“สมศักดิ์” แย้มก๊วนอกหักวืดเก้าอี้ รมต.จ่อป่วน อาจทำสภาฯเกิดอาฟเตอร์ช็อก 1-2 สัปดาห์ ยังเชื่อทำใจได้ไม่ใช่รักแรกพบ เปิดเก้าอี้ รมช.แรงงานไม่ใช่เรื่องผิดปกติ “เสรีฯ” ดักคอรัฐบาลอย่ามายึกยักแก้ รธน. พท.ชี้ศึกประชิดซื้อเวลาไม่ได้แล้ว ปชป.ลุยถกแก้มาตรา 256 ในวง ส.ส. “เทพไท” จวก ส.ว.เสพติดอำนาจขวางลำชาวบ้าน “พรเพชร” รีบโต้ไม่ได้เสพติด แจงไม่ได้รับซิกนายกฯ-“วิษณุ” เตือนรัฐบาลอย่าใช้วิธีรุนแรงกับ นศ. “วันชัย” นกรู้ชงทุกฝ่ายจับเข่าคุยกัน โพลชี้คนหนุน “เยาวชนปลดแอก” เป็นพลังบริสุทธิ์เรียกร้องเพื่ออนาคต มองดัชนีคุณธรรมบิ๊กการเมืองหดจู๋กระแสร้อนทางการเมือง โดยเฉพาะการปรับ ครม. สังคมยังคงให้ความสนใจติดตามอยู่ ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกตัวว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้อาจมีแกนนำพรรค พปชร.บางส่วนต้องพลาดหวังในตำแหน่ง อาจทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกกระทบต่อการทำงานในสภาฯ 1-2 อาทิตย์“สมศักดิ์” แย้มก๊วนอกหักจ่อป่วนเมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รายชื่อทั้งหมดที่ปรากฏยังคงต้องรอความชัดเจนภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่พรรคไม่มีปัญหากับการปรับ ครม.ครั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทุกคนให้เกียรตินายกรัฐมนตรี ส่วนกรณีแกนนำพรรคบางส่วนที่พลาดหวังในตำแหน่ง ยอมรับว่าอาจจะมี 1-2 ครั้งที่อาจกระทบต่อการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร แต่หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา ผู้ที่พลาดหวังจากการปรับ ครม.ครั้งนี้ เหมือนกับคนอกหัก ที่อาจจะช็อก แต่ 1-2 อาทิตย์ก็หาย คงไม่ใช้เวลานานเพราะไม่ใช่รักแรกพบ น่าจะทำใจได้เร็ว เนื่องจากการปรับ ครม.มีมาหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จึงมีประสบการณ์เปิดเก้าอี้ รมช.แรงงานไม่ผิดปกตินายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสวิพากษ์ วิจารณ์การเปิดตำแหน่ง รมช.แรงงาน เพื่อแก้ปัญหาภายในพรรค พปชร.ที่จัดสรรคนไม่ลงตัวนั้น ยังไม่ทราบว่ามีการเปิดตำแหน่ง รมช.แรงงาน แต่ถึงจะเปิดตำแหน่งดังกล่าวจริงก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ น่าจะเป็นการปรับเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 เนื่องจากมีคนตกงานจำนวนมาก จำเป็นต้องมีบุคลากรมาช่วยงานเพิ่มขึ้น แม้บุคคลดังกล่าวจะไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่สามารถทำได้ในฐานะผู้บริหารร่วมกับข้าราชการประจำ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสนใจเรื่องแรงงาน ส่วนการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่า กทม.ว่า ยังอยู่ในกระบวนการคัดสรรของพรรค ต้องหารือร่วมกับ ส.ส.กทม. ที่เป็นบุคลากรที่ทำงานในพื้นที่ ยังมีเวลา คาดว่าการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จะเกิดขึ้นก่อน “เสรีฯ” ดักคอ รบ.จริงใจแก้ รธน.ที่ จ.สมุทรปราการ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันนี้เห็นชัดเเล้วว่าสังคมไม่เอาด้วยกับวิธีบริหารประเทศของพวกยึดอำนาจ ดังนั้นการคืนอำนาจที่เเท้จริงให้ประชาชน คือเเก้รัฐธรรมนูญทันที เลิกคุกคามเยาวชน เเละยึดหลักกฎหมายที่ชอบธรรม เเต่วิธีง่ายที่สุดให้สังคมเดินหน้าเเบบไม่ขัดเเย้ง คือรัฐบาลต้องออกไป ฝ่ายค้านเสนอเเก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งเเต่ต้น เเต่ฝ่ายรัฐบาลยึกยักกว่าจะเริ่มต้นก็ช้าไปเเล้ว และยังจะนำมวลชนออกมาเชียร์กันเอง ขณะนี้นักเรียน นักศึกษาออกมาไล่รัฐบาลหลายจังหวัด น่าจะขยายตัว ยังดีที่หัวหน้ารัฐบาลยังพอมีจิตสำนึกบ้าง ยอมเปิดรับฟังความเห็น เเต่กว่าจะคิดได้ก็เกือบสายไปคงเพราะกังวลกับคะเเนนนิยมที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันความเห็นของคณะกรรมาธิการฯให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อให้มี ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ขอให้ทำจริงและจริงใจรับฟังทุกเสียงสะท้อน อย่ายึกยักเหมือนที่ผ่านมาพท.