เสรีฯ-ปารีณา คู่กัดเจ้าเก่า ‘บิ๊กป้อม’ ส่อรอดซักฟอก ยุสร้างสะพานจันทร์โอชา

“จุรินทร์” ควง “เฉลิมชัย” ลุยแคมเปญ “บริจาคภาษีสร้างพรรคประชาธิปัตย์ 001” “อรรถวิชช์” ไขก๊อกตาม “กรณ์” “ชวน” ปลงเลือดไหลไม่หยุด บอกไม่อยากให้ใครออกไปอีก ส่งกำลังใจคนอยู่ให้อดทน “พนิต” อวยพรเพื่อนรักโชคดี “นิพิฏฐ์” ยก “กรณ์” เพชรเม็ดงาม “สุทิน” รับไร้หมัดเด็ดน็อก “บิ๊กป้อม” เสียงอ่อยมีจิบไวน์แต่ไม่ได้ซูเอี๋ยกัน พท.เบี่ยงตัวเป้าใหญ่อยู่ที่ “บิ๊กตู่” ไม่ใช่พี่ใหญ่

“เสรีพิศุทธ์” ไม่ก้าวล่วง พท. แต่ทางใครทางมัน “ประยุทธ์” ปฏิเสธข่าวลือยุบสภาฯ “บิ๊กป้อม” ซัดคนปูดข่าวมโนไปเอง “ช่อ” ปัดเตะถ่วงดัดหลัง 4 งูเห่า กมธ.ป.ป.ช.วุ่นไม่เลิก “เสรีพิศุทธ์-ปารีณา” ฉะกันเดือด ถึงกับหลุดคำ “เผือก” กลางวง กมธ. 52 ส.ส.เข้าชื่อปลด “เสรีพิศุทธ์” “ไพบูลย์” ขู่ดื้อไม่หยุดจะเป็นเรื่องใหญ่ อนค.เอาคืน เรียก “บิ๊กแป๊ะ” แจงขวาง “วิ่งไล่ลุง”

สภาพการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ หลังมี ส.ส.และสมาชิกพรรคทยอยลาออกจากพรรค ล่าสุดเป็นนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. ยื่นใบลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ตามนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปลุยสร้างการเมืองใหม่แบบถึงไหนถึงกัน

“จุรินทร์” ลุยรณรงค์บริจาคภาษี

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่หน้าอาคารเพิร์ล-ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กรรมการบริหารพรรค ส.ส. และนักธุรกิจชื่อดังกว่า 10 บริษัท ร่วมรณรงค์กิจกรรม “บริจาคภาษี สร้างพรรคประชาธิปัตย์ 001” โดยนายจุรินทร์และนายเฉลิมชัยร่วมสาธิตวิธีการกรอกเอกสารใบเสียภาษี ที่มีช่องให้ติ๊กรหัสพรรคการเมืองที่ประสงค์จะบริจาค โดยพรรคประชาธิปัตย์คือเลข 001 นายจุรินทร์กล่าวว่า ประชาชนสามารถบริจาคเงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ได้ 2 ทาง คือ 1.ในนามนิติบุคคล ไม่เกิน 50,000 บาท 2.บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ ไม่เกินรายละ 500 บาท แค่ระบุเจตจำนงผ่านใบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91

...

“อรรถวิชช์” ไขก๊อกตาม “กรณ์”

