรา 65 ให้ยุทธศาสตร์ชาติมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ประเทศและโลก และแก้ไขมาตรา 272 เรื่องอำนาจ ส.ว.จะต้องแก้ไขให้ ส.ว.ไม่สามารถเลือกนายกฯได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ร่าง เป็นสิ่งที่ทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องต้องกัน และตอนนี้ได้ลงนามครบถ้วนแล้ว คาดว่าช่วงเย็นวันนี้ (16 มิ.ย.) จะยื่นต่อประธานรัฐสภาได้

ส.ว.ลุยคว่ำ ม.272 ไม่ยอมให้ริบอำนาจ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคฝ่ายค้านที่มีเนื้อหาแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ แต่ต้องมีเนื้อหาเหมาะสม ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ถ้าเป็นเช่นนี้ ส.ว.ไม่ร่วมมือด้วยแน่นอน โดยเฉพาะการตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯเป็นการลุแก่อำนาจไม่เห็นด้วย การโหวตเลือกนายกฯของ ส.ว. เป็นอำนาจตามบท เฉพาะกาล 5 ปีเพื่อมาแก้วิกฤติประเทศ การแก้มาตรา 272 ทุกฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกัน ถ้า ส.ว.ไม่ร่วมมือด้วยไม่มีทางสำเร็จ ขอเตือนว่าใครที่ทำเก่งกล้า เสนอแก้รัฐธรรมนูญลุแก่อำนาจ เน้นแต่หาเสียงสนุกปาก มุ่งแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ว่าพรรคใดเสนอมาจะไม่ผ่านแม้แต่ร่างเดียว ส.ว.จะไม่รับร่างเพราะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา

โหวตผ่านให้เฉพาะร่าง พปชร.

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่าฝ่ายค้านเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งให้ตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างใหม่ และตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ โม้ได้แต่จะทำได้หรือไม่ ต้องอาศัยเสียง ส.ว.สนับสนุน 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงขึ้นไป ดูแล้วโอกาสผ่านยาก การตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างใหม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติก่อน หรือการตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ก็เป็นการทำเพื่อหาเสียง ขณะนี้เสียง ส.ว.ตกผลึก เบื้องต้นจะให้ผ่านเฉพาะร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนร่างของฝ่ายค้านคงไม่ผ่าน ขณะที่ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา ถ้าเสนออยู่ในหลักการที่เป็นไปได้ ไม่สุดโต่งหรือทำเพื่อหาเสียงให้ตัวเอง ส.ว.ยินดีสนับสนุน ยืนยันว่า ส.ว.ไม่ใช่อุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ

“รีโซลูชั่น” ล่า 5 หมื่นชื่อปิดสวิตซ์ ส.ว.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา กลุ่ม Re-solution ประกอบด้วยกลุ่มคณะก้าวหน้า รัฐธรรมนูญก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และกลุ่มไอลอว์ (iLaw) นำโดยนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ และ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ เข้ายื่นหนังสือเพื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เชิญชวนให้ร่วมลงชื่อร่างรัฐธรรมนูญปี 60 ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล โดยนายยิ่งชีพกล่าวว่ากระแสแก้รัฐธรรมนูญกำลังกลับมา ทราบกันแล้วว่าฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคพลังประชารัฐได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว ตามด้วยร่างของพรรคฝ่ายค้าน ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญยังถกเถียงว่าควรจะไปในทิศทางใดดี นาทีนี้ปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญที่ควรแก้ไขให้เร็วที่สุดคือที่มาและอำนาจ ส.ว.หากไม่แก้ไขประเด็นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองปัจจุบันได้ กลุ่มเรายืนยันจุดยืนเดิมต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม อยู่ระหว่างเปิดรับรายชื่อจากประชาชนทั่วประเทศ หากได้รายชื่อครบ 5 หมื่นรายชื่อ จะเดินทางมายื่นรายชื่อต่อรัฐสภาอีกครั้ง

ร่วมรื้อระบอบประยุทธ์ยุติสืบอำนาจ

นายยิ่งชีพกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตามพระราช บัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2564 ได้กำหนดให้ประชาชนที่สนใจเข้าชื่อเสนอกฎหมายสามารถกรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ผ่าน ออนไลน์ในทุกช่องทางแล้ว โดยไม่ต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนมาร่วมลงชื่อเหมือนที่ผ่านมา ทำให้การรวบรวมรายชื่อมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นจึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมส่งรายชื่อเพื่อร่วมกันรื้อระบอบประยุทธ์ และแก้ที่มาขององค์กรอิสระไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อไม่ให้มาจากการแต่งตั้งของ คสช.