ชี้ศึกประชิดซื้อเวลาไม่ได้นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ) ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เปิดทางให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบว่า ถ้านายกฯมีความจริงใจจะถอดสลักความขัดแย้งจากสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มเยาวชน เพียงเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 เรื่องเร่งด่วน คือ 1.เปลี่ยนกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ คือ ส.ส.เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 2.ยกเลิกบทเฉพาะกาล ตัดสิทธิ ส.ว.ไม่ให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากแก้ 2 เรื่องนี้ ยังต้องใช้เวลานาน อาจพิจารณาใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 มาจัดการเลือกตั้งเพื่อหยุดความขัดแย้ง แล้วกลับมาแก้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ เชื่อมโยงองค์กรอิสระ โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยแท้ ทุกปัญหารอไม่ได้มีศึกประชิดรอบด้าน โมเดลซื้อเวลาจัดม็อบชนม็อบใช้ไม่ได้แล้วถ้าทุกฝ่ายร่วมกันไทยจะชนะนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า มีข้อเสนอต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนี้ 1.ทุกพรรคการเมือง ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ควรผลักดันร่วมกัน 2.การเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ก่อน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่อยากทราบว่าจะมีอะไรต่อ 3.ข้อเสนอให้มีตัวแทนประชาชนเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญ ในรูปแบบของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อาจใช้เวลาสักระยะในชั้นต้น ที่ทำได้เลยควรแก้ไขเนื้อหาบางเรื่อง เช่น ควรแก้ไขระบบการเลือกตั้งให้เป็นระบบที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน การคำนวณจำนวน ส.ส.หลังการเลือกตั้งไม่ซับซ้อน ทำให้ประกาศผลจำนวน ส.ส.ทั้งประเทศได้เร็วขึ้น จึงควรแก้ไขกลับไปใช้การเลือกตั้งระบบสัดส่วน และบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มีบางฝ่ายเห็นว่าควรแก้ไขบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเพื่อให้สภาฯพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของนักการเมือง แต่เป็นเรื่องของคนไทย เชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายร่วมกันทำงานอย่างสร้างสรรค์ คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม การแก้ไขมีทางสำเร็จ กติกาที่เป็นธรรมจะนำสู่ความปรองดอง และไทยจะชนะอย่างแท้จริง ปชป.ลุยถกแก้ ม.256 ในวง ส.ส.นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น เป็นพรรคเดียวที่ชูธงนำเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ตั้งแต่วันแรกที่ได้ประกาศจุดยืนพรรคได้ร่างญัตติขอแก้รัฐธรรมนูญไว้แล้วครบถ้วน ส่วนประเด็นการตั้ง ส.ส.ร.นั้น เชื่อว่าเมื่อมีการนำเสนอรายงานฉบับดังกล่าวเข้าสภาฯ ทุกพรรคจะมีการพูดคุยกัน เพราะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญควรนับหนึ่งได้แล้ว ควรเริ่มต้นได้ตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะมีการเรียกร้องจากนักศึกษาหรือไม่ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรเดินหน้า ในส่วนของพรรคจะหยิบยกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุม ส.ส.วันที่ 3 ส.ค.นี้“เทพไท” จวก ส.ว.เสพติดอำนาจนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และ กมธ.วิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ กล่าวว่า ประเด็นการให้เพิ่มหมวดการจัดตั้ง ส.ส.ร. เป็นความเห็นพ้องของคณะ กมธ.ทั้งหมด ที่ต้องการให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ เพราะ รัฐธรรมนูญปี 60 มีจุดอ่อนและจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขทุกหมวด ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ตนจะนำมติของ กมธ.รายงานต่อที่ประชุม ส.ส.พรรควันที่ 3 ส.ค. โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อผลักดันต่อในส่วนของรัฐบาล เป็นไปตามเงื่อนไข 3 ข้อที่ตัดสินใจร่วมรัฐบาล ส่วนประเด็นที่มี ส.ว.บางส่วน แสดงความไม่เห็นด้วยกับมติของ กมธ.ฯก็เป็นสิทธิ์ของ ส.ว.กลุ่มนั้นที่ไม่ต้องการเสียอำนาจ เพราะได้เสพติดอำนาจผ่านเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่มาจากการสืบทอดอำนาจของเผด็จการทุกยุคทุกสมัย แต่ยังมี ส.ว.บางส่วนเช่นกันที่เห็นว่าบ้านเมืองกำลังเดินเข้าสู่ทางตัน จึงอยากปลดล็อกให้บ้านเมือง“พรเพชร” โต้ครหาเสพติดอำนาจขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตามที่ฝ่ายการเมืองระบุว่า ส.ว.เสพติดอำนาจจึงไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญนั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง เราไม่ได้เสพติดอำนาจอะไร เพียงเเต่ถ้าจะแก้ไขอะไรคงต้องพูดคุยกันตามขั้นตอนกฎหมาย เท่าที่ฟัง ส.ว.มีจุดยืนว่าพร้อมแก้ไขเป็นรายมาตรา มาตราไหนเป็นปัญหาก็เสนอมา พูดคุยกันได้ ส่วนความเห็นที่ปรากฏผ่านสื่อเป็นเพียงข้อคิดเห็น ส.ว.แต่ละคน เท่าที่รับฟัง ส.ว. ถ้าจะยกเลิกรัฐธรรมนูญโดยให้ ส.ส.ร.มาร่างใหม่ทั้งหมดนั้น เท่าที่ฟังดูยังไม่มี ส.ว.บอกว่าเห็นด้วย เมื่อถามว่าที่ผ่านมาได้รับสัญญาณ หรือได้พูดคุยกับนายกฯและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพรเพชรตอบว่า ไม่มีการส่งสัญญาณอะไรมา ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกฯและนายวิษณุติงรัฐบาลอย่าใช้วิธีรุนแรงกับ นศ.นายพรเพชรกล่าวต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้หลายช่องทาง ถ้าผ่านช่องทางที่เป็นเรื่องของรัฐสภา ส.ว.ต้องมีส่วนในการแก้ไข “การจะไปกวาดทั้งหมดทิ้งไปจากรัฐธรรมนูญแล้วเอา ส.ส.ร.มาทำใหม่หมด คงยังไม่ใช่คำตอบ เพราะที่มาและสัดส่วนของ ส.ส.ร.ก็ยังไม่ชัดว่ามาอย่างไร และยังไม่มีใครรู้ว่า ส.ส.ร.จะทำให้รัฐธรรมนูญดีขึ้นตามที่เราต้องการหรือไม่” เมื่อถามถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มนิสิต นักศึกษา นายพรเพชรตอบว่า ยืนยันว่า ส.ว.ให้ความสำคัญกับการรับฟังนักศึกษา และ ส.ว.ได้ส่งสัญญาณขอให้รัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรงให้เกิดข้อพิพาทขึ้นมา ที่สำคัญรัฐบาลต้องป้องกันกลุ่มบุคคลที่ 3-4-5 ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ด้วย “วันชัย” นกรู้ชงจับเข่าคุยแก้ รธน.นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เหตุการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ชักไม่สงบเรียบร้อย มีการเคลื่อนไหวชุมนุม ปัญหาเศรษฐกิจ การเมืองรุมเร้าเป็นไฟลนก้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นแรงขึ้นมา ที่ผ่านมาเป็นการเมืองแบบผสมผสาน แต่ไปๆมาๆไม่ได้เป็นไปดังหวัง ต่างฝ่ายต่างเข้ามาแย่งชิงอำนาจจนประชาชนเอือมระอา ถ้าใครคิดจะแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติคงอยู่ลำบาก คงตายลูกเดียว ครั้นจะผสมผสานจะกระเดือกไปได้สักกี่น้ำ มีแนวโน้มต้องส่งต่อให้เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคงโดยเร็ว ในรัฐธรรมนูญที่ใช้มา 1-2 ปี เชื่อว่าทุกฝ่ายจะเห็นปัญหา ทั้งรัฐบาล ส.ส. ส.ว. ได้รู้ได้เห็นมาหมดแล้ว คงไม่จำเป็นต้องรอกันต่อไป อะไรทำได้ไม่ได้ เพื่อบ้านเมือง เพื่อประโยชน์ของประชาชน คงต้องรีบมานั่งพูดคุยกัน สิ่งใดควรแก้ไม่ควรแก้ตรงไหน อย่างไร และใครต้องทำอย่างไรก็ว่ากันมา เชื่อว่าเป็นเป้าหมายของทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ถ้ามองความต้องการและความสงบเรียบร้อยประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องอื่นไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้รัฐธรรมนูญ ที่เราคิดกันมาโดยตลอดว่าสถานการณ์ตอนนั้นใช่ แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่ก็ได้ มันถึงเวลาเสียแล้วกระมัง”พปชร.ยื้อขอแก้เฉพาะที่จำเป็นด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตามที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า การแก้รัฐธรรมนูญขยับได้เพราะม็อบนักศึกษาช่วยกดดันนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่เกี่ยวกับม็อบนักศึกษาตามที่กล่าวอ้าง ไม่ได้คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ แต่อยากให้แก้เฉพาะที่เป็นปัญหา ไม่ใช่รื้อทั้งฉบับ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อดีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันทุจริต ควรจะแก้เท่าที่จำเป็นไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้รับความร่วมมือจาก ส.ว. รวมถึงประชาชนส่วนใหญ่ จนสุดท้ายอาจไม่สามารถแก้ไขได้เลย อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติ หากจะแก้ต้องถามคนเกือบ 16 ล้านคนด้วย ไม่ใช่นึกจะแก้ตามใจบางพรรค หรือบางกลุ่มการเมือง มีปัญหาตรงไหนแก้ตรงนั้น ที่สำคัญขอให้แก้เพื่อประชาชนทุกคน อย่าแก้เพื่อการเมืองอย่างเดียว เด็กปัตตานีชุมนุมมัสยิดกรือเซะที่มัสยิดกรือเซะ อ.เมืองปัตตานี มีกลุ่มเยาวชนปัตตานี นิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชนเกือบ 200 คน พร้อมใจสวมชุดมลายู รวมตัวแสดงจุดยืนเจตนารมณ์และอำนาจประชาชน มีแนวร่วมสลับกันขึ้นเวทีอภิปรายโจมตีรัฐบาล การบริหารจัดการไร้คุณภาพ การจัดการอุตสาหกรรมจะนะไม่มีความชอบธรรม การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปัตตานี คอยเฝ้าสังเกตการณ์และคุมเข้มรักษาความปลอดภัย นายสุไฮมี ดูสะละ ผู้เข้าร่วมชุมนุมกล่าวว่า การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นการชักชวนกันมา ไม่มีเจ้าภาพชัดเจน เราเป็นคนในพื้นที่ควรมีส่วนร่วมในการแสดงออกทางการเมืองเช่นเยาวชนปลดแอก แสดงออกตามหลักการประชาธิปไตย โดยอยู่ในกรอบของฝ่ายปกครองและเวลาที่เหมาะสมโพลชี้คนหนุน “เยาวชนปลดแอก”ขณะที่นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 1,250 ตัวอย่าง เรื่อง “ม็อบเยาวชนปลดแอก” พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 26.16 มองว่าการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่กระจายไปทั่วประเทศ เป็นสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม หากปราศจากอาวุธและความรุนแรง รองลงมามองว่า เป็นสิทธิ–เสรีภาพหากไม่กระทำผิดกฎหมาย เป็นการชุมนุมของพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษา เป็นการจัดชุมนุมเพื่ออนาคตของประเทศ เพื่อสนับสนุนประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการ และคนส่วนใหญ่ร้อยละ 34.72 แสดงความเห็นด้วยมาก เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของกลุ่มเยาวชน และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้ ร้อยละ 19.28 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 18.08 ที่ไม่ค่อยเห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 42.72 เห็นว่า นายกฯควรลงไปรับฟังปัญหาจากกลุ่มนักศึกษาด้วยตนเอง