การทำประชามติ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของ ประชาชนในการสถาปนารัฐธรรมนูญ และ เป็นอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้โดยการทำตามขั้นตอนคือ การทำประชามติ ก่อนที่จะยกร่างแก้ไขและลงประชามติหลังจากที่มีการแก้ไขแล้ว
อันที่จริงถ้าจะเริ่มต้นตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญหมวดที่ 15 มาตรา 255 และ 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คงไม่มีอะไรยุ่งยากลำบากถ้าคิดกันตื้นๆแค่ชั้นเดียว
แต่ถ้าลงลึกไปกว่านั้นจะเห็นความหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในที่นี้หมายถึงไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ทั้งฉบับ ต้องแก้ไขเป็นรายมาตรา และต้องมีเสียงสนับสนุนทั้งในชั้นของ ส.ส. และ ส.ว.ที่ค่อนข้างจะยาก หากการแก้ไขมาตราใดมาตราหนึ่งกระทบกับเสถียรภาพของ ส.ส. และ ส.ว.ที่หมกเม็ดเอาไว้คือ คนนอกที่ไม่ใช่ ส.ส. และ ส.ว.จะมาแก้ไขไม่ได้หมายถึงการที่จะเลือกตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาเพื่อให้ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้อีก
ความข้อนี้จะไปขัดกับหลักรัฐธรรมนูญที่ว่า ประชาชนมีอำนาจในการ สถาปนารัฐธรรมนูญ เพราะในทางปฏิบัติประชาชนก็ไม่เคยมีส่วนรับรู้และสถาปนารัฐธรรมนูญเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ จับมัดมือชกให้ต้องลงประชามติ ทั้งก่อนและหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่ไม่มีส่วนรับรู้รับทราบ เป็นความประหลาดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขอยู่แล้ว
วิธีที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มีอยู่หนทางเดียว คือ ฉีกรัฐธรรมนูญ
และคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญได้ก็มีอยู่แค่คนกลุ่มเดียว คือ กองทัพ เท่ากับว่าอำนาจการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ในมือประชาชน ไม่มีอยู่จริง
...
เพราะฉะนั้นต่อให้เราเสียเวลาพยายามที่จะแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างไร ไม่มีทางสำเร็จตามจุดประสงค์ของประชาชน มีคำถามว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วชาวบ้านได้อะไร มีคำตอบว่า แก้รัฐธรรมนูญเพื่อที่จะได้อำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ตามที่ประชาชนพึงประสงค์
เพื่อเศรษฐกิจที่ดี ปากท้องที่ดี ระบบยุติธรรมที่ดี สังคมที่ดีและอนาคตที่ดี

ตัดภาพมาที่การ ฉีดวัคซีนเข็มแรก ท่ามกลางความภาคภูมิใจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ครม.ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกก่อน เป็นหน้าเป็นตาของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ที่ไม่ต้องเสียหน้าจากการจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับชาวบ้านอีกต่อไป
คำถามคือแล้วชาวบ้านได้อะไร ในเมื่อชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำก็ต้องเสี่ยงกับติดเชื้อโควิด-19 กันต่อไป เพราะการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่เพราะนายกฯ หรือ ครม.ได้รับการฉีดวัคซีน แต่คนไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ที่เสียเงินภาษีซื้อวัคซีนกันไปเป็นหมื่นล้านแล้วชาวบ้านได้อะไรมากกว่า.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th