องค์กรต้านโกงขวางสุพจน์
“บิ๊กป้อม” สวมบท หน.พปชร.ล่วงหน้า ขอบคุณทุกคะแนนเสียงคนลำปางเพิ่ม ส.ส. ให้ 1 เสียง ชม “ธรรมนัส” หัวหอกฟื้นศรัทธา “อนุชา” เคลมเป็นนิมิตหมายที่ดีรับเปลี่ยน กก.บห.ใหม่ “นฤมล” พูดแทนนายกฯยินดีด้วยกับชัยชนะ “เสรีพิศุทธ์” จ่อร้อง กกต.ทุจริตเลือกตั้ง จับพิรุธคนใช้สิทธิเว่อร์เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์เท่าเลือกตั้งใหญ่ มีซื้อบัตร ปชช.ผีโผล่กาบัตรแทนคนไม่มา ฉะหน้าด้านกล้าทำทุกอย่าง “ประวิตร” บินแก้ภัยแล้งก่อนเข้าคูหา 2 วัน เข้าข่ายสัญญาจะให้ผลประโยชน์ พรรคเล็กซัดกันนัวอ้างชื่อหนุน “เต้” นั่ง รมต. “เสี่ยติ่ง” ยันพรรคเล็กไม่ขอโควตารอบนี้ ปัดไม่เกี่ยวข้องกลุ่มอดีตฝ่ายค้านอิสระ ฝ่ายค้านจี้รีบปรับ ครม.ให้จบ ยื้อไว้อึมครึม รมต.เกียร์ว่าง แก้เศรษฐกิจชะงัก “พิชัย” ยุโละทิ้งทีม “สมคิด” ล้มเหลว เบิร์ธเดย์ “ปู” 53 ปี อวยพรคนไทยพ้นภัยโควิด-พิษ ศก.
จากกรณีผู้สมัคร ส.ส.เลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปางของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีชัยชนะเหนือคู่แข่งท่วมท้นเกือบเท่าตัว จนแกนนำพรรคพลังประชารัฐอ้างว่าเป็นเพราะประชาชนเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค และเป็นนิมิตหมายที่ดีสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
“ประวิตร”ขอบคุณทุกเสียงคนลำปาง
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 จ.ลำปาง ที่นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครของพรรคได้รับชัยชนะว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวลำปางทุกคน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ จนได้รับคะแนนห่างจากคู่แข่งเกือบเท่าตัว พรรคพลังประชารัฐพร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนทุกภาคส่วนทั่วประเทศ เพื่อให้อยู่ดีกินดี ขณะเดียวกันขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่อำนวยความสะดวกทำให้การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
...

ยอ “ธรรมนัส” หัวหอกพลิกฟื้นศรัทธา
พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัดทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนโยบายการแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ประสบภัยแล้งในหลายจังหวัด ขณะนี้รัฐบาลกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำกิน น้ำใช้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังขอขอบคุณทีมงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ครั้งนี้ด้วย รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ในฐานะกำลังสำคัญในการช่วยผู้สมัครหาเสียงและลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน จนทำให้ประชาชนเชื่อและศรัทธาพรรคพลังประชารัฐอย่างที่ปรากฏผลคะแนนออกมาแล้ว
“อนุชา”เคลมนิมิตหมายดีเปลี่ยน กก.บห.
นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปาง ว่า ขอขอบคุณชาว จ.ลำปางทุกคนที่ลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ จนได้รับคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งเกือบเท่าตัว เป็นปรากฏการณ์ และนิมิตหมายที่ดี ที่ชนะการเลือกตั้งที่ จ.ลำปาง เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงของพรรคพลังประชารัฐ ไปสู่สิ่งที่ดีสำหรับพี่น้องประชาชน และขอชื่นชมร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ดูแลการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด จนได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นจากพี่น้องชาวลำปาง เชื่อว่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศไว้ จะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
อวย “ประวิตร” แม่ทัพใหญ่แก้ภัยแล้ง
“เราเชื่อว่าเมื่อ ส.ส.ของพรรคกระจายไปในพื้นที่หลายๆจังหวัดได้มากขึ้น การดูแลให้พี่น้องประชาชนจะได้ทั่วถึงมากขึ้น และหวังว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นหัวหอกสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีมีสุข มีรายได้มั่นคงต่อไป ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความเชื่อในนโยบายของพรรคที่จะทำให้ประชาชนดีขึ้น ประกอบกับพรรคพลังประชารัฐมีประธานยุทธศาสตร์พรรคอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นกำลังหลักในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภัยแล้งเป็นเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่” นายอนุชากล่าว

โฆษก รบ.ระบุ “บิ๊กตู่” ยินดีกับชัยชนะ พปชร.