ด้าน นพ.สุกิจกล่าวว่า จะนำร่างส่งไปยังประธานรัฐสภาเพื่อพิจารณาและตรวจสอบตามกระบวนกฎหมายคาดว่าไม่เกิน 15 วัน และจะแจ้งความคืบหน้ากลับไปยังคณะผู้ริเริ่มเสนอกฎหมาย

“บิ๊กตู่” ควง “อาจารย์น้อง” เข้าทำเนียบฯ

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจภายในตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางเข้ามาพร้อมกันด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนราพรเข้ามาเพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แอสตราเซเนกา จากสถาบันบำราศนราดูร เนื่องจากมีอายุเกิน 60 ปี อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันนายกฯไม่มีกำหนดการหรือวาระงานเป็นทางการ คาดว่าจะใช้เวลาติดตามงานต่างๆ และเซ็นเอกสาร บนตึกไทยคู่ฟ้าตลอดทั้งวัน

“แรมโบ้” เย้ยก้าวไกลไร้ที่ยืน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ย้ำจุดยืนยุติการสืบทอดอำนาจว่า พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการแก้ระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ อาจกลัวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมี ส.ส.น้อยลงหรือไม่หรืออาจไม่มีเลยมากกว่า แต่ไม่ว่าระบบเลือกตั้งจะออกมาแบบใด คงจะได้ ส.ส.น้อยลงหรืออาจสูญพันธุ์ได้

“ทักษิณ” ส่งสัญญาณใช้บัตร 2 ใบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมพูดคุยกับ CARE ClubHouse x CARE Talk หัวข้อ “โทนี่ขอถามจริงๆ เมื่อไหร่จะหายวุ่น ทำไมทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” ผ่านคลับเฮาส์และเฟซบุ๊กแฟนเพจ CARE คิดเคลื่อนไทย มีเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวถึงรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 สรุปว่า รัฐธรรมนูญ 40 แก้ปัญหาพรรคเล็กกดดันผู้นำ ต่อรองทำให้รัฐบาลอยู่สั้น ใช้ระบบเขตเลือกตั้ง 400 เขต ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ประชาชนได้เลือกทั้งพรรค ทั้งคน ตนไม่ค่อยมีปัญหาแบบ 40 ชัด ประชาชนชิน ถ้ากลับไปอีกอย่างที่ก้าวไกลบอกว่า 2 บัตรแบบเยอรมนี ไม่ชำนาญเลยไม่รู้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันกำขี้ดีกว่ากำตด รัฐบาลจะเอาอย่างไรมักเป็นแบบนั้นเพราะเสียงเขามาก ไหนๆเขาบอกว่าแก้บางส่วนอะไรเป็นประโยชน์บางส่วนใส่เข้าไปก่อนเผื่อฟลุกได้ แต่ต้องมีจุดยืนว่าต้องเป็นประชาธิปไตย แก้ทั้งฉบับ แบบที่เพื่อไทยสงวนหมวด 1-2 ก็ดีจะได้ไม่วุ่นวาย การเลือกตั้งในอนาคตต้องเลือกผู้นำจริงจัง เทไปเลยเต็มที่จะได้เปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเป็นเบี้ยหัวแตกเปลี่ยนแปลงยาก

ดูโหงวเฮ้งไม่เป็นตั้ง “ป้อม” นั่ง ผบ.ทบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งมีผู้ถามถึงเหตุผลการตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็น ผบ.ทบ. ทำไมถึงไม่แต่งตั้ง พล.อ.พรชัย กรานเลิศ นายทักษิณตอบว่า ตอนนั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ไม่อยากถูกครหานานว่าเอาญาติขึ้น เขาจบ จปร. ผ่านการรบให้เป็น ผบ.สส. พล.อ.ประวิตรมาทำเนียบฯบ่อย เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตรจะวางอนาคตไว้เช่นนี้ นายทักษิณตอบว่า มันเป็นความดูโหงวเฮ้งไม่เป็น หากฝึกดูโหงวเฮ้งหน่อย วันนั้นคงไม่ตั้ง และเขากองเชียร์เยอะมาก มีนายวัฒนา เมืองสุข เป็น ส.ส.ปราจีนบุรี ก็มาเชียร์ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็เชียร์ ตนไม่ค่อยรู้จักรู้ว่าเป็นพี่ชายของรุ่นพี่คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รู้จักกันดีเลยตั้ง