ก่อนหน้านั้นเวลา 09.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้คนมายื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านนายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และทำสำเนาถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอรรถวิชช์ ระบุในใบลาออกว่า ประสงค์ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.เป็นต้นไป ต่อมานายอรรถวิชช์โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ และพี่น้องประชาชนที่เคยสนับสนุนผมทุกท่าน วันนี้ได้ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ได้ไปกราบลาท่านชวน หลีกภัย คนที่ผมเคารพรัก จะระลึกถึงคำสอนของท่านอยู่เสมอ เป็นการตัดสินใจที่ยากที่ต้องจากพรรคการเมืองที่ดี และมีรากฐานทางความคิดมายาวนาน การเมืองที่ผมอยากเห็น คือการเมืองที่กระชับ ชัดเจน รองรับวิกฤติการณ์เปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อนำประเทศเข้าสู่โครงสร้างเศรษฐกิจแบบใหม่ เป็นสตาร์ตอัพทางการเมืองที่จะฉีกกรอบแนวคิดการบริหารราชการแผ่นดินอย่างสร้างสรรค์ อยากเห็นคนจริง คนทำงานในหลากหลายอาชีพ มาช่วยกันขับเคลื่อนพลิกโฉมประเทศไทย ผมกับพี่กรณ์ (จาติกวณิช) ตกลงกันว่าได้เวลาลงมือทำ ถึงไหนถึงกัน สร้างการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีคุณธรรม และอยากชวนทุกคนมาร่วมทางเดิน ลุยไปทำในสิ่งที่เชื่อกัน”

“ชวน” ไม่อยากให้ใครออกไปอีก

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสมาชิกทยอยลาออกว่า ไม่ทราบว่าจะมีใครอีก ต้องถามกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามว่าในฐานะเป็นผู้ใหญ่ของพรรค ถึงเวลาหรือยังที่จะลงไปช่วยแก้ไขปัญหาความระส่ำระสาย นายชวนตอบว่า มีคณะบริหารพรรคอยู่แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องแจ้งคณะผู้บริหาร ส่วนจะมีความเชื่อมั่นในคณะผู้บริหารพรรคอยู่หรือไม่ ต้องไปถามคณะผู้บริหารพรรคปัจจุบัน เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะทำให้พรรคที่ก่อตั้งมาจนเป็นสถาบันถึงคราวต้องล่มสลาย นายชวนตอบว่า “ผมพยายามให้กำลังใจคนในพรรคต้องมีความอดทน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไรก็ตาม ส่วนที่หลายคนไม่ค่อยมีบทบาทหรือตำแหน่งทางการเมือง ผมตอบแทนหัวหน้าพรรคไม่ได้ แต่เห็นว่าคนเก่งๆหลายคนไม่มีโอกาสได้ทำงาน เพราะตำแหน่งมีจำกัด คนเก่งด้านนั้นก็ไม่มีกระทรวงนั้นให้เขาดูแล ส่วนนี้ก็เข้าใจกันอยู่ ก็ให้กำลังใจว่าให้อดทนหน่อย เป็นธรรมดาของพรรคการเมืองที่มีโอกาสได้เสียงมากเสียงน้อย หากได้น้อยสัดส่วนคณะรัฐมนตรีก็น้อย คนที่มีศักยภาพที่น่าจะเป็นได้ก็ไม่มีโอกาส ซึ่งไม่ใช่ความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประสบการณ์แบบนี้พรรคประชาธิปัตย์เคยผ่านมา บางทีวัดกันด้วยความอดทนของคนเหมือนกัน ที่ทำได้คือการให้กำลังใจ ไม่เคยคิดจะให้ใครออก ใครที่มาบอกผมก็ห้ามทุกคน แต่เราห้ามเขาไม่ได้ ถ้าเขาตัดสินแบบนั้นไปแล้ว”

“พนิต” อวยพรให้เพื่อนรักโชคดี

ขณะที่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อไม่เห็นนายกรณ์ จาติกวณิช เพื่อนที่รู้จักกันมามากกว่า 40 ปี และเคยตัดสินใจกำหนดทิศทางชีวิตไปในทิศทางเดียวกันกว่า 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 35 ปีที่แล้ว เราสองคนเข้าออกบ้านหลังเดียวกัน ครั้งที่สองเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ได้ร่วมทำงานที่กลุ่มบริษัท Jardine Fleming (J.P. Morgan ในปัจจุบัน) บริษัทการเงินการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียที่ฮ่องกง ครั้งที่สามเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ได้มาร่วมงานที่พรรคประชาธิปัตย์ สถาบันทางการเมืองที่เรา 2 คนเชื่อมั่นในอุดมการณ์และวิธีการทำงานมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า เรา 2 คนไม่เคยเสียใจในการตัดสินใจของเราแม้เรื่องเดียว โดยเฉพาะครั้งที่สี่ ในปี 2000 ที่ตัดสินใจร่วมทีมแข่งขันกอล์ฟที่ราชกรีฑาสโมสรจนคว้าชัยชนะ เพราะเราสองคนมีทั้งบู๊และบุ๋น วันนี้ขอให้เพื่อนโชคดีตลอดไป และหวังว่าเราคงได้ร่วมงานเพื่อประเทศชาติด้วยกันต่อไป เพราะแชมป์ของเราคือประเทศไทย #IWillAlwaysSupportYou #OnlyYouAndIKnowBest