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมกับการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 แทนตำแหน่งที่ว่าง เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ไม่ว่าจะเป็น กกต.ทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด เจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่ และยินดีกับว่าที่ ส.ส.ใหม่คือนายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ และยินดีกับพรรคพลังประชารัฐด้วย พร้อมกันนี้ยังขอบคุณประชาชนชาวจังหวัดลำปางที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่ทราบว่ามีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก นายกฯย้ำว่า หน้าที่ของรัฐบาลต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎกติกาการเลือกตั้ง เราต้องเป็นกลางในการจัดการ มองว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวกับจัดการได้ดี คำนึงถึงมาตรการทางสาธารณสุข
วอน ส.ส.ช่วย ปชช.ในพื้นที่สู้โควิด
นางนฤมลกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ย้ำเสมอว่าพร้อมทำงานร่วมกับ ส.ส. และพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะการช่วยแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจให้ประชาชนทั้งประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้การแพร่ระบาดในประเทศไทยแม้จะเบาบางลงไปแล้ว แต่ทุกภาคส่วนรวมทั้งประชาชนยังต้องเฝ้าระวังไม่ให้การ์ดตก ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาอีก รัฐบาลจึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองเข้ามาช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะ ส.ส.ในพื้นที่ รัฐบาลยินดีรับข้อเสนอหรือข้อแนะนำจากทุกพรรคการเมือง เพื่อช่วยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน นับจากนี้ไปจะเป็นช่วงเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จะมีการจัดสรรงบประมาณและอาชีพที่จะเข้าไปช่วยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เมื่อทุกฝ่ายร่วมกันจะเป็นสิ่งที่ดียิ่ง เพื่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ
“เสรีพิศุทธ์”เฉ่งผีโผล่ลงคะแนนแทนกัน
เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปางที่ผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทยแพ้ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐว่า ขอบคุณทุกคะแนนจากประชาชนที่มอบให้ ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ ผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทย ถึง 37,781 คะแนนบริสุทธิ์ การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีข้อน่าสังเกตว่ามีผู้มาใช้สิทธิ 110,328 คน เกือบร้อยละ 80 ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 24 มี.ค.62 ที่มีผู้มาใช้สิทธิ 115,908 คน ทั้งที่ปกติการเลือกตั้งซ่อมทุกพื้นที่ มักไม่ค่อยมีผู้มาใช้สิทธิเกือบร้อยละ 80 แต่มีผู้มาใช้สิทธิเกือบเท่าของเดิม จากการประเมินที่มีการซื้อบัตรประชาชน จดเลขบัตรประชาชนจำนวนมาก เป็นที่แน่ชัดว่ามีการลงคะแนนแทนกัน ทั้งที่ผู้มาใช้สิทธิไม่มาลงคะแนน แต่มีการซื้อบัตรประชาชนไป การที่ผู้เข้าไปลงคะแนนต้องสวมหน้ากากเข้าไปและมีการเซ็นชื่ออย่างเดียว ไม่พิมพ์ ลายมือ ใครจะปลอมลายมือก็ได้ถ้ารู้เห็นเป็นใจกับผู้ตรวจบัตร
ฉะหน้าด้าน “ป้อม” บินแก้แล้งก่อน ลต. 2 วัน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ บริเวณด้านหลังคูหาลงคะแนนก็โปร่ง ไม่ทึบ คนมาลงคะแนนกลัว ไม่รู้จะถูกแอบถ่ายหรือไม่กล้าเปลี่ยนแปลงคะแนน เมื่อรับเงินหมาก็ต้องกาเบอร์หมา เท่าที่ลงพื้นที่มา พรรคได้รับเอกสารร้องเรียนและบัตรสนเท่ห์จำนวนมากเกี่ยวกับความไม่สุจริตในการเลือกตั้งซ่อม มีการกล่าวหานายอำเภอบางคนที่สนับสนุนให้การซื้อเสียง แม้จะเสนอให้ย้ายนายอำเภอคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ แต่ไม่มีการดำเนินการ จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปร้องเรียนต่อ กกต.ลำปาง และ กกต.กลางให้ตรวจสอบการเลือกตั้งซ่อมเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ ยิ่งก่อนการเลือกตั้ง 2 วัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เดินทางมาที่ อ.สบปราบ เชิญ ผวจ. นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นมาประชุมเรื่องภัยแล้ง ถามว่าเหตุใดต้องมาช่วงนี้ ทำไมไม่มาก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งหรือมาหลังเลือกตั้งซ่อมผ่านไปแล้ว การมาก่อนเลือกตั้ง 2 วัน เท่ากับมีการเสนอให้สัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์อื่นใดแก่ประชาชนหรือไม่ พวกนี้หน้าด้านกล้าทำทุกอย่าง ถ้าร้องไปยัง กกต.แล้วไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จะฟ้อง กกต.ต่อไป ไม่ได้แพ้แล้วโวยวาย แต่ต้องการให้รู้ว่าการเลือกตั้งมีทุจริต
