รอระทึกคิวถัดไป

โปรแกรมยักษ์ที่ฝ่ายค้านจ่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสัปดาห์หน้า จองกฐินซักฟอก 5-7 รัฐมนตรี ต่อจากการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 3

ดูแล้วแม้จะหนักหนาสาหัสกว่าทุกไฟต์ แต่คงลงเอยไม่ต่างจากการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายปี 2563 ที่รัฐบาลเอาตัวรอดไปได้ หากไม่มีใบเสร็จมัดคาหนังคาเขา

ในห้วงที่รัฐบาลมีขุมกำลังแน่นปึ้ก ไม่มีอาการขัดแย้งขั้นรุนแรงภายในพรรคร่วมรัฐบาลจนถึงขั้นไปต่อไม่ได้ บวกกับมีงูเห่าตุนอยู่ในสต๊อก พร้อมเป็นทางออกในยามคับขัน

ยังไงก็ยังไม่เข้าตาจน ต้องชิงทุบหม้อข้าวตัวเอง

โอกาสที่จะเป็นไปตามกระแสข่าวลือรัฐบาลจะชิงยุบสภาหนีเกมซักฟอก ตามที่ฝ่ายค้านส่งซิกมา เป็นได้แค่ข่าวปล่อยให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้น

แม้จะมีอาการกระเพื่อมหนักภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่เกิดภาวะเลือดไหลไม่หยุด อดีต ส.ส.หลายคนในพรรคทยอยออกจากพรรคระลอกแล้วระลอกเล่า

ไล่ตั้งแต่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาถึง นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. ที่ทิ้งพรรคลอตล่าสุด

แต่นั่นก็เป็นแค่การเสียทรงเฉพาะในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สะเทือนถึงเสถียรภาพรัฐบาล

เช็กสภาพแล้ว เรือเหล็กเชียงกงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังโต้คลื่นลมฝ่ามรสุมต่อไปได้ อาการไม่ค่อยน่าห่วงในช่วงนี้

ตรงข้ามกับฝ่ายค้านที่อยู่ในสภาพระส่ำ แนวโน้มเสียงหดหายไปเรื่อยๆ

อย่างที่เห็นการตั้งท่าสละเรือของพรรคเศรษฐกิจใหม่เกือบยกทีมไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาล หลังแหกมติวิปฝ่ายค้านไปสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ตามที่แกนนำพรรคส่งซิกอนาคตเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันอีกครั้ง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกซักถึงการจะอยู่เป็นแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านตลอดไปหรือไม่

...

แม้คำพูดยังแทงกั๊ก แต่ทางการเมืองคือ การส่งสัญญาณถึงเวลาตีจาก

ที่นั่งฝ่ายค้านส่อเค้าหายไปเรื่อยๆ ต้องปรับยุทธวิธีสู้ อย่างที่พรรคเพื่อไทยไม่กล้าขับ ส.ส.งูเห่าที่โหวตสวนมติพรรคในการโหวตร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายปี 2563 ออกจากพรรค

ทำได้แค่กาหัวไม่ส่งลงสมัครครั้งต่อไป

เซฟกันทุกทางไม่ให้แต้มร่อยหรอมากไปกว่านี้ กลัวไปเข้าทางเพิ่มเสียงให้ฝ่ายรัฐบาล

ฝ่ายค้านได้แค่ประคองรักษาที่นั่งให้อยู่เท่าเดิม โอกาสพลิกล็อกยากที่จะโหวตชนะรัฐบาลในเวทีซักฟอก

เอาแค่รายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกจับขึ้นเขียงยังเคลียร์กันไม่ลงตัว ความเห็นไม่ไปทางเดียวกัน ชื่อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถูกชักเข้าชักออกจากโผเพื่อไทย

ไม่รู้จะอยู่ในบัญชีดำด้วยหรือไม่

ข้อมูลยังไม่สะเด็ดน้ำ ทั้งที่เวทีซักฟอกงวดเข้ามาเรื่อยๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ฝ่ายรัฐบาลจะมีแนวโน้มแคล้วคลาดจากเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจในเที่ยวนี้ไปได้ แต่ไฟต์บังคับที่ตามมาแน่ๆคือ การปรับ ครม.

ต้องเกลี่ยโควตากันใหม่ ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของ 4 พรรคเล็กในนาม “กลุ่มกิจสังคมใหม่” มี 9 ส.ส. มากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค หากยังถูกกีดกันเก้าอี้รัฐมนตรีอีก คงได้กระเพื่อมกันอีกยกใหญ่

อีกทางคือเพื่อกู้วิกฤติศรัทธา แม้จะชนะเสียงโหวตในสภา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชนะใจประชาชน ตามผลพวงของบาดแผลเรื้อรังทางเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องที่ “ลุงตู่” ยังแก้ไม่ตก

ถึงเวลาผ่าตัดใหญ่ทีม ครม.เรียกความมั่นใจจากชาวบ้านกลับคืน

ตามสารพัดสูตรปรับ ครม.ที่โยนออกมาถามทาง ไปไกลถึงขั้นพลิกขั้ว ดึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาล เขี่ยทิ้ง “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ที่ชอบกดหัว “ลุงตู่” มาตลอด แต่ดูทิศทางยังเป็นไปได้ยาก ถ้าสถานการณ์ไม่เข้าขั้นวิกฤติจนเดินต่อไม่ได้จริงๆ

รูปการณ์คงได้แค่แบ่งเค้กใหม่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ในอารมณ์ที่พรรคชาติพัฒนาต้องหนาวๆร้อนๆ เพราะมีทุนเดิมอยู่แค่ 3 ที่นั่ง อาจถึงเวลาถูกทวงคืนโควตา

เช่นเดียวกับค่ายประชาธิปัตย์ที่มีปัญหาภายในพรรคเยอะ และยังมีปัญหาขบเหลี่ยมในทีมเศรษฐกิจก็มีสิทธิถูกล้างเกลี่ยกระทรวงกันใหม่

หรือแม้กระทั่งภายในพรรคพลังประชารัฐที่มีหลายกลุ่มก๊วน อาจถูกเขย่าล้างโควตากันใหม่

ฝุ่นตั้งเค้าตลบ ส่งสัญญาณกระเพื่อมรอบใหม่ หากแบ่งเค้กไม่ลงตัว “ลุงตู่” ได้กุมขมับอีกแน่.

ทีมข่าวการเมือง