“นิพิฏฐ์” ยก “กรณ์” เพชรเม็ดงาม

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เคารพนับถือนายกรณ์ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนอยู่มาก่อนหลายปี เห็นแนวคิด วิธีทำงานแล้วศรัทธา คุยง่าย ไม่มีพิธีรีตอง มั่นใจว่าเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตคนหนึ่ง ก่อนการเลือกตั้งเคยคุยกับนายกรณ์เป็นเดือน เพื่อจัดทำนโยบายประกันรายได้สินค้าเกษตร เพราะต้องใช้งบประมาณมาก แต่เพื่อเกษตรกรเราจำเป็นต้องมีนโยบายนี้ สุดท้ายท่านก็ผ่านนโยบายนี้ให้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล พรรคก็นำนโยบายนี้ไปปฏิบัติ เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาคุยกันเรื่องแก้ปัญหาหนี้สินครู ท่านก็รับปากจะลงไปพัทลุง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหวังว่าจะรับปัญหานี้ไปแก้ไขต่อไป ถือว่านายกรณ์เป็นเพชรเม็ดเอกเม็ดหนึ่งของการเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหวังว่าจะส่งแสงเจิดจรัสให้การเมืองไทย เพชรเม็ดนี้หลุดมือจากพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว ได้แต่เสียดาย ใครได้เพชรเม็ดนี้ไปก็ยินดีด้วย และถนอมไว้ให้ดี

พท.ไร้หมัดเด็ดน็อก “บิ๊กป้อม”

วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความชัดเจนในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ดูแล้วคงไม่ต่างจากเดิมอาจมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเพิ่ม 1-2 คน สาเหตุที่ยังไม่ชัดเจนเพราะมีข้อมูลไหลเข้ามาเรื่อยๆ คาดว่าจะมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย 5-7 คน ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ต้องดูว่ามีหลักฐานมัดตัวเอาผิดได้ หรือเป็นแค่ความรู้สึก ถ้าพูดถึงความรู้สึกหลายคนอยากอภิปราย พล.อ.ประวิตรแต่ถ้าดูหลักฐานอาจไม่เหมือนความรู้สึก ฝ่ายค้านไม่อยากอภิปรายแบบจั่วลม จึงต้องให้มีหลักฐานมากที่สุด แม้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อยากอภิปราย พล.อ.ประวิตรแต่ต้องเอาข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่น ไม่ใช่มีแต่ความรู้สึกแต่ไม่มีหลักฐาน กรณี พล.อ.ประวิตรเบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานชัดเจนถึงขนาดน็อกได้ แต่เราพยายามหาข้อมูลกันอยู่