อัดอย่าโหนชัยชนะไต่บันไดรวบอำนาจ
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จ.ลำปางว่า รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอ้างว่าชัยชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จ.ลำปาง เพราะประชาชนเชื่อมั่นนโยบายของพรรคว่า อย่าเอามาอ้างเลย ประชาชนทั้งประเทศเป็นประจักษ์พยานชัดเจนว่านโยบายขายฝันกับสิ่งที่ทำหลังได้เป็นรัฐบาล เหมือนหน้ามือกับหลังมือ ชัยชนะที่พรรคพลังประชารัฐได้รับ ตนเคารพสิทธิการตัดสินของชาวลำปางเขต 4 หวังว่า ส.ส.คนใหม่จะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน หากท่านจริงใจประชาชนย่อมกอดรับ
แต่ถ้าคิดจะฉวยโอกาสของชัยชนะครั้งนี้ เป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่งไปสู่การรวบอำนาจของท่าน ประชาชนจะลงโทษแน่นอน เมื่อได้ชัยชนะแล้วควรมุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่พรรคพวกและก๊กกลุ่มอำนาจของพวกท่าน ผู้แทนราษฎรเรามาจากประชาชนและไปด้วยประชาชน
“สิระ” ค้าน “เต้” ชงเปิดกาสิโนปั๊มเงิน
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เสนอเปิดบ่อนกาสิโน เพื่อเป็นช่องทางในการหาเงินเข้าประเทศ ชดเชยวิกฤติโควิด-19 ว่า ตนมีจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องการเปิดบ่อนเสรีมาโดยตลอด เพราะตนเชื่อว่าการพนันไม่ว่าจะในรูปแบบใด ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับใคร การที่นายมงคลกิตติ์ระบุว่า จะเป็นการสร้างรายได้ให้ประเทศ ตนเห็นค้านจากแนวคิดนี้ เพราะสุดท้ายแล้วการเปิดกาสิโนจะทำให้มีอิทธิพลนอกระบบเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก ประโยชน์จะตกอยู่ที่กลุ่มนายทุน ประชาชนและสังคมจะตกเป็นเหยื่อของการพนัน หลายๆประเทศสามารถหารายได้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้การพนันมาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่มีสถานที่ท่องเที่ยวในเกือบทุกจังหวัดเป็นจุดขายอยู่แล้วด้วย การขับเคลื่อนประเทศหลังวิกฤติโควิด รัฐบาลได้เตรียมรับมือไว้พร้อมอยู่แล้ว เห็นได้จาก พ.ร.ก.การกู้เงินที่เพิ่งผ่านการเห็นชอบจากสภาฯ เพราะฉะนั้นการเปิดบ่อนจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะสามารถนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้โดยไม่เอาการพนันเข้ามาช่วย

“ปารีณา” ซัดใครคิดเปิดบ่อนจ่อเสียคน
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอค้านการหาเงินเข้าประเทศด้วยวิธีนี้ เพราะการพนันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม เป็นการบ่อนทำลายสังคมในอนาคต ในอดีตมีนักธุรกิจวิ่งเต้นยอมจ่ายเงินมหาศาล เพื่อให้เปิดบ่อนการพนันกาสิโนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีนักการเมืองให้การสนับสนุนบ้างไม่ให้การสนับสนุนบ้าง รัฐบาลในอดีตรีรอเพราะถูกต่อต้านอย่างรุนแรง ดูอย่างเพื่อนบ้านบ่อนตามชายแดน จากข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เคยสัมภาษณ์มาแล้ว เรื่องตั้งบ่อนบังหน้าเบื้องหลังค้ายาเสพติด แถมมีคนไทยไปถือหุ้นอยู่ด้วย เป็นการสร้างความร่ำรวย เป็นธุรกิจบาป ทำลายชีวิต ทำลายครอบครัว จะส่งผลให้เกิดอาชญากรรมมากขึ้นในอนาคต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อ้างการทำบ่อนเพื่อหาเงินเข้าประเทศ ในอดีตการทำบ่อนถูกกฎหมายจะถูกต่อต้านและเงียบหายไป ใครคิดมาทำต่อ เตรียมตัวเสียคนได้เลย
“พิเชษฐ” กล่อมพวกหนุนคนรุ่นใหม่
นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวถึงกรณีมีพรรคเล็กหลายพรรคสนับสนุนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นรัฐมนตรีว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประกาศก้าวข้ามการเมือง เดินหน้าสู่การเมืองยุคนิวนอร์มอล พรรคเล็กได้หารือกันแล้วเห็นว่าขณะนี้มี 7 พรรคเล็กที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ทันสมัย นายมงคลกิตติ์เป็นรัฐมนตรี ส่วนอีก 2 พรรคเล็กนัดหารือวันที่ 24 มิ.ย. แม้มีเสียงคัดค้านจากพรรคเล็กบางพรรคในตอนนี้ ขอเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง สุดท้ายคงเห็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรวมพลังฟื้นฟูประเทศไทยหลังโควิด-19 ส่วนพรรคเล็กที่เหลืออีก 2 พรรคนำโดยนายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เตรียมนัดหารือในจังหวะที่เหมาะสม เชื่อมั่นพรรคเล็กเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนคนรุ่นใหม่ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของนายกฯพิจารณาความเหมาะสม
“เสี่ยติ่ง” บอกพรรคจิ๋วไม่ขอโควตารอบนี้
นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ในฐานะที่ปรึกษารองนายกฯและผู้ประสานงานพรรคเล็ก กล่าวถึงกรณีนายพิเชษฐ เตรียมเสนอชื่อนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นรัฐมนตรี ว่าในฐานะผู้ประสานงานพรรคเล็กมาเเต่ต้น ยืนยันไม่มีใครขอตำแหน่ง กลุ่มเราเหลือ 8-9 พรรคหลังนายมงคลกิตติ์และนายพิเชษฐเเยกไปตั้งตัวเป็นกลุ่มฝ่ายค้านอิสระเเล้ว พวกเราพูดคุยกันอยู่เรื่อยๆ รอบนี้คุยกันว่าไม่ควรจะเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีคราวหน้าค่อยว่ากัน บ้านเมืองมีปัญหาเยอะอยู่เเล้ว ถ้าไปเรียกร้องจะกระทบการทำงานของรัฐบาลยิ่งขึ้น เพื่อให้โอกาสนายกฯและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯแก้ปัญหาประเทศ คนเสนอตัวเองอยู่ที่ความคิดว่าตัวเองเหมาะสมหรือไม่ ไม่อยากวิจารณ์ข้ามพรรค
พท.จวกเกมยื้ออึมครึม–รมต.เกียร์ว่าง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุต้องการทำงบ 64 และปรับวิธีทำงานนิวนอร์มอลให้จบก่อน ถึงจะทำเรื่องปรับ ครม.นั้น กระแสข่าวปรับ ครม.ที่ไม่มีความชัดเจน ปล่อยให้อึมครึมนานๆจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐมนตรีที่มีข่าวจะถูกปรับออก คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานอะไร สภาพไม่น่าจะแค่เกียร์ว่าง บางกระทรวงอาจถึงขั้นล็อกเกียร์ ข้าราชการทำงานต่อลำบาก เพราะต้องลุ้นหลายขยักตั้งแต่ปรับโครงสร้างพรรครองรับการปรับ ครม. ปรับสัดส่วนโควตาพรรคร่วมรัฐบาลจนปั่นป่วนวุ่นวาย สร้างมุ้งดูด ส.ส.งูเห่า โชว์ตัวเลข รวมแต้มวางบิล ปั่นราคา ทวงโควตารัฐมนตรี ทำให้การเมืองไทยยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ เป็นพฤติการณ์โอลด์นอร์มอล ครม.เก่าหรือใหม่ อาจตอบโจทย์เพียงการเปลี่ยนตัวเล่นลากยาวอำนาจ แต่ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาของประเทศที่วิกฤติรอบด้าน รอไม่ได้ สุดท้ายทุกข์ของประชาชนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไวรัสโควิด คนไทยช่วยกันป้องกันได้ แต่ไวรัสการเมืองน้ำเน่าระบาด ถ้าไม่ปฏิรูปการเมืองจริงจัง ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นต้องหยุดโอลด์นอร์มอล สร้างนิวนอร์มอลด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจัง สร้างการมีส่วนร่วมและยึดโยงกับประชาชนทุกภาคส่วน

“พิชัย”สับฉุดแก้ ศก.ยิ่งหยุดชะงัก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ส่งข้อความทางไลน์แจ้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ว่าจะยังไม่ปรับ ครม.ช่วงนี้ เพื่อให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เสร็จสิ้นไปก่อนว่าในภาวะไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยน ครม. ทำให้การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เพราะตามข่าวที่ออกมาค่อนข้างแน่นอนว่าทีมงานของนายสมคิดจะต้องออกไป และคนใหม่ที่จะเข้ามาจะมีนโยบายเหมือนนายสมคิดหรือไม่ก็ไม่ทราบ อาจทำให้แนวทางบริหารเศรษฐกิจไม่ตรงกัน แต่หากทีมใหม่เข้ามาแล้วยังยึดแนวทางนายสมคิด จะล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา และเมื่อนายสมคิดวางแนวทางไว้แล้วถ้าทีมใหม่ปรับเปลี่ยนก็ยากต้องใช้เวลา
ยุรีบโละทิ้งทีมงาน “สมคิด” ล้มเหลว
นายพิชัยกล่าวอีกว่า ดังนั้นหาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเปลี่ยนจริงควรรีบดำเนินการ เพื่อให้เวลาในการปรับเปลี่ยนแนวนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐหากอยากปรับเปลี่ยน ครม.ในสัดส่วนของพรรคต้องรีบทำ เพราะถ้าปล่อยให้คนเดิมทำหน้าที่เดินหน้าใช้งบประมาณไปแล้วจะแก้ไขยาก สรุปแล้วสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบดำเนินการคือเร่งปรับ ครม.เพื่อให้ชุดเก่าที่พิสูจน์การทำงานแล้วว่าล้มเหลวได้ออกไปเพื่อเป็นผลดีของประเทศชาติ แต่รายชื่อผู้จะเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรีที่ปรากฏผ่านสื่อนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ นายกฯจึงต้องหาคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ และเป็นที่ยอมรับของคนในประเทศและต่างประเทศเข้ามาทำงานถึงจะแก้ปัญหาได้จริง
จวกมุ่งสร้างภาพแทนเสนอทางรอด
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ในช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกับพิษเศรษฐกิจหลังโควิด แทนที่จะได้เห็นนักการเมืองร่วมมือช่วยกันนำเสนอหาทางเลือกทางรอดให้ประชาชน แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นกลับตรงข้าม เพราะเมื่ออ่านบทสัมภาษณ์ผู้นำทางการเมืองช่วงนี้ ต่างกล่าวโจมตีและโยนความผิดกันไปมา คงเป็นไปตามความถนัดคนที่เก่งสร้างภาพด้วยการโยนผิดใส่คนอื่น ล้วนทำไปด้วยโมหจริตของปุถุชน ความจริงเป็นเช่นไร ผู้คนทั่วไปต่างรู้ดีไม่จำเป็นต้องแก้ต่าง ไม่จำเป็นต้องลงไป เกลือกกลั้วให้เปื้อนโคลน เพราะใครเป็นนักสร้างภาพ สร้างอีเวนต์ใครจริง ใครปลอม ใครริษยา ผู้คนเค้ารู้กันดี”
เล็งประชุมใหญ่ปรับทัพหลัง ก.ค.
