โควิด-19 ยังไม่จบ จำให้ดี อย่าการ์ดตก แม้ประเทศไทยจะแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ค่อนข้างดีจนได้รับการยอมรับจากนานาชาติ โดยเฉพาะองค์การอนามัยโลกยกย่องชมเชย
นั่นเป็นด้านหนึ่งในมุมที่ดี
เวลานี้ทั้งโลกกำลังรอยาวิเศษ คือ “วัคซีน” ที่มีความจำเป็นและจะทำให้สถานการณ์โควิด-19 สงบลงได้อย่างเป็นรูปธรรม
พูดง่ายๆก็คือ สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้
นี่แหละคือความต้องการสูงสุด
ล่าสุดรัฐบาลไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ลงนามกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจากประเทศอังกฤษ ซึ่งมีความก้าวหน้าที่สุดในการวิจัยจนค้นพบวัคซีน
เป็นความสำเร็จที่อยู่บนความคาดหวังของผู้คนเท่ากับเป็นการการันตีว่า หากสามารถประสบความสำเร็จผลิตวัคซีนได้ตามมาตรฐานไทยก็จะได้ยาตัวนี้มาฉีดให้กับคนไทย
คาดกันว่ากลางปี 2564 น่าจะได้ใช้
ก็นับวันนับคืนกันไปก่อนด้วยความหวัง แต่อย่างน้อยการที่รัฐบาลเตรียมการเรื่องนี้ล่วงหน้าเอาไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
หากเอา 2 อย่างนี้มาเป็นฐานสำคัญของประเทศ คือ 1.ป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.หากวัคซีนสำเร็จคนไทยจะได้ใช้อย่างแน่นอน
นั่นเท่ากับว่าไทยมีความพร้อมทุกด้าน
นั่นคือศักยภาพที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ก่อนที่จะมองไปข้างหน้าด้วยความหวังในสิ่งที่ดี แต่ต้องไม่ลืมว่าสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก
แม้แต่ประเทศไทยเองก็ตาม เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมาที่เกิดการแพร่ระบาดในระดับที่น่ากังวลใจไม่น้อย
...
ยิ่งพื้นที่ติดต่อระหว่างไทยกับเมียนมานั้นยาวและต่อเนื่องกันตลอดแนวด้านตะวันตกหลายจังหวัด
“แม่สอด” ซึ่งเป็นชายแดนติดต่อมีเพียงแม่นํ้ากั้นกลางเท่านั้น โดยใช้สะพานข้ามแม่นํ้าเมยที่ผ่านไปมาที่จังหวัดตาก
และที่จังหวัดเชียงรายพื้นที่ติดต่อกันหลายเส้นทางเวลานี้มีคนไทยที่เข้าไปในเมียนมาแล้วเดินทางกลับมาพร้อมกับติดเชื้อโควิด-19 ด้วย
ปัญหาสำคัญก็คือ ไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่หลบเข้ามาทำให้ไม่สามารถผ่านขั้นตอนการตรวจเชื้ออย่างเป็นทางการ
ก็เลยเกิดปัญหาที่น่าห่วงใยยิ่ง เพราะอาจจะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างได้
ที่สำคัญก็คือ ไทม์ไลน์ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจพบนั้น ปรากฏคนไทยที่ติดเชื้อมาจากเมียนมานั้นไม่มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
เพราะแม้จะรู้ตัวว่าติดเชื้อ แต่ก็ยังเดินทางไปในสถานที่ต่างๆหลายจังหวัด ดังนั้นโอกาสที่เชื้อจะแพร่ระบาดจึงเป็นไปได้สูง
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องดูแลเข้มงวดให้มากขึ้น ที่สำคัญเพื่อไม่ให้เกิดอาการวิตกกังวลหมู่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกำราบให้อยู่หมัด
ด้วยบทลงโทษที่หนักเพื่อจะได้ตระหนักและมีความรับผิดชอบต่อสังคม.
“สายล่อฟ้า”