ศาลสั่งถอดกำไลอีเอ็ม “สมยศ”

ที่ศาลอาญา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุขกับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหากลุ่มรีเด็ม ที่ถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วยการชุมนุมหน้าศาลอาญาและถนนพหลโยธิน ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอดกำไล (อีเอ็ม) EM ต่อมาเวลา 14.50 น. ศาลอาญาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ถอดกำไล EM ให้นายสมยศกับพวกรวม 6 คนทันที นายสมยศเผยว่า คดีที่ติดกำไลอีเอ็มนี้เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลได้ยกเลิกเงื่อนไขเดิมกำหนดเขตพื้นที่เดินทางและเพิ่มเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และห้ามชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ส่วนเงื่อนไขห้ามพาดพิงสถาบันเป็นในส่วนอีกคดีซึ่งยังกำหนดไว้ตามเดิม

“กวิ้น-รุ้ง-ไมค์-โตโต้” แจง กมธ.ป.ป.ช.

ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานเชิญ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำราษฎร นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ วีโว่ เข้าชี้แจงกรณีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาทางการเมือง 7 คนจากเรือนจำธนบุรีสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจหาโควิด-19 รวม 4 ครั้ง นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษก กมธ. ให้ทั้ง 4 คนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ กมธ.ฟัง

คาใจขอตรวจโควิดตอน 3 ทุ่ม

นายพริษฐ์กล่าวว่า ถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 9ก.พ.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯคนละกรณีกับนายภาณุพงศ์ วันที่ 15 มี.ค. ตนและเพื่อนคนอื่นทั้งที่อยู่เรือนจำธนบุรี และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปที่ศาลในคดีการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.ด้วยกัน เมื่อกลับมาถึงเรือนจำเดิมทีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ใช้กระบวนการกักตัวตามปกติ เคยถูกคุมขังหลายที่ไม่เคยมีที่ไหนจะมาเร่งรัดตรวจโควิด-19 ตอนกลางคืน เวลา 21.00 น. ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาบอกว่าจะตรวจโควิด-19 ไล่นักโทษคนอื่นๆออกไปด้วย ถามไปตรงๆว่าอยากจับเราแยกใช่หรือไม่ เขาก็ตอบตรงๆว่าใช่ ถ้าวันนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวเราออกไปได้ มีใครรับประกันความปลอดภัยที่เกิดขึ้นยามวิกาลได้บ้าง

โวยยังบริสุทธิ์เอาไปขังแดนเด็ดขาด

นายธีรัจชัยได้ซักถามว่าทัณฑสถานหญิงกลางมีการเร่งรัดตรวจโควิด-19 กลางดึกหรือไม่ น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนั้น ปกติจะตรวจกลางวัน ถึงเวลาพักผ่อนเจ้าหน้าที่จะเดินตรวจตราตามปกติแต่จะไม่มายุ่งกับผู้ต้องขัง ไม่เคยมีการมาแยกตัวจากผู้ต้องขังอื่นในยามวิกาล นายธีรัจชัยถามต่อว่า ข้อกฎหมายตามสิทธิมนุษยชนการที่ยังไม่ถูกศาลพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิดในฐานะผู้ต้องขังคดีการเมือง การให้ไปอยู่กับนักโทษเด็ดขาดเช่นกรณีนายพริษฐ์และนายสมยศเป็นการปฏิบัติกับผู้ต้องหาเหมือนผู้กระทำความผิดได้หรือไม่ น.ส.ปนัสยากล่าวว่า จะกระทำเช่นนั้นไม่ได้ ผู้ยังไม่ถูกศาลตัดสินโทษ ถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่ ผิดตั้งแต่นำพวกเราเข้าไปในเรือนจำแล้ว และยังผิดอีกที่พานายพริษฐ์ นายสมยศ นายปติวัฒน์ไปอยู่ที่แดนเด็ดขาด ไม่ใช่แดนที่ผู้ต้องหาอยู่