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดประชุมสามัญประจำปีของพรรคว่า ขณะนี้พรรคกำลังกำหนดวาระการประชุม คาดว่าจะจัดประชุมสามัญประจำปีหลังการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 64 กลางเดือน ก.ค.เป็นต้นไป เมื่อถามว่ารองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่างอยู่ 3 ตำแหน่ง จำเป็นต้องปรับคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมดหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า โครงสร้างและจำนวนกรรมการบริหารพรรคคงไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนตัวบุคคลคงปรับปรุงให้เป็นไปตามโครงสร้างและข้อบังคับพรรค ยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีขั้วอำนาจ ผู้บริหารและสมาชิกพรรคสามัคคีร่วมมือกันทำงาน อาจมีความเห็นแตกต่างกันบ้างแต่ไม่ใช่แตกแยกและแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทุกคนยึดอุดมการณ์และเป้าหมายเป็นแกนนำฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกัน แม้จะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคบางตำแหน่งมั่นใจพรรคจะเป็นปึกแผ่นเช่นเดิม
เหน็บ ส.ส.รัฐบาลอาจย้ายกลับก่อน ลต.
เมื่อถามถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง ที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ชนะผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทย ตัวแทนฝ่ายค้านกว่า 2 หมื่นคะแนนมีนัยอะไรหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์ตอบว่า เคารพการตัดสินใจของชาวลำปางเขต 4 การเลือกตั้งย่อมมีผู้แพ้ผู้ชนะ ตัวแทนพรรคฝ่ายค้านได้รับความไว้วางใจจากผู้มีสิทธิเกือบ 4 หมื่นคะแนนถือเป็นความภูมิใจของผู้สมัครและพรรคฝ่ายค้าน ครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งซ่อมที่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ดังนั้นเป้าหมายการลงคะแนนของผู้มีสิทธิจะแตกต่างกับการเลือกตั้งใหญ่ พรรคฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็งต่อไป เมื่อถามว่าความพร้อมของ ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลในการลงพื้นที่แตกต่างกัน ระยะยาวหวั่นว่า ส.ส.ฝ่ายค้านจะย้ายขั้วอีกหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์ตอบว่าไม่เคยกังวล เพราะพรรครัฐบาลมีความพร้อมทุกอย่างยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นที่พึ่งหวังให้ประชาชนได้ เรื่องที่คิดว่าจะมีแรงดูด ส.ส.เพิ่มเติมคงเกิดขึ้นได้ยาก กลับกันเชื่อว่าเมื่อถึงการเลือกตั้งใหญ่ประชาชนจะเห็นปรากฏการณ์นักการเมืองย้ายฝั่งกลับมาฝั่งประชาธิปไตยเพราะกลัวสอบตก
“สงคราม” จี้เร่งจัดโผเขย่าให้จบๆ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะชะลอการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรรีบดำเนินการปรับ ครม.ให้เรียบร้อย เพราะถ้ายังไม่ปรับตอนนี้ความวุ่นวายในรัฐบาลจะไม่จบสิ้น ที่พรรคพลังประชารัฐมีปัญหาภายในจนต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ก็เพราะต้องการให้ปรับ ครม. อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่มี ส.ส.เพิ่มก็ต้องการให้ปรับเพื่อให้มีตำแหน่ง
กระทุ้งกู้ ศก.–สร้างความปรองดอง
“นอกจากความกดดันจากพรรคการเมืองในรัฐบาลแล้ว ตอนนี้ยังมีความกดดันจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวันนี้ เพราะนอกจากคนที่ต้องเสียชีวิตจากโควิด-19 แล้ว คนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ ก็หนักหนาไม่น้อยไปกว่ากัน หากเป็นผมจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างแรก และต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดองในชาติ ตอนยึดอำนาจเข้ามาบอกจะแก้แต่วันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าและยังรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญลุกลามไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้รัฐบาลจะไม่สามารถเดินหน้าแก้ปัญหาอื่นๆได้เลย ดังนั้น นายกฯจึงต้องรีบดำเนินการ” หัวหน้าพรรคเพื่อชาติกล่าว
ปชป.โอ่ 7 รมต.ผลงานปึ้กไม่ต้องเปลี่ยน
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มี กระแสข่าวการปรับ ครม. และปัญหาความแตกแยกในพรรคว่า ทั้งสองเรื่องยังไม่มีมูลความจริง ปรับ ครม. ถือเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นต้องพูดคุยปรึกษาหารือกันหลายฝ่าย รัฐมนตรีทั้ง 7 คนของพรรคทำงานได้เป็น อย่างดี มีผลงานเข้าตาประชาชนหลายเรื่อง พรรคจึงยังไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ส่วนข่าวที่ปรากฏออกมาถึงความเคลื่อนไหวความคับข้องใจของสมาชิกพรรคจนหลายฝ่ายเป็นห่วง ยืนยันว่าสมาชิกทุกคนต่างมีความเห็นได้ แต่เมื่อถึงเวลาทำงานยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง สิ่งที่ ปรากฏเป็นข่าวเรื่องความไม่เข้าใจกันต่างๆ เป็นเรื่อง ปกติของพรรคที่มีความหลากหลาย ไม่มีใครมาบังคับได้ สุดท้ายทุกคนก็พูดคุยหาทางออกกัน เคารพเสียงส่วนใหญ่ หัวหน้าพรรครับทราบปัญหาภายในพรรค ทำทุกวิถีทาง เพื่อจะสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคเพิ่มมากขึ้น

“นิพิฏฐ์” เชื่อไม่มีชงเลื่อยขา “จุรินทร์”
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอย้ำว่าเรื่องต่างๆต้องจบด้วยการพูดคุยกัน แม้การพูดคุยจะเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด จึงทำยาก ที่ผ่านมาเรื่องข่าวความเคลื่อนไหว การเปลี่ยนตัว หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฟังกันมาคนละทิศละทางแล้วจับเป็นประเด็น ตนได้ยินชัดๆจริงๆแค่ว่าให้คุยกัน หน่อยไหม เรื่องทิศทางการทำงานของพรรค การประชุม กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 29 มิ.ย. ก็ว่าไม่มีเรื่องการเสนอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค มีแต่คน ที่จะขอพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาพรรคเท่านั้น
จ่อเป็นเจ้าภาพจับเข่าคุยอดีต ส.ส.ใต้
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายหนึ่งบอกประสาน พูดคุยมาตลอด เช่น ปกติในการพูดคุยหลังจากการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ทุกวันอังคาร จะมีรัฐมนตรี ของพรรครับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารที่ร้านทีเฮ้าส์ กทม. การกินข้าวคือกินข้าวยังฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เรื่อง การปรับการทำงาน จึงงงว่าการพูดคุยนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ทำไมทำยาก ช่วงที่ผ่านมามี ส.ส. อดีต ส.ส.และ บางคนในกรรมการบริหารพรรค เป็นต้น รวมประมาณ 30 คน ติดต่อมาให้ช่วยสื่อสารให้เกิดการพูดคุยหน่อย ล่าสุดได้บอกกับคนที่สื่อสารมาหาว่า ตนจะเป็นเจ้าภาพ ให้เอง จะได้ไม่ต้องไปหาใครที่ไหน คงจะจัดขึ้นที่ กทม.จะเน้นอดีต ส.ส.ภาคใต้เป็นหลัก มาพูดคุยปรับ การทำงาน เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวันว่าจะเป็นวัน ที่เท่าไหร่ แต่น่าจะเร็วๆนี้
กมธ.กู้เงินยันไร้ปัญหางัดข้อฝ่ายค้าน
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กมธ.ซีกฝ่ายค้านบางคนประกาศจะลาออกจาก กมธ. หากมีการเสนอชื่อนายไพบูลย์เป็นประธาน กมธ.ว่า เป็นสิ่งที่ กมธ.คนนั้นๆจะต้องรับผิดชอบเอาเอง มั่นใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่เป็นปัญหาต่อการทำหน้าที่ ติดตามตรวจสอบ เพราะทุกคนต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก อยากให้ทุกคนทำงานตามกรอบร่วมกัน ไม่ควรจะเอาการเมือง เข้ามาเล่นเกมกันใน กมธ.มากจนเกินไป เพราะตอนนี้ พวกเราทุกคนต้องทำงานโดยคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนให้มากที่สุด การประชุม กมธ.วันที่ 25 มิ.ย. จะมีการวางกรอบเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก. กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ เบื้องต้นจะต้องเอาทั้ง 8 ญัตติที่ ส.ส.เสนอและนำข้อมูลการ อภิปรายของเพื่อนสมาชิกในสภาฯ มาศึกษาอย่างละเอียด ยืนยันจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ตามอำนาจหน้าที่และระเบียบข้อบังคับของสภาฯ
โพลชี้ศึกใน พปชร.แค่เกมชิงอำนาจ
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,108 คน กรณี “การปรับเปลี่ยนในพรรคพลังประชารัฐ” ระหว่างวันที่ 15-19 มิ.ย. พบว่าร้อยละ 62.16 ระบุ เป็นการแย่งชิงอำนาจ ร้อยละ 57.22 ระบุมีปัญหาภายในพรรค ร้อยละ 56.12 ระบุเป็นเกมการเมือง ร้อยละ 27.79 ระบุ สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ขณะประชาชนร้อยละ 72.20 ระบุถึงเวลาแล้วที่จะมีการปรับเปลี่ยนในพรรคพลังประชารัฐ เพราะ ไม่มีผลงาน ขาดประสิทธิภาพ การทำงานจะได้ดีขึ้น ต้องการผู้ที่เหมาะสมมีความรู้จริง ร้อยละ 27.80 ระบุยังไม่ถึงเวลา เพราะยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า เสียเวลา ควรทำงานต่อไป ถึงเปลี่ยนใหม่ปัญหาต่างๆก็ยังเหมือนเดิม

“ลุงป้อม” เหมาะ หน.แต่การเมืองก็เดิมๆ
เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าใครสมควรจะเป็น หัวหน้าพรรค พบว่าร้อยละ 54.26 ระบุ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 14.36 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 13.83 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ร้อยละ 9.57 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 7.98 นายไพบูลย์ นิติตะวัน สำหรับบุคคลที่สมควรจะเป็นเลขาธิการพรรค ร้อยละ 35.76 ระบุนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 24.35 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 13.99 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ร้อยละ 13.21 นายอนุชา นาคาศัย ร้อยละ 12.69 นายอิทธิพล คุณปลื้ม เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนภายในพรรคพลังประชารัฐจะทำให้การเมืองไทยเป็นอย่างไร ร้อยละ 54.15 ระบุเหมือนเดิม ร้อยละ 25.99 แย่ลง ร้อยละ 19.86 ดีขึ้น