รับจิบไวน์แต่ไม่ใช่มาซูเอี๋ยกัน

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวมีการล็อบบี้ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ไม่ให้อภิปราย พล.อ.ประวิตรนั้น ยืนยันว่าไม่มี เป็นแค่ข้อสันนิษฐานระแวงกันไปเอง ผู้ใหญ่ในพรรคคุยกันได้ทุกฝ่าย แต่ทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง ฝ่ายรัฐบาลเราก็คุย มีการดื่มไวน์ร่วมกัน แต่ไม่ใช่ว่ากินแล้วจะซูเอี๋ยกันทุกครั้ง ส่วนเรื่องจำนวนวันอภิปรายฝ่ายค้านเห็นว่าอย่างน้อยต้อง 3 วัน ถ้าไม่จบก็ต่อไปจนจบ วันที่ 20 ม.ค.นี้ ฝ่ายค้านจะประชุมสรุปครั้งสุดท้าย จะยื่นอภิปรายใครบ้าง คาดว่าจะยื่นญัตติได้ในวันที่ 21-22 ม.ค. ทั้งนี้ ฝ่ายค้านอยากอภิปรายช่วงต้นเดือน ก.พ. แต่ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าสะดวกในช่วงหลังวันที่ 10 ก.พ. ต้องมาหารือกันอีกที

เป้าใหญ่อยู่ที่ “บิ๊กตู่” ไม่ใช่พี่ใหญ่

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกฯอาจเข้าใจผิดว่าปัญหาวิกฤติศรัทธาของรัฐบาล มาจากการไม่สามารถสื่อสารนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชนได้ จนมีกระแสข่าวจะเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาล แต่ถึงปลดไปก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาไร้ผลงานได้ สัญญาณความเสื่อมถอยของรัฐบาลและพรรคร่วม เริ่มออกอาการชัดขึ้นเรื่อยๆ อาการเลือดไหลไม่หยุดของบางพรรคที่มีสมาชิกทยอยลาออกแทบทุกวัน ไปตั้งพรรคใหม่ รองรับการเลือกตั้งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ปัญหาเกาเหลาระหว่างรัฐมนตรีต่างพรรครอเวลาเอาคืนกัน การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป้าใหญ่อยู่ไม่ได้ เครือข่าย “ระบอบประยุทธ์” ก็ต้องพ้นไปทั้งหมด นาทีนี้ พล.อ.ประวิตรไม่น่ามีบารมีพอไปล็อบบี้พรรคฝ่ายตรงข้าม เพราะแม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลเองยังไม่รู้ว่าคุยกับใครแล้วมีเครดิตน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่

“เสรีพิศุทธ์” ไม่ก้าวล่วงเพื่อไทย

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หลังมีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ใส่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้ในบัญชีรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า 7 พรรคฝ่ายค้านมารวมกันไม่เอารัฐบาล แต่ละพรรคมีอิสระ คงไปทำอะไรไม่ได้ จริงๆแล้วพรรคใครพรรคมัน พรรคเพื่อไทยจะอภิปรายใครก็เรื่องเขา พรรคเสรีรวมไทยจะอภิปรายใครก็เรื่องของเรา แต่มีกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งที่ต้องมาคุยกัน คือเมื่อประธานสภาฯจะกำหนดให้อภิปรายกี่วันแล้วตีเป็นรายชั่วโมงออกมา นำมาคำนวณเป็นเวลาอภิปรายของแต่ละพรรค เมื่อถามว่า เป็นความผิดปกติหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยไม่อภิปราย พล.อ.ประวิตร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า “คงไปก้าวล่วงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละพรรค”

“ชวน” แจงฝ่ายค้านยังไม่ประสาน

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากพรรคฝ่ายค้านถึงวันที่จะยื่นญัตติ โดยวันที่ 28 ก.พ. คือวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ยังมีเวลาอีกเดือนครึ่ง เมื่อถามถึงสถานะของ 4 ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกขับออกจากพรรคแต่ทางพรรคยังไม่ออกเอกสารมติขับอย่างเป็นทางการนั้น ตอนนี้กำลังรอเขาแจ้งมาว่าเมื่อครบ 30 วันแล้วแต่ละพรรคได้ดำเนินการอย่างไร และต้องรอ กกต.แจ้งมา ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมาทุกคนยังทำหน้าที่อยู่

