“ป่วยโควิดรักษาฟรี ฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ” “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประกาศเชิญชวนประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อเร่งสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ให้ประเทศ
ย้ำวัคซีนโควิดทุกชนิดป้องกันอาการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ ป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก ดังนั้นฉีดดีกว่าไม่ฉีด
ลุยโฆษณาเชิญชวน ถึงขั้นประกาศเป็นวาระแห่งชาติ
ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง นายกฯออกมาย้ำแล้วย้ำอีก ทั้งยังให้บรรดาหมอชื่อดังออกมาป่าวประกาศกันรัวๆ แต่ก็ยังไม่เข้าเป้า คนมาฉีดวัคซีนน้อยเกินไป
ถ้ายังเป็นเช่นนี้ เป้าหมายปลายปีฉีดให้ได้ 40-50 ล้านคน คงหมดหวัง
ไม่รู้ว่าเครดิตความเชื่อมั่นของผู้นำเจือจาง หรือการสื่อสารเข้าไม่ถึงประชาชน อาการแพนิก หวาดกลัวผลข้างเคียงเลยยังปกคลุมไปทั่ว
ข้อกังวล ข้อห่วงใย ออกมาเต็มโซเชียลไปหมด ถ้ามันเป็นเฟกนิวส์ ข้อเท็จจริงเบาบางไม่ควรเชื่อถือ รัฐบาลที่มีกองทัพนักรบไซเบอร์อยู่เต็มอัตราศึก ทำไมไม่ไปจัดการ “มลภาวะ” บั่นทอนความรู้สึกเหล่านั้น
หรือถ้ามองอีกแง่ การประชาสัมพันธ์อาจยังแทงไม่ทะลุหัวใจประชาชน
ลำพังให้คนมีชื่อเสียงออกมาพูด ให้คุณหมอช่วยชี้แจง อาจยังไม่พอ
หน่วยงาน องค์การ ที่เก่งงานด้านครีเอทีฟมีอยู่ใกล้ตัวมากมาย ทำไมไม่เรียกหามาช่วยเหลือ
สสส.ที่เคยทำหนังโฆษณาออกมาหลายชิ้นกระแทกความรู้สึกประชาชน จนคล้อยตาม ยอมจำนน หรือบริษัทประกันชีวิตบางแห่ง ที่ทำออกมาดีเยี่ยม คนดูน้ำตาไหลพราก
รูปแบบเช่นนี้ควรนำมาใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์เรื่องวัคซีน เพราะเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกันตามที่นายกฯว่าไว้อยู่แล้ว
...
ชั่วโมงนี้สิ่งเดียวที่รัฐบาลต้องการคือ “Confidence”
เหลือบไปดู “ลำปางโมเดล” ของ “ผู้ว่าฯหมูป่า” นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แล้วก็สะท้อนใจถึง “กลยุทธ์” เชิงบริหารจัดการที่แตกต่าง
ไม่ต้องจองเองเดี๋ยวจัดให้ไล่เคาะถึงประตูบ้าน
จังหวัดลำปางยอดตัวเลขคนจองฉีดวัคซีนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ จองไว้ถึง 2 แสนกว่าคน หากเทียบกับจังหวัดใกล้เคียงอย่างเชียงใหม่ที่มีการระบาดหนักกว่าเยอะ กลับมียอดจองเพียงแค่ประมาณ 2 หมื่นคนเท่านั้น
อาการร้อนรน ขมุกขมัว จับต้นชนปลายไม่ถูกของรัฐบาล เตรียมรอโดนถล่มซ้ำ ตามคิวเปิดสมัยประชุมสภา 22 พ.ค. ฝ่ายค้านใส่เกียร์ห้าเดินหน้าในจังหวะเพลี่ยงพล้ำ
ชงญัตติโควิด-19 อุ่นเครื่อง ตามด้วยลับมีดรอเชือดด้วยมาตรา 152 ขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ
แถมยังมีเรื่อง “ส่งกลิ่น” ชวนให้ลากไส้ชำแหละกันกลางสภาฯ หลัง นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ จำกัด (มหาชน) หรือ THG ออกมาทิ้งบอมบ์
สาเหตุที่โครงการนำเข้าวัคซีนทางเลือกของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนไม่คืบหน้ามาตั้งแต่ปีกลาย เพราะไปติดกึกติดกัก ต้องซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.)
คิดค่าบริหารจัดการ 5-10% บวกเสีย VAT อีก 7%
แม้เครือ รพ.ธนบุรี กรุ๊ป หรือ THG จะร่อนเอกสารชี้แจงว่าที่ “หมอบุญ” ลั่นออกไปไม่เป็นความจริง แต่ก็ “Too Late” สายเกินไป คนเชื่อกันหมดแล้ว
ระดับเบอร์ใหญ่สายโรงหมอออกมาเล่นเอง ความน่าเชื่อถือสูงปรี๊ด
ล้อกับภาวะคาราคาซังการขึ้นทะเบียนวัคซีนในไทย ที่วันนี้ยังมีแค่ 3 ยี่ห้อ “แอสตราเซเนกา-ซิโนแวค-จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” ส่วน “โมเดอร์นา” ที่ยื่นมานานแล้วยังค้างเติ่ง
“ไฟเซอร์-สปุตนิก” ที่รัฐบาลกำลังไปขอซื้อมากู้หน้าแก้วิกฤติก็ยังอึมครึม
น่าขุ่นเคืองไม่น้อยทั้งปัญหาวัคซีนทางเลือกของเอกชน และการขึ้นทะเบียนที่ชักช้าอืดอาด มันติดขัดอะไร ตรงไหนนักหนา
หากติดขัดระบบราชการ เช้าชาม เย็มชาม ก็ต้องเร่งขันนอตให้เครื่องฟิตสตาร์ตติดง่าย
กลัวก็แต่จะมีฝ่ายการเมืองไปเอี่ยวผลประโยชน์อย่างที่ระแวงกัน
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตัวใครตัวมัน เจอ “สึนามิ” ถล่มแน่.
ทีมข่าวการเมือง