เด็กๆมองนักการเมืองแย่งชิง รมต.ทรยศ
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “การเมืองกับเยาวชน” จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,539 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 15 -20 มิ.ย. โดยเมื่อถามถึง การประพฤติตัว ปฏิบัติตนของผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองเป็นแบบอย่างแก่เด็กและเยาวชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.8 ระบุแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี จ้องจะถอนทุนคืน ร้อยละ 88.7 ระบุคิดคด ทรยศ หักหลัง ฆ่าลูกน้องและเพื่อนร่วมต่อสู้กันมา แบบเสร็จนาฆ่าโคถึก ร้อยละ 86.1 ระบุกร่าง หัวร้อนใช้อำนาจบาตรใหญ่หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ร้อยละ 78.1 ระบุมีภาวะตัณหา อยากมีอยากเป็น ที่น่าเป็นห่วงคือ ร้อยละ 8.7 เท่านั้นที่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการ เมืองเป็นคนดี มีคุณธรรม เข้าวัดปฏิบัติธรรม และมีเพียงร้อยละ 7.9 ที่รักประชาชน ไม่เลือกปฏิบัติ
ย้อนยุคทุจริต รบ.ไม่ใส่ใจชีวิตเยาวชน
นายนพดล กล่าวอีกว่า ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.6 ระบุ ไม่ดีเลย แย่สุดๆ ในเรื่องแบบอย่างที่เยาวชนได้รับจากการทำตัวของผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมือง มีเพียงร้อยละ 10.4 ระบุว่า ดี นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.4 ระบุ เยาวชนจะไม่เชื่อ ไม่ทำตาม เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลชี้แนะและสั่งสอน มีเพียงร้อยละ 8.6 ระบุเชื่อฟัง ทำตาม ที่น่าเป็นห่วงเช่นกันคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.9 ระบุการทำตัวของผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองกำลังไปสู่การเมืองเก่า ที่มีแต่ทุจริต คอร์รัปชัน ไม่ซื่อสัตย์ ขณะที่ร้อยละ 7.1 เท่านั้นระบุมีการเมืองใหม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 77.2 ไม่เห็นผลงานรัฐบาลทำอะไรที่ดูแลเอาใจใส่ชีวิตเยาวชนเลย ร้อยละ 22.8 ระบุ เห็นผลงาน
“อดุลย์” จี้ รบ.สร้างปรองดองตามแนว สปช.
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 เปิดเผยว่า คณะกรรมการญาติวีรชนฯออกแถลงการณ์ “หยุดฉีกสัญญาประชาคม เดินหน้าสู่การปรองดอง และหลอมรวมคนไทยทุกภาคส่วน” จากกรณีมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม สั่งทีมงานรวบรวมรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในคดีการเมืองเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจนิรโทษกรรมคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง แต่โฆษกประจำสำนักนายกฯปฏิเสธว่าไม่มีมูลความจริง จึงขอเรียกร้องว่าตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจได้ประกาศสัญญาประชาคมจะยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ หลอกลวงประชาชนหรือไม่ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปประเทศ สร้างความสมานฉันท์ปรองดองแห่งชาติก่อนสายเกินไป
“ทักษิณ” อยากกลับบ้านต้องอดทนรอ
นายอดุลย์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนสนับสนุนการสร้างความปรองดองตามแนวทางคณะกรรมการศึกษาแนวทางทางการสร้างความปรองดองของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กรณีที่นายกฯประกาศ “วิธีการทำงานแบบ New Normal ของนายกรัฐมนตรี” ระบุจะผนึกประชาชนทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศเป็นนิมิตหมายที่ดี แม้สำนึกช้าไปหลายปี แต่รัฐบาลจะไม่สามารถผนึกประชาชนทุกภาคส่วนได้ หากยังไม่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รัฐบาลต้องเร่งส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ การปรองดองสมานฉันท์จะสำเร็จลุล่วงได้ทุกภาคส่วนในสังคมต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน ต้องเปิดใจกว้าง พร้อมร่วมมือ และต้องทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง อย่าให้มีวาระซ่อนเร้นเหมือนครั้งที่มีการผลักดัน พ.ร.ก.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยจนนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย จึงขอฝากถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯถ้าอยากกลับบ้านแบบเท่ๆต้องรู้จักอดทนรอคอยและพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อน ต้องเสียสละให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม แต่กลับได้รับความทุกข์ทรมานให้ได้รับการเยียวยาและเกิดสามัคคีของคนในชาติก่อน จากนั้นคนในชาติจะพิจารณาเองว่าจะให้โอกาสนายทักษิณหรือไม่อย่างไร

