เรื่องราวของการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบติดตามการใช้งบประมาณฟื้นฟูเยียวยา เศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบ การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็น ดาบสองคม ของรัฐบาลชุดนี้ ที่มีทั้งคุณและโทษ ขยายความให้ชัดๆก็คือถ้านำงบประมาณไปใช้จ่ายฟื้นฟูเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านได้ผลจริงๆ จะเป็นคุณกับรัฐบาลอย่างสูง
แต่ถ้าเกิดการทุจริต เป็นงบเงินผันเงินแจกให้บรรดานักการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนกับความมั่นคงของรัฐบาลหรือคงไว้ซึ่งสถานะทางการเมืองของบุคคลใด ก็จะเป็นโทษอย่างมหันต์
เป็นดาบที่จะกลับมาเชือดคอรัฐบาลเอง
ที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่ยังคาใจชาวบ้าน โดยเฉพาะเมื่อเกิด โรคไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดใหม่ๆ ช่วงนั้นคนไทยจะตื่นตัวกันมาก ทั้งจากข่าวที่มีในต่างประเทศ เห็นคนตายไม่มีที่เผาที่ฝังก็ยิ่งตกใจ เตรียมระวังตัวเองเต็มที่ แต่กลับเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดและไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
นั่นคือประเทศไทยขาดแคลนหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์
ทั้งๆที่มีโรงงานผลิตถึง 11 โรง ผลิตได้วันละนับล้านชิ้น เป็นตลกร้ายที่สุด เดชะบุญว่าการแพร่ระบาดมีการยับยั้ง โดยการล็อกดาวน์ทันที ห้ามคนออกจากบ้าน เลยรอดพ้นจากการติดเชื้อและการตายอย่างที่หลายประเทศประสบอยู่ในเวลานี้ เพราะการไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่ระวังป้องกันตามคำแนะนำให้เว้นระยะห่างทางสังคม
ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ฟื้นตัวเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย อันดับ 2 ของโลก
แต่อะไรที่ยังคาอยู่ในใจคนไทยก็ยังคาอยู่จนทุกวันนี้ หน้ากากอนามัยหายไปไหน ห้ามส่งออกแต่ทำไมกรมศุลกากรยังระบุว่ามีการส่งออกทั้งหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการออกมายืนยันว่า หน้ากากอนามัยในประเทศมีใช้อย่างพอเพียงจำนวนถึง 200 ล้านชิ้นจากรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และต่อมามีการสืบสาวราวเรื่องจนพบต้นตอของหน้ากากล่องหน ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ก็คนใกล้ชิดพรรคการเมืองนักการเมือง ไลฟ์สดซื้อขายหน้ากากกันโจ๋งครึ่ม
...
จนกระทั่ง อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเอาเรื่องเอาราวกับประเด็นหน้ากากอนามัยล่องหน ร้องเรียนขอให้มีการดำเนินการกับ ไอ้โม่ง ที่ใกล้ชิดนักการเมือง เป็นตัวการในเรื่องนี้ สอดคล้องกับการออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของ เพจแหม่มโพธิ์ดำ
แต่สุดท้ายต้องกลายเป็นคดีความฟ้องกันไปฟ้องกันมา
คนที่ต้องการจะแฉความจริงเรื่องนี้ถูกแจ้งความดำเนินคดีไปฉิบ กลบเกลื่อนจะฟอกให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ กลับลำกันไปมา ร้อนตัวออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบ จนกระทั่งเรื่องนี้เงียบเข้ากลีบเมฆ
ปริศนาหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นกับการส่งออกหน้ากากอนามัยในช่วงเดือน ม.ค.และ ก.พ. จำนวน 330 ตัน เกี่ยวพันสัมพันธ์กันอย่างไร ถ้ายังไม่กระจ่างก็ยังเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาล คาใจชาวบ้านตลอดไป.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th