รองลงมาเห็นว่าควรยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ทันที และควรรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่สนใจปากท้อง–ยุติธรรมไทยสวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 1,109 คน เรื่อง “ข่าวที่ประชาชนสนใจ ณ วันนี้” พบว่าประชาชนสนใจข่าวเรื่องปากท้องมากที่สุด รองลงมาคือโควิด-19 คดี “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา การชุมนุมประท้วง และการปรับ ครม. โดยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ทำให้ผู้คนสนใจติดตามข่าวเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองมาก และยังให้ความสนใจกับระบบยุติธรรมของไทยที่มีช่องโหว่ให้เห็นว่ามีความสองมาตรฐานเกิดขึ้น ข่าวการชุมนุมประท้วงแบบแฟลชม็อบรวมถึงการปรับ ครม.มองบิ๊กการเมืองคุณธรรมน้อยนายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ธรรมะ คือ ทางออก” ส่วนใหญ่เห็นว่าระดับการปฏิบัติธรรมและคุณธรรมของผู้ใหญ่ทางการเมือง มีน้อยถึงไม่มีเลย เพราะโกง คิดคด ทรยศ หักหลัง เสร็จนาฆ่าโคถึก กดดัน เบียดเบียนผู้อื่น คุกคามประชาชน ข่มเหงจิตใจเพื่อนร่วมงานผู้บริสุทธิ์ คิดจะถอนทุนคืน แก่งแย่งตำแหน่ง ขณะประชาชนเดือดร้อน ทุกข์ยาก และไม่เคยเห็นประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มีความเป็นไปได้ที่จะมีม็อบการชุมนุมของกลุ่มต่างๆเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นต่อการปรับ ครม.ครั้งนี้ เพราะเป็นการปรับด้วยเหตุผลทางการเมืองภายในพรรค ไม่ใช่ยึดการแก้ปัญหาเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน และไม่เห็นว่ารัฐมนตรีชุดใหม่ตามข่าวมีอะไรที่ดีกว่าชุดเดิม ขณะที่ผลสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า ข้อความที่กลุ่มเยาวชนปลดแอกใช้และได้รับความนิยมสูง อาทิ “เยาวชนปลดแอก” “ให้มันจบที่รุ่นเรา” “ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”งง ป.ป.ช.ไม่กล้าแตะ “ครม.ตู่ 1”อีกเรื่อง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 กล่าวว่า จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงต่อ กมธ.งบฯ ทำให้มีข้อสงสัยว่าทำไม ป.ป.ช.จึงไม่ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชุดแรก ที่ไม่ยอมแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หลังรัฐธรรมนูญปี 60 มีผลบังคับใช้ ณ วันที่ 6 เม.ย.2560 ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่า เมื่อใช้รัฐธรรมนูญใหม่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยังคงอยู่ต่อไป ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ก็มิได้โต้แย้ง ถือว่าแปลกมากที่ ป.ป.ช.ไม่ใช้กฎหมายดังกล่าว ดำเนินการกับ ครม. “ประยุทธ์ 1” และ สนช. ทั้งที่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันไว้ และมีคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมืองเป็นบรรทัดฐานแล้วหลายคดี ติดตามเรื่องนี้มาพอควร มีการปรึกษาเรื่องนี้กับทนายความ และอดีตผู้พิพากษาแล้ว เห็นตรงกันว่าเรื่องนี้มีมูลที่ควรส่งให้ศาลตัดสิน ไม่ปล่อยให้คดีขาดอายุความ ดังนั้นจะส่งหนังสือไปยัง ป.ป.ช. ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาพิพากษาต่อไป “เจ๊หน่อย” ลุยหาเสียงซ่อมปากน้ำเวลา 15.00 น. ที่การเคหะแห่งชาติบางพลี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 พรรคเพื่อไทย หาเสียง จากนั้นคณะได้ไปเดินตลาดคลองด่านสอบถามถึงปัญหาการค้าขาย เศรษฐกิจปากท้อง มีประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และระบายถึงความยากลำบากในการทำมาหากิน โดยคุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า หากต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ เลือกนางสลิลทิพย์ ผู้สมัครของพรรค