งูกินหางกินกลางตลอดตัว

ที่ว่าคุมได้เดี๋ยวก็จบลงไม่ใช่อย่างนั้นกระมังในทางการเมือง เพราะ “คนการเมือง” นั้นแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

อย่างที่มีการกล่าวถึงทำนองว่า “ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร” หมายถึงอะไรก็ได้หากผลประโยชน์ขัดกันต้องบรรลัยไปข้าง

แต่ผลประโยชน์ตรงกันก็หันมาจูบปากกันได้

ปัญหาขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (พี่ใหญ่) แห่ง 3 ป. ที่ใครต่อใครต่างชื่นชมในบุญบารมีว่าสามารถคุมสภาพได้อยู่หมัด

แล้วความจริงกำลังจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นไปอย่างนั้นหรือไม่ เพราะ “เอาอยู่” ได้จริงคงไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างปัจจุบัน

เพราะการจัดแถวนักการเมืองนั้นต่างกับทหารในกองทัพ

ป่านนี้คงได้เจอของจริงแล้วแม้ทำท่าจะจบลงได้อย่างง่ายดาย แต่ลงท้ายยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร

การขึ้นไปนั่งแท่นในตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นคงไม่ยาก เพราะไม่มีใครจะขัดขวางได้เมื่อดำรงฐานะ “หัวเบี้ย” ใหญ่ย่อมได้รับความเกรงอกเกรงใจอย่างถ้วนทั่ว

ก่อนที่จะไปถึงวันประชุมใหญ่พรรคที่กำหนดเอาไว้วันที่ 3 ก.ค.63 แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นก็ต้องมีการจัดการให้เรียบร้อยเป็นการภายในเสียก่อน

แค่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่มีแคนดิเดตอยู่ 2 คน คือนายอนุชา นาคาศัย กับนายสันติ พร้อมพัฒน์

มองเผินๆ น่าจะลงตัวง่ายไม่มีคนใดคนหนึ่งก็ได้

ทั้ง 2 คนนี้ ต่างก็สนับสนุน “นาย” คนเดียวกันให้เป็นหัวหน้าพรรค แต่มาถึงตำแหน่งที่ตัวเองมีได้มีเสียคงไม่ง่ายอย่างนั้น

...

การเป็นเลขาธิการพรรคในพรรคการเมืองระดับนี้และเป็นแกนนำรัฐบาลด้วย ถือว่ามีความสำคัญอย่างน้อยก็เป็นรองแค่หัวหน้าพรรคเท่านั้น

ก้าวขึ้นไปอีกขั้นก็คือตำแหน่งในรัฐบาลที่จะต้องได้เป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงเกรดบีก็คงไม่สมกับฐานะ

อย่างน้อยก็ต้องคุมกระทรวงใหญ่ระดับเกรดเอ

ความเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพลังประชารัฐครั้งนี้ทั้ง 2 คน ล้วนมีบทบาทสำคัญจนทำให้ 18 กรรมการบริหารพรรคประกาศลาออกจากตำแหน่ง มีผลให้ต้องเลือกกันใหม่ทั้งชุด

ที่สำคัญแม้จะมี “นาย” คนเดียวกัน แต่ก็ยังมีกลุ่มก๊วนสังกัด มีพรรคพวกที่อยู่ข้างหลังหาใช่ว่าจะมีความเป็นอิสระไม่

เพราะจะไปยืนอยู่ในจุดนั้นได้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากพวกพ้องเหล่านี้เป็นสำคัญไม่ใช่มาแบบโดดๆได้

นี่ยังไม่รวมถึงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคยิ่งมีหลายก๊กหลายก๊วนอย่างนี้การจัดให้ลงตัวจึงไม่ง่ายอย่างคิด

แค่นี้ก็ปวดหัวตัวร้อนกันแล้ว

เอาเป็นว่าการจัดการเรื่องภายในพรรคก็พอจะเห็นปัญหารออยู่ข้างหน้าแล้ว หากก้าวไปอีกขั้นคือตำแหน่งรัฐมนตรี

เท่าที่เห็นกันอยู่การออกมาเคลื่อนไหวที่ผ่านมานั้น จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นมีหลายคน ทั้งที่เป็นอยู่แล้วและยังไม่ได้เป็นต่างก็มุ่งหวังไม่ต่างกันโดยเฉพาะกระทรวงสำคัญๆ

“นรกแตก” นั้นมีจริงไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไป!

“สายล่อฟ้า”