ท่ามกลางการ “ล็อกดาวน์” มาตรการป้องกัน การแพร่กระจายเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่สำคัญ ถึงวันนี้จะผ่อนปรนขยับขยายกันได้บ้าง แต่ก็ห้าม...“การ์ดตก” ยังคงต้องตระหนักและป้องกันตัวเองเคร่งครัด ไม่ว่า...ใส่หน้ากาก มีระยะห่างทางสังคม 2 เมตร ล้างมือด้วยสบู่ เจลแอลกอฮอล์
พึงระลึกไว้เสมอว่า...“ปกป้องตัวเอง เท่ากับปกป้องผู้อื่น”
“ตู้ปันสุข” อีกหนึ่งปรากฏการณ์ยุคการระบาด “โควิด-19” ที่มาช่วยสร้างรอยยิ้ม...เติมเต็ม ลดเหลื่อมล้ำในยามที่หลากหลายอาชีพตกงาน ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ไม่คล่องตัวเหมือนวันวานที่ผ่านมา
“วิถีชีวิตแบบใหม่” หรือ “New Normal”...ผู้คนที่แวะเวียน มาใช้บริการตู้ปันสุขควรต้องรู้ถึงการหยิบแต่พอดี เผื่อแผ่ให้คนอื่นๆได้อย่างทั่วถึง หรือ...ถ้าใครมีก็แบ่งปันนำสิ่งของเข้ามาเติมเต็มตู้ปันสุขได้ตามกำลังที่ตนมี เรียกได้ว่า...คนมีเยอะก็ทำได้ นับรวมไปถึงคนมีน้อยก็สามารถทำได้เช่นกัน
“เงิน” ในกระเป๋าที่จำกัด จำเป็นต้อง “ใช้จ่าย” อย่างประหยัดและจำเป็นจริงๆ อีกหนึ่งโครงการช่วยประชาชนฝ่าวิกฤติโควิด...“โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน” ของกระทรวงพาณิชย์
ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เปิดโครงการลอตที่ 3 กรมการค้าภายใน ร่วมมือกับภาคเอกชนผู้ผลิตสินค้า เจ้าของห้างค้าปลีกต่างๆทั้งห้างขนาดใหญ่ ห้างในท้องถิ่นจาก 67 จังหวัด...โดยมีห้างท้องถิ่นทั้งหมดรวม 158 ห้าง 287 สาขาที่กระจายอยู่ในทุกภาคทั่วประเทศผนึกกำลัง
น่าสนใจว่า...รอบนี้มีสินค้าเพิ่มเติมจากลอต 2 อีกถึง 1,717 รายการ และลดราคาสูงสุดถึง 68 เปอร์เซ็นต์กันเลยทีเดียว
...
ย้อนไปก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือนเมษายน 2563 โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ลอต 1 เดินหน้า...มีผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของประเทศ 14 บริษัท และห้างค้าปลีกอีก 8 แห่ง นำสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพใน 6 หมวดสินค้า 72 รายการ มาลดราคาสูงสุด 58%
จากนั้น...ตามติดมาด้วยลดราคาข้าวสารถุง 18 ยี่ห้อ ทั้งหมด 104 รายการ สูงสุด 50%
พอช่วงปลายเดือนเมษายน โครงการลอต 2 ได้รับความร่วมมือ จาก 13 ห้างทั่วประเทศ ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเข้าร่วมโครงการมากถึง 51 องค์กร ข้าวสารถุง 18 บริษัท สินค้าอุปโภคบริโภคอีก 20 บริษัท ร่วมมือร่วมใจพาเหรดลดราคาสินค้าครั้งประวัติศาสตร์ถึง 3,025 รายการ มอบส่วนลดสูงสุดถึง 68%
ประเด็นน่าสนใจมีว่า ยังมี “คาราวานธงฟ้าฝ่าภัย COVID-19” หรือ “รถพุ่มพวงธงฟ้า” มาเสริมทัพ ที่ได้เริ่มให้บริการพี่น้องประชาชนตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในเขตกรุงเทพฯ...ปริมณฑล เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ...ลดค่าครองชีพให้ประชาชน ทั้งยังเป็นการให้บริการประชาชนได้เข้าถึง...ซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก

“ไม่ต้องเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด”
เสน่ห์ “รถพุ่มพวง” อย่างที่รู้ๆกันดีอยู่ว่าเป็นมิ่งมิตรที่สำคัญที่ครองหัวใจผู้คนในแต่ละชุมชนอย่างเหนียวแน่น เป็นรถเร่ที่มีของขายสารพัด โดยเฉพาะของที่ตรงกับความต้องการกลุ่มลูกค้าในย่านนั้นๆ ที่สำคัญคือขายด้วยสนนราคาที่จับต้องได้ ไม่แพง กระจายตัวเข้าไปให้บริการตามชุมชน หมู่บ้าน ขายกันถึงหน้าบ้าน
โดยมากแล้วจะเร่ขายกันในช่วงเช้าไปจนสายๆ หรือบางคันก็เร่ขายยาวไปถึงเย็นย่ำเลยก็มี ช่วงที่ผ่านมา “รถพุ่มพวง” เข้ามามีบทบาทสำคัญในยามที่ห้างสรรพสินค้า ร้านรวงปิด แต่ผู้คนก็ยังสามารถซื้อหาของกินของสด...วัตถุดิบในการทำกับข้าวกับปลาได้อย่างไม่ขัดสน เป็นทั้งตลาด...ร้านโชห่วยเคลื่อนที่ไปในตัว
ไม่น้อย...ต้องเพิ่มปริมาณสินค้าเกือบอีกเท่าตัว เพื่อรองรับความต้องการผู้คนที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการ รถพุ่มพวง...แบบขาประจำทุกๆวันไม่มีขาด
มีการศึกษาด้วยว่า...“รถพุ่มพวง” จะจอดให้บริการเป็นจุด จุดละ 20-30 นาที ในการจอดแต่ละครั้งจะมีช่วงเวลาในการจอดที่แน่นอน อีกทั้งปริมาณสินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับ “พฤติกรรม” และ “รายได้” ครัวเรือนของผู้จับจ่ายซื้อสินค้า...
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า “รถพุ่มพวงธงฟ้า” เป็นการช่วยเสริมจากระบบตลาดปกติ ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับรูปแบบการขายแบบออฟไลน์ หรือการขายหน้าร้าน ไปเป็นการขายในระบบออนไลน์ และระบบส่งถึงบ้าน หรือดีลิเวอรี มากขึ้น

กระทรวงจึงได้ส่งเสริมการขายดังกล่าวให้มีการขายในระบบดีลิเวอรีมากขึ้น...ประสานโลจิสติกส์ทุกระบบให้ช่วยลดภาระประชาชนคิดค่าบริการอย่างถูกและเป็นธรรม

“รถพุ่มพวงธงฟ้าที่ให้บริการประชาชนในแต่ละพื้นที่นอกเหนือจากการจำหน่ายผัก ผลไม้ อาหารสด เครื่องปรุงที่รถแต่ละคันจำหน่ายอยู่เดิมแล้ว ยังมีสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอื่นๆ ที่เราได้ประสานผู้ผลิต ได้ลดราคาสินค้า เพื่อนำมาจำหน่ายให้พี่น้องประชาชนในราคาถูกกว่าท้องตลาด”
หลักๆอย่างน้อย 7 อย่างก็คือ ข้าวสาร ไข่เป็ด ไข่ไก่ น้ำมันปาล์ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และเจลล้างมือ
ปัจจุบันมีรถพุ่มพวงที่เข้าร่วมโครงการให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลแล้วกว่า 500 คัน กระจายจำหน่ายสินค้าไปสู่ประชาชนตามเส้นทางต่างๆในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีตลาดกลางหลักเป็นศูนย์กลางการประสาน ได้แก่
1.ตลาดเสรี สาย 5 นครปฐม กระจายสินค้าไปยังพื้นที่บางบอน พุทธมณฑลสาย 2-5 เลียบคลองทวีวัฒนา กระทุ่มแบน และหนองแขม 2.ตลาดกลางบางใหญ่ นนทบุรี กระจายสินค้าไปยังพื้นที่ถนนชัยพฤกษ์ บางกรวย-ไทรน้อย พระราม 5 บางใหญ่
3.ตลาดใหม่สำโรง สมุทรปราการ กระจายสินค้าไปยังพื้นที่ บางปู อ่อนนุช ศรีนครินทร์ สำโรง ลาดกระบัง และสุขาภิบาล 2 4.ตลาดไท ปทุมธานี กระจายสินค้าไปยังเส้นทางพื้นที่คลองหลวง บางบัวทอง ลาดหลุมแก้ว รังสิต-นครนายก บางไทร และบางปะอิน และ 5.ตลาดศูนย์การค้ามีนบุรี กรุงเทพมหานคร กระจายสินค้าไปยังพื้นที่สุขาภิบาล 3 สุวินทวงศ์ และมีนบุรี
นอกจากนี้ยังขยายผลไปยังส่วนภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวก ให้บริการพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง นำร่องไปแล้วในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ นครปฐม รวมเครือข่ายรถพุ่มพวงอีกกว่า 300 คัน
“วิถีชีวิตแบบใหม่”...พ่อค้าแม่ขายนักธุรกิจน้อยใหญ่ต้องใช้วิธี...เอาของไปให้ลูกค้ามากขึ้น แทนที่จะรอให้ลูกค้ามาหาซื้อของ

สถานการณ์เป็นเช่นนี้ทั้งคาราวานรถพุ่มพวงธงฟ้าและโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนจึงได้รับกระแสตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างล้นหลาม ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์การลดราคาสินค้า ทำให้ประชาชนที่ต้องกักตัวอยู่บ้านได้รับบริการอย่างดีที่สุด
“ลดภาระค่าครองชีพ”...คลี่คลายปัญหาปากท้องให้ทุเลาเบาบางลงได้บ้าง แต่ “คนไทย”...ทุกคนต้องฝ่าวิกฤติโควิด-19 นี้ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยกัน.