งบปี 65 ยังไงก็ต้องผ่าน ยังไม่ทันเริ่มมีการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2565 ฝ่ายค้านประกาศล่วงหน้าเลยว่าจะไม่ยกมือรับร่างตั้งแต่ วาระแรก แต่สุดท้ายก็ต้องผ่านอยู่ดี
แทบจะนับนิ้วได้เลยว่ารัฐบาลจะถูกฝ่ายค้านถล่มจนงบไม่ผ่าน เพราะถึงที่สุดแล้ว “เม็ดเงิน” นั้นมีความสำคัญทำเป็นเล่นๆไม่ได้
แม้จะอยู่ตรงข้ามกันแต่ก็ต้องใช้เงินร่วมกัน เพราะเป็นงบของประเทศที่จะต้องนำไปใช้จ่ายเพื่อบริหารประเทศ
ฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบให้ละเอียด
ว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง เหมาะควรหรือไม่ สมเหตุสมผลหรือไม่ มีเหตุส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่
แต่ ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านต่างก็จ้องดูดไอติม ไม่ต่างกัน
เพราะงบประมาณทั้งหมดจะต้องกระจายไปทั่วประเทศตามโครงการต่างๆทั้งเก่าและใหม่ อีกทั้งการสร้างโครงการใหม่ๆเพื่อจะได้นำงบมาใช้
บางคนเก่งกาจมีความสามารถที่จะได้ทั้งเงินทั้งกล่อง
สร้างงานใหม่ในพื้นที่ก็ได้คะแนนนิยม หาเศษหาเลยกับผู้รับเหมาก็เงินเข้ากระเป๋า และคนที่จะมีบทบาทสำคัญก็คือ กมธ.งบประมาณ
แย่งกันเป็นเลยก็ว่าได้...ถือเป็น “ตำแหน่งทอง” เหมือนกัน
เนื่องจากมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะยกมือให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ว่า ส.ส.ฝ่ายไหน ข้าราชการระดับสูงที่รับผิดชอบงานสำคัญๆ
ก็ต้องวิ่งเข้าหาบรรดา กมธ.เหล่านี้
ดังนั้น การอภิปรายเรื่องงบประมาณจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ของรัฐบาลเนื่องจากมีของแลกเปลี่ยนตอบแทนในตัวของมัน
ยิ่งสถานการณ์ของรัฐบาลในปัจจุบันที่จะต้องจับมือกันระหว่างพรรคร่วม แม้จะขุ่นข้องหมองใจกันบ้างในเรื่องงาน
แต่ก็ต้องอยู่ร่วมกันต่อไป
...
1.ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้จบลงก่อน
2.ต้องเป็นรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบความมั่นคงของชาติ
หากสามารถหยุดยั้งไวรัสได้เร็วเท่าใดก็ยิ่งมีโอกาสสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้คืนกลับมาได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เชื่อเถอะ...ไม่ว่าภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ หรือชาติไทยพัฒนา ล้วนมีความสุขที่ได้ร่วมรัฐบาลชุดนี้
เพราะสามารถที่จะมีความเป็นตัวของตัวเองได้ แบ่งงานรับผิดชอบตามภารกิจที่ค่อนข้างจะอิสระ
ที่สำคัญก็คือล้วนเป็นกระทรวงเกรดเอ
ดีกว่าพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลที่ไม่สามารถได้รับผิดชอบงานหลักๆ ได้มีแต่เพียงตำแหน่งนายกฯและรับผิดชอบด้านความมั่นคงเท่านั้น
“ประชาธิปัตย์” ซึ่งแทบจะจบเกมไปแล้วกลับฟื้นคืนขึ้นมาได้มากพอสมควร “ภูมิใจไทย” กลายเป็นพรรคระดับแนวหน้าชิงเก้าอี้นายกฯได้เลย
แล้วไปสู้กันต่อในสนามเลือกตั้ง...
“สายล่อฟ้า”