“ปู” ฉลอง 53 ปีขอคนไทยพ้นภัย ศก.–โควิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ ที่พำนักอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 53 ว่า “เป็นอีกปีหนึ่งที่ตนขอส่งความขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรในวันเกิดปีนี้ ที่ส่งผ่านมาจากหลายช่องทางมาให้ บางท่านก็นัดกันเป่าเค้กอวยพรวันเกิดและส่งคำอวยพรเป็นวิดีโอมาให้ แม้ว่าปีนี้สถานการณ์จะทำให้วิถีชีวิตเราต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่เรียกว่า New Normal ทุกคนต้องปรับตัวสู่มาตรฐานแบบใหม่ แต่สำหรับดิฉันไม่ว่าจะความหมายใด ทุกท่านยังคงอยู่ในใจเสมอ ขอให้ทุกคำอวยพรทุกความปรารถนาดีที่ทุกท่านตั้งใจมอบให้ส่งผลย้อนกลับไปสร้างสิ่งดีๆให้กับแฟนคลับ และพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย ขอให้เราผ่านพ้นจากสถานการณ์โควิด-19 และพิษจากเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงกันมา ดิฉันขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี มีหัวใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่ฟันฝ่าต่ออุปสรรคต่างๆเหล่านี้ไปได้ด้วยดี เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันเหมือนเดิม ตลอดไปค่ะ”
พี่ชายทำกับข้าวฉลองกับน้องสาว
ต่อมาช่วงค่ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์สตอรีในอินสตาแกรมส่วนตัวเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 53 เป็นภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พี่ชายเข้าครัวลงมือทำอาหารให้น้องสาว เจ้าของวันเกิดได้รับประทาน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เข้าไปกอดนายทักษิณ พี่ชายสุดที่รัก เพื่อขอบคุณที่ทำกับข้าวให้ทาน พร้อมระบุ “ปีนี้อย่าอิจฉานะคะ เพราะกินกันสองคน”
สะกิด “สมศักดิ์” เบรกตั้ง “สุพจน์”
วันเดียวกัน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ เอซีที ออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรณีมีคำสั่งแต่งตั้งนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่พ้นโทษออกจากเรือนจำปี 62 คดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เป็นที่ปรึกษาของโครงการออกแบบโครงสร้างและบริหารจัดการเรือนจำอุตสาหกรรม หรือเกษตรกรรมเพื่อการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันระบุว่า
ซัดไม่ควรเอาคนมีมลทินมาช่วยงาน
“กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานที่สังคมคาดหวังให้เป็นแบบอย่างของความถูกต้อง เที่ยงธรรม ดังนั้นควรยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด การเชิญผู้มีประสบการณ์มาช่วยงานราชการ ควรสรรหาคนดี เก่ง ไม่มีมลทินคอร์รัปชัน เป็นไปตามคำประกาศของนายกฯเพิ่งประกาศให้เป็นรัฐบาลโฉมใหม่ ยึดมั่นความถูกต้อง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน จำเป็นต้องพิสูจน์โดยการกระทำของ ครม.ทั้งคณะ ไม่ใช่เพียงผู้นำรัฐบาลหรือรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเท่านั้น” จดหมายเปิดผนึกองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯระบุ

“ศรีสุวรรณ” ออกหน้าชงนายกฯรื้อคดี “วัฒนา”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ตัวแทนชาวคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ มายื่นหนังสือพร้อมรายชื่อชาวบ้านกว่า 1,000 คน เมื่อกลางเดือน เม.ย.ร้องให้สมาคมเป็นธุระเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทยที่ถูกกล่าวหาร่วมกับพวกใช้อำนาจมิชอบเพื่อให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน ให้ความเห็นชอบการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติและมีหนังสือยืนยันแล้วว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอจะฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป ล่าสุดนายวัฒนาให้คนใกล้ชิดจัดทำหนังสือ “เปิดหัวใจลูกผู้ชายที่ชื่อวัฒนา อัศวเหม” แจกจ่ายทั่วไป ยืนยันว่าไม่เคยนำที่ดินไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ ไม่มีส่วนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ไม่เคยได้รับเงินค่าโง่ใดๆ อยากขอโอกาสกลับไปแสดงความบริสุทธิ์ ขอให้ได้ประกันตัวจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง สมาคมจึงจะนำความและหลักฐานไปยื่นให้นายกฯพิจารณาสั่งการไปยังกระทรวงยุติธรรม ตั้งเรื่องเพื่อเปิดทางให้รื้อฟื้นคดีของนายวัฒนากลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ในวันที่ 22 มิ.ย.63 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล