ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ตีกินต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง สำหรับรัฐบาล “3 ป.” หลังงบประมาณผ่านสภาในวาระแรก

เห็นชอบ 269 ต่อ 201 เสียง

ที่อึกทึกอยู่บ้างระหว่างอภิปรายงบประมาณปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท เมื่อฝ่ายค้านโจมตีว่านำเงินไปใช้ไม่คุ้มค่า

7 ปีมีแต่ “กู้” ไม่ได้ออกดอกออกผลอะไรเลย

ก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้านซึ่งต้องทำหน้าที่ตรวจสอบดีกว่าอยู่เปล่าๆ

ปรากฏว่าฝ่ายรัฐบาลเองก็ร่วมขบวนด้วยโดยเฉพาะจากภูมิใจไทยได้ตั้งประเด็นเพื่อโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นการเฉพาะ

ยกเอาเรื่องการจัดงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุขน้อยกว่ากระ-ทรวงกลาโหมละพ่วงด้วยการยึดอำนาจ

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯรัฐมนตรีสาธารณสุขที่สำคัญก็คือ “หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย”!

จึงสะท้อนออกมาจากการอภิปรายว่าเป็นการไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลบางคนถึงกับระบุว่า “แบบนี้กลับบ้านดีกว่า”

พูดง่ายๆว่าต้องการที่จะเรียก “เกียรติภูมิ” ให้ “ลูกพี่” คืนกลับมา

ก็คงหวังเท่านั้นแหละเพราะเรื่องงบประมาณ นายกฯได้ชี้ว่ากระทรวงสาธารณสุขได้มากกว่าทุกกระทรวง

เพราะมีงบประมาณจากช่องทางอื่นอีกก้อนใหญ่

แต่ไม่ยอมแสดงความเห็นว่าเรื่องที่ถูกลูกพรรคภูมิใจไทยโจมตีเพียงแต่ให้หัวหน้าพรรคไปทำความเข้าใจกันเอง

นั่นทำให้งบประมาณผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

จริงๆแล้วแม้ว่าสถานการณ์โควิด–19 รอบ 3 นี้จะหนัก แต่เนื่องจากไทยยังมีความพร้อมอยู่หลายอย่างเป็นพื้นฐาน

...

บุคลากรทางการแพทย์ ระบบสาธารณสุข งบประมาณ

ที่สำคัญก็คือคนไทยพร้อมจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

อยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาลเท่านั้น หากมีประสิทธิภาพว่ากันด้วยระบบมันก็เป็นไปของมันได้อยู่แล้ว

แล้วรัฐบาลจะไปทะเลาะกันเอง ...ทำไมให้เสียเปล่าๆ

ฝ่ายค้านเสียอีกที่มุ่งแต่เอาชนะคะคานไม่เลือกที่เลือกเวลา ไม่จับประเด็นที่จะเรียกคะแนนจากประชาชน

ขอให้ประชาชนรู้สึกว่าฝ่ายค้านก็ช่วยเหลือดูแล ให้คำเสนอแนะในลักษณะที่เป็น “คนไทย” ด้วยกันไม่ใช่ฝ่ายค้านรัฐบาล

เสร็จแล้วก็ไม่ได้อะไร...

“พลังประชารัฐ” ที่ตอนนี้ดูจะนิ่งสงบคอยไล่จับหนูที่ “แตกรัง” ก็พอแล้ว เพราะนักการเมืองในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน

ต่างก็พยายามขับเคลื่อนตัวเพื่อไปสู่รังใหม่ที่เชื่อว่าน่าจะมั่นคงและมุ่งไปสู่อำนาจได้

ที่สำคัญมีความ “อู้ฟู่” ไม่ต้องกระเสือกกระสนมาก

วันนี้ “3 ป.” ยิ่งมีอำนาจต่อรองสูงกว่าที่ผ่านมา นอกจากมี “อำนาจ” เต็มไม้เต็มมือแล้ว ตรงกันข้ามฝ่ายค้านที่มีแต่จะหดหายลงไป

จากนี้ไปจะเข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองครั้งสำคัญ ขอเพียงแค่ “โควิด–19” สงบลงเท่านั้น จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกไม่นานเกินรอคงได้เห็นกัน!!!

“ลิขิต จงสกุล”