“ปวดตับ” ลามจี๊ดไปถึง “ขั้วหัวใจ” เมื่อมีข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐอเมริการายงานว่า นายอัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทไฟเซอร์ ผู้ร่วมพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับบริษัทไบออนเทคของประเทศเยอรมนี ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงพนักงานไว้ในเว็บไซต์ของบริษัท

บ่งชี้ถึงการเอาระบบกำหนดราคาหลายระดับมาใช้กับการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 โดยขายในราคาแพงให้กับชาติที่พัฒนาแล้ว แต่จะลดระดับลงมาครึ่งหนึ่งสำหรับชาติที่มีรายได้ปานกลาง ส่วนชาติยากจนนั้นสามารถซื้อได้ในราคาทุน

แต่ที่ผ่านมามีเพียงชาติพัฒนาแล้วที่มั่งคั่ง ที่ออเดอร์วัคซีนไฟเซอร์

โดยนายอัลเบิร์ตย้ำด้วยว่า ตนเองพยายามติดต่อผู้นำของหลายชาติรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำหลายประเทศ ทางจดหมาย โทรศัพท์ หรือส่งข้อความสั้นเรียกร้องให้เร่งจองวัคซีนของบริษัท เพราะปริมาณการผลิตมีจำกัด

ชัดๆจากปากซีอีโอไฟเซอร์ มันก็ให้น่าเอะใจ รัฐบาลไทยไปอยู่ตรงไหนมา

สมมติถ้าไม่พลาดการติดต่อจากนายอัลเบิร์ต สั่งจองไฟเซอร์ตั้งแต่ต้นปีถึงกลางปี 2563 แบบที่รัฐบาลทั่วโลกขยับคิดกันข้ามช็อตล่วงหน้า เผื่อความเสี่ยงจองวัคซีนหลายยี่ห้อ ป่านนี้ประเทศไทยน่าจะฉีดให้ประชากรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โอกาสฟื้นเศรษฐกิจได้เร็ว

ไม่ต้องแหงนคอรอความหวัง ลุ้นตัวเลขลอยลมในอากาศ

ล่าสุด “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะ “ที่ปรึกษา” ทีมจัดหาวัคซีนทางเลือก เพิ่งตีปี๊บภาพข่าวการเจรจากับตัวแทนทีมไฟเซอร์

ประกาศล่วงหน้าอย่างกระหยิ่มใจ ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 10–20 ล้านโดส เริ่มส่งได้ตั้งแต่ ไตรมาสที่ 3–4 ปีนี้ โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับบริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย เป็นไปด้วยดี อย.จะอำนวยความสะดวกการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์ ให้เร็วที่สุด

...

แถมติดแฮชแท็ก#ไม่ผูกขาดวัคซีน

กู้หน้าแก้กระแส ไทยมีแต่วัคซีน “แอสตราเซเนกา” กับ “ซิโนแวค” ที่ไหลมาแบบกะปริบกะปรอย

ปลอบใจคนไทยให้มีความหวังกับตัวเลขลอยๆ ยังไม่ได้มีวัคซีนอยู่ในมือ

ท่ามกลางการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสมรณะที่ลามเร็ว สวนทางหักมุมกับวัคซีนที่ล่าช้า สถานการณ์คับขันแบบที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงออกอากาศยอมรับเป็นห่วงเตียงรองรับผู้ป่วยไอซียูไม่เพียงพอกับผู้ป่วยหนักจากภาวะปอดอักเสบพุ่งต่อเนื่อง

ล้อกับผู้ติดเชื้อรายวันยังไต่ระดับหลัก 1-2 พัน ยอดตายทุกวัน 20-30 ศพ

โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ส่อเอาไม่อยู่ ลามไม่หยุดตามคลัสเตอร์ระบาดที่โผล่เป็นดอกเห็ด กระจายไปกว่า 10 เขต ทั้งชุมชนแออัดคลองเตย บ่อนไก่ ปทุมวัน แฟลตดินแดง ตลาดสดเขตดุสิต ลาดพร้าว จตุจักร บางแค ห้วยขวาง วังทองหลาง ป้อมปราบฯ พระนคร ฯลฯ

โจทย์ยากท้าเดิมพันสูงๆ ผู้นำที่เล่นบท “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว”

ตามสถานะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ยึดแท่นประธานศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล แยกย่อยจาก ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อบูรณาการการทำงาน ดึงอำนาจสั่งการตรงผู้อำนวยการเขต 50 เขต กทม.ต่อเนื่องกับเวนคืนอำนาจ ครม.

ผู้นำโหลดน้ำหนักหลังแอ่น แต่กลับไม่เห็นผลเชิงบวกชัดนัก

ตามฉากตรงหน้ายังวิ่งตามแก้ปัญหา ไล่อุดช่องโหว่กันหน้างาน

ฉุกละหุก ย้อนแย้งในเชิงปฏิบัติ แบบที่ขอความร่วมมือไม่ให้คนออกจากบ้าน สั่งเวิร์กฟรอมโฮมยาว 14 วัน แต่ไฟต์บังคับคนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต้องเดินทางไปตรวจเชื้อตามจุดที่ กทม.จัดไว้ให้

ศบค.กับ กทม.ไม่ได้เร่งยกระดับไล่ตรวจเชิงรุก แทนที่จะกระจายจุดตรวจคุมทั่วพื้นที่ กทม. เพื่อล็อกไม่ให้คนเดินทาง เสี่ยงต่อการเคลื่อนย้ายแพร่เชื้อลามเพิ่มความยากในการสกัด

พอพบจุดระบาดก็สั่งปิดตลาด ล็อกพื้นที่ ทำร้านค้าเจ๊ง ธุรกิจตายสนิท

โดยรูปการณ์ที่ ศบค.กับ กทม.ทำได้แค่ไล่ตามเช็กผู้ติดเชื้อรายวัน การฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ไม่รู้จะล่าช้าอีกนานแค่ไหน

รัฐบาลต้องกู้มาเยียวยาอีกเป็นแสนล้าน ล้านล้าน ไม่รู้จะพอหรือไม่

แต่ที่ยังไงก็ไม่พอแน่ กับการลากเส้นทางไปต่อในเกมอำนาจ สะท้อนจากมุกแฝงโควิดหาเสียง ตามปมที่ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐแฉเอง วัคซีนถูกล็อกไปไว้กับขาใหญ่ในชุมชนคลองเตย คุมคิวฉีดให้ประชาชน หวังผลล็อกคะแนนนิยม

ต่อเนื่องกับช็อตที่เฟซบุ๊กนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความ “โดยใช้เงินภาษีของท่านทุกคน” พร้อมภาพโปสเตอร์อักษรตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม “สถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการแก้ไขการระบาดเชื้อไวรัสโควิดชุมชนคลองเตย ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร”

ใช้วิกฤติเป็นโอกาสปั่นแต้ม.

ทีมข่าวการเมือง