“ช่อ” ปัดเตะถ่วงดัดหลัง 4 งูเห่า

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับองค์ประชุมที่ใช้ขับส.ส. 4 คน ว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน และดำเนินการส่งเอกสารให้กับสภาฯ และ กกต. ความล่าช้าที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นเพราะพรรคมีคดีต้องเตรียมต่อสู้ 30 คดี ทีมกฎหมายพรรคมีขนาดเล็กจึงต้องจัดลำดับความสำคัญ ส่วนตัวไม่สามารถยืนยันได้ว่าองค์ประชุมที่ใช้ขับ ส.ส.ทั้ง 4 คน ครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ และเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลที่ทั้ง 4 คน ต้องรู้ว่าตนเองมีสถานะทางการเมืองและกฎหมายอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคไม่มีเหตุผลที่พรรคจะยื้อ ส.ส.ทั้ง 4 คน เอาไว้ เพราะเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ส.ส.ทั้ง 4 คนนี้ ไม่ได้ลงมติไปในทางเดียวกับพรรคอยู่แล้ว

“ประยุทธ์” ปฏิเสธข่าวยุบสภาฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 โดยก่อนประชุมนายกฯปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่ามีกระแสข่าวจากพรรคร่วมรัฐบาล ว่ารัฐบาลเตรียมยุบสภาฯเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อมาภายหลังการประชุม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามอีกครั้งถึงกระแสข่าวยุบสภาฯดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ตอบเพียงสั้นๆว่า “ไม่มียุบเยิบอะไรทั้งนั้น ใครไปพูดล่ะ”

“บิ๊กป้อม” คนปูดข่าวมโนไปเอง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “ใครคิด ถ้าเขาคิดคนเดียวก็ว่าไปคนเดียว จะไปยุบสภาฯเรื่องอะไร ไม่มีหรอก คนที่พูดเรื่องนี้ไม่มีอำนาจในการยุบสภาฯอยู่แล้ว คนยุบสภาฯคือนายกฯคนเดียว” เมื่อถามถึงการเตรียมพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มีอะไร เราทำงานด้วยความโปร่งใส ตามกฎหมายทุกอย่าง ตอบไปตามนั้น เราไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย ส่วนการวางตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 แทน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชรนั้น ทางพรรคเตรียมบุคคลลงสมัครแล้ว เป็นนายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ บุตรชาย พ.ต.ท.ไวพจน์คิดว่าจะเก็บเสียงกลับมาเป็นของพรรคได้

“ท็อป” เมินข่าวลือขอทำงาน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ยังไม่ได้ข่าวอะไร ทุกวันนี้ยังประชุมกันอยู่ ข่าวลือขณะนี้เยอะมาก พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ค่อยฟังข่าวลือ เราไม่ถนัดใครจะไปลืออย่างไรก็แล้วแต่ ขอทำงานเหมือนกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีสภาฯอยู่ ดังนั้นจะยุบสภาฯ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ตนไม่สนใจ สนใจแค่ว่าวันนี้เหลือเวลาทำงานอะไรให้ได้มากเท่าไหร่ หากพะวงกันแค่เรื่องยุบสภาฯ หรือปรับ ครม. รัฐมนตรีแต่ละคนคงไม่มีกะจิตกะใจทำงาน เอาเวลามาทำงานดีกว่า จะยุบก็ยุบไม่เป็นไร หรือถ้าไม่ยุบเราก็ทำงานต่อ

แต่การเมืองไทยอะไรก็เกิดได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าข่าวดังกล่าวเป็นไปได้หรือไม่ นายวราวุธตอบว่า เรื่องเหล่านี้เราไม่เคยคิด แต่สถานการณ์การเมืองไทยเท่าที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดูอย่างนายกรณ์ จาติกวณิช ใครจะไปคิดว่าจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะยุบหรือไม่ยุบล้วนแล้วแต่เป็นวัฏจักรทางการเมือง ขอให้มองเป็นเรื่องปกติ บางรัฐบาลอยู่ไม่กี่เดือน บางรัฐบาลอยู่มายังไม่ทันได้ตั้งรัฐบาลด้วยซ้ำก็มีอันเป็นไป เมื่อถามว่า ไม่มีชื่อรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพัฒนาถูกอภิปรายเลย พร้อมจะสนับสนุนรัฐมนตรีคนอื่นที่ถูกอภิปรายใช่หรือไม่ นายวราวุธตอบว่า เราทำงานกันเป็นทีม

“กรณ์-ไวพจน์” สิ้นสุดสภาพ ส.ส.

เมื่อเวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายศุภชัย โพสุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช มีหนังสือขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายกรณ์สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (8) และแจ้งเรื่องสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ สิ้นสุดลงด้วยเหตุศาลจังหวัดพัทยาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ให้ลงโทษ พ.ต.ท.ไวพจน์จำคุก 4 ปี ปรับ 200 บาท โดยไม่รอลงอาญา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ พ.ต.ท.ไวพจน์สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (13) ดังนั้นจำนวน ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ขณะนี้มีจำนวน 497 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งไม่น้อยกว่า 249 คน

“เสรีพิศุทธ์” ใจเย็นไม่รีบฟ้อง ส.ส.

อีกเรื่อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมดำเนินคดีกับ ส.ส. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขอเอกสารหลักฐานการประชุมและการลงคะแนนทั้งหมดมาศึกษาก่อน ต้องดูว่าใครอภิปรายและลงมติอย่างไร เมื่อได้รับเอกสารแล้วจะตั้งทีมงานศึกษา ต้องตรวจสอบหลักฐานจำนวนมากขอให้ใจเย็นๆ เพราะอายุความเป็น 10 ปี จะให้ทำภายในวันเดียวเป็นเรื่องตลก เมื่อถามว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เคยระบุว่าการฟ้องร้องลักษณะนี้ส่วนใหญ่ศาลจะยกฟ้องทุกครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า ถ้าเป็นศาลอื่นก็ไม่แน่เหมือนกัน รู้อยู่ว่าที่มาศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร พ้นวาระแล้วก็ยังไม่ยอมคัดเลือกใหม่

มั่นใจยื่นฟ้องครั้งนี้ไม่เสียเปล่า

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการยื่นฟ้องครั้งนี้อาจเสียเปล่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า ไม่กังวลเพราะออกกำลังทุกวัน เหงื่อออกแล้วจะเสียเปล่าได้อย่างไร การยื่นฟ้องคดีตอนนี้ยิ่งได้ความรู้ยิ่งมีประสบการณ์ ไม่มีอะไรเสียเปล่า ทำความดีไม่มีอะไรเสียเปล่า ประชาชนจะได้เห็นว่าพรรคเสรีรวมไทยเป็นอย่างไร ไม่พูดอย่างทำอย่าง จริงใจกับประชาชนตลอด จะเป็นผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ประชาชนตัดสินใจว่าพรรคเสรีรวมไทยเป็นอย่างไร ดูมีงูเห่าสักตัวหรือไม่ ทุกคนอยู่ในระเบียบวินัยหมด และการยื่นฟ้องไม่มีผลกระทบต่อการใช้งบประมาณ หรือกระทบฐานเสียงพรรค เพราะงบประมาณผ่านไปแล้ว แม้กฎหมายงบประมาณไม่ผ่านสภา ก็สามารถใช้งบประมาณปีก่อนไปพลางก่อน การรีบอยากได้งบประมาณเพราะอยากได้เงินทอนหรือเปล่า เชื่อว่าหลายหน่วยงานไปดำเนินการกัน และสั่งผู้รับเหมาในพื้นที่ดำเนินการกันหมดแล้ว พองบประมาณลงไปก็เบิกจ่ายกันเลย

52 ส.ส.เข้าชื่อปลด “เสรีพิศุทธ์”

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และนายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงข่าวยื่นญัตติด่วนขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทน ราษฎร พิจารณาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) และ กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร โดยมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลร่วมลงชื่อในญัตติ 52 คน นายไพบูลย์กล่าวว่า เนื่องจากการประชุม กมธ.ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 15 ม.ค. กมธ.เสียงข้างมาก 8 คนจากทั้งหมด 15 คน มีมติให้ยุติการตรวจสอบเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องพระราชอำนาจ ไม่ได้อยู่ในอำนาจ กมธ.ตรวจสอบ ปรากฏว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อ้างอำนาจประธาน กมธ. ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป กมธ.เสียงข้างมากจึงต้องเสนอญัตตินี้

ดื้อไม่หยุดจะบานเป็นเรื่องใหญ่

นายไพบูลย์กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กระทำมิบังควรอย่างยิ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่สมควรจะปฏิบัติหน้าที่ประธานและ กมธ.ต่อไป เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดว่า การถวายสัตย์เป็นเรื่องความสัมพันธ์เฉพาะระหว่างพระมหากษัตริย์กับ ครม. คืออยู่ในพระราชอำนาจ ถือเป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ถ้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังไม่หยุดจะเป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างคาดไม่ถึง

“สิระ” ขยี้ต่ออย่ารับเงินเดือน

นายสิระ เจนจาคะ กล่าวว่า ยืนยันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กระทำฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาฯชัดเจน หากยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปจะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีอีกหลายคดี ส่วนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ขู่จะยื่นฟ้อง ส.ส.ที่ลงมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มองว่าการพิจารณางบประมาณปี 63 มิชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่ควรรับเงินเดือน หากรับเท่ากับร่วมกระทำความผิดด้วย

“เสรีฯ” หลุดด่า “เอ๋” กลางวง กมธ.

ต่อมาเวลา 11.00 น. มีการประชุม กมธ.ป.ป.ช. มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่าเกิดการปะทะอารมณ์ระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กับนายสิระ เนื่องจาก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กมธ.ลุกขึ้นทวงถามกรณีที่ไม่บรรจุเรื่องที่ได้ยื่นตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 7 ประเด็น ที่สำนักเลขาธิการสภาฯส่งเรื่องมาถึง กมธ.ป.ป.ช.แล้ว แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่าไม่มีลายเซ็นของผู้ร้อง ทำให้ น.ส.ปารีณาในฐานะผู้ร่วมยื่นคำร้องยืนยันว่าลงลายมือชื่อเรียบร้อย จนเกิดการโต้เถียงนานกว่า 15 นาที กระทั่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เกิดอาการโมโห กล่าวต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง “อย่ามาเสือกพูดจาแบบนี้กับผม” ทำให้ น.ส.ปารีณาโต้ตอบกลับว่า “อย่ามาพูดจาต่ำๆแบบนี้กับดิฉัน” ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สวนกลับว่า “ก็คุณมันต่ำ” ก่อนจะสั่งพักการประชุม เนื่องจากมีการเรียก ส.ส.ไปลงมติในที่ประชุมสภาฯ

ฉะทำตัวไม่สมกับ “วีรบุรุษนาแก”

ต่อมา กมธ.ป.ป.ช.กลับมาประชุมกันอีกครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวยอมรับว่า เอกสารคำร้องลงนามถูกต้อง พร้อมกับตำหนิเจ้าหน้าที่ว่าไม่ยอมแจ้งให้ทราบ น.ส.ปารีณาจึงขอให้ถอนคำว่า “เสือก” ออก แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยืนยันไม่ถอนและท้าให้ไปฟ้องร้องเอา พร้อมไล่ น.ส.ปารีณาออกจากห้องประชุม สั่งตำรวจรัฐสภาหญิง 2 คน มานำตัวออกจากห้องและสั่งปิดการประชุมทันที แต่นายสิระได้โวยวายขอให้ถอนคำว่า “เสือก” เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้รับฉายาวีรบุรุษนาแก ไม่สมควรใช้คำนี้กับผู้หญิง ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า คุณมาทำตัวแบบนี้ วันหนึ่งมาไหว้ วันหนึ่งมาว่า นายสิระจึงตอบกลับว่า ไม่เกี่ยวกัน พร้อมยืนยันให้ถอนคำพูด ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินออกจากห้องประชุมทันที

อนค.บ่นเอือมต้องห้ามมวยตลอด

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โฆษก กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า รู้สึกเริ่มเบื่อกับประเด็นวิวาทะที่เกิดขึ้นในที่ประชุม กมธ.ส่วนใหญ่การทำงานที่ผ่านมาสามารถเดินไปได้ แต่จะมาติดขัดในเรื่องแบบนี้ ตนนอกจากจะเป็น กมธ.ทำหน้าที่สอบสวนแล้วยังต้องเป็นกรรมการห้ามมวยด้วย

แนะ “ปารีณา” ควรแสดงสปิริต

นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้รับแต่งตั้งเป็น กมธ.ป.ป.ช.ทั้งที่ยังมีคดีเรื่องที่ดินค้างคาอยู่ แม้เรื่องการครอบครองที่ดินไม่ได้ผิดข้อบังคับอะไร แต่เมื่อ กมธ.เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ก็ควรแสดงสปิริตออกนอกห้องประชุม ไม่ควรอยู่ร่วมประชุมหรือซักค้านข้อมูล สร้างความลำบากใจต่อผู้ให้ข้อมูลระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของ น.ส.ปารีณาดีขึ้นด้วย

“ท็อป” ปัดเกียร์ว่างคดีที่ดิน “ปารีณา”

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร.ว่า ล่าสุดอธิบดีกรมป่าไม้ รายงานว่าทางกฤษฎีกาเชิญกรมป่าไม้ไปให้ข้อมูลเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ในเร็ววันนี้คงได้ข้อสรุปกลับมาดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างแน่นอน ไม่มีการชะลอ ไม่มีการยกเว้นใดๆทั้งสิ้น ขอให้ประชาชนไว้ใจและอุ่นใจได้ กฎหมายของ ทส.ใช้กับทุกคนไม่เลือกปฏิบัติ ได้ขอให้กฤษฎีกาดำเนินการให้เร็วที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตา แต่ถ้าจะเร่งไปมากจะโดนบางคนฟ้องร้องหาว่าเราเลือกปฏิบัติเร่งรัดแต่กรณีนี้ กรมป่าไม้ดำเนินการเป็นมาตรฐานเหมือนทุกๆกรณี

“โรม” ขู่งัด ก.ม.คำสั่งเรียก 4 บิ๊กแจง

อีกเรื่อง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า กมธ.ออกหนังสือเชิญนายกฯ ในฐานะอดีตหัวหน้า คสช. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่เคยเป็นเลขาธิการ คสช. มาให้ข้อมูลกรณีละเมิดสิทธินักศึกษา และนักกิจกรรมทางการเมือง แต่สำนักงานเลขาธิการ ครม. ทำหนังสือให้ ผบ.ทบ.มาชี้แจงแทน และส่งเป็นหนังสือชี้แจงมา 1 หน้ากระดาษ กมธ.เห็นว่าไม่เพียงพอต่อการชี้แจง คราวต่อไปจะเชิญทั้ง 4 คนมาอีกครั้ง หากไม่มามีความจำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก แต่หวังว่าจะไม่ถึงขั้นนั้น

จ่อสอบ ตร.คุกคามคน “วิ่งไล่ลุง”

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง กมธ.พบว่ามีการคุกคามนักศึกษาและประชาชนทั่วประเทศ ต้องมีการสอบสวน และเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.พะเยา และนครศรีธรรมราชมาชี้แจง โดยวันที่ 22 ม.ค. จะเชิญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มาชี้แจง เพราะสงสัยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจใน กทม.และต่างจังหวัดไม่เหมือนกัน รวมถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เหตุใดนักศึกษาไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้ เพราะกิจกรรมวิ่งไล่ลุงไม่น่าจะกระทบความมั่นคง และ ผกก.สภ.เมืองพะเยา

“บิ๊กป้อม” คุมเข้ม ครม.สัญจรใต้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า การประชุมเตรียมการบูรณาการประเด็นด้านสารัตถะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2563 ในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะเน้นถึงการดูแลความปลอดภัยการประชุม ครม. และการลงพื้นที่ไปตรวจงานของรัฐมนตรