"บิ๊กตู่” ยังยืนหนึ่ง ไม่หลงเกมอีกฝ่าย 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน แม้สถานการณ์การเมืองจะเปลี่ยนผ่าน มีการชุมนุมหลาย แห่งหลายสถานที่จะยกระดับเพิ่มเพดานอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเป็นม็อบหลายชื่อ พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายไม่เอารัฐบาลก็ยังยํ้าข้อเรียกร้องนี้มาอย่างต่อเนื่อง

ความจริงแล้วประเด็นนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ยอมลาออก ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองอย่างที่ต้องการ

สรุปก็คือ ขอให้ “ลาออก” อะไรที่จะตามมาค่อยว่ากันอีกที

พูดง่ายๆก็คือไม่ได้มีผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปสถาบัน แต่หวังผลให้การเมืองเกิดปัญหาและยุ่งยากมากขึ้น

ถอดรหัสออกมาในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยนั้น ถือว่ามีได้มีเสียในเกมนี้

หาก พล.อ.ประยุทธ์ยอมลาออกด้วยแรงกดดันที่ระบุว่าคือ “ตัวปัญหา” ก็จะทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลทั้งหมด

จากนั้นก็ต้องมีการเลือกนายกฯคนใหม่เพื่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่

กติกากำหนดเอาไว้ว่าจะต้องมีการโหวตนายกฯกันใหม่จากรายชื่อตัวแทนของพรรคการเมืองที่อยู่ในบัญชีที่เสนอเอาไว้แล้ว

“เพื่อไทย” มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ

“ภูมิใจไทย” คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล

“ประชาธิปัตย์” คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

รายชื่อเหล่านี้แม้จะมีสิทธิที่จะเป็นนายกฯได้ แต่จะต้องมีเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนฯมากที่สุด

รวมถึง ส.ว. 250 คน ก็มีสิทธิที่จะยกมือโหวตในรัฐสภาด้วย

ใครที่จะได้เป็นนายกฯคนใหม่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องไป รวบรวมเสียงจากพรรคการเมืองและวุฒิสภาด้วย

...

ที่สำคัญก็คือ การรวบรวมเสียงจากสภาผู้แทนฯ ซึ่งแยกเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลให้ยกมือสนับสนุน

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองด้วยหากจะสนับสนุนรายชื่อจากฝ่ายค้านและคนในรัฐบาลก็ตาม

นี่คือช่องทางหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าจะเป็นโอกาส

อันหมายพรรคฝ่ายค้านอื่นๆที่หวังว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่ากับเป็นการยกระดับการต่อสู้ไปอีกขั้นหนึ่ง

เช่นกัน ฝ่ายผู้มีอำนาจก็คงอ่านเกมออกและยืนยันให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่ต่อไปไม่ต้องให้เกิดปัญหาถือว่าเป็นปราการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

จึงไม่แปลกที่มีความพยายามที่จะชี้เป้าไปที่วันที่ 2 ธ.ค.63 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดี “บ้านหลวง” ถึงกับคาดล่วงหน้าเลยว่า “หลุดแน่”

โยงไปสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่พ้นจาก ตำแหน่งด้วยคดี “ชิมไปบ่นไป” ด้วยคิดว่าเป็นการ “ปลดล็อก” การเมือง

ลืมไปว่าบริบทการเมืองวันนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง.

“สายล่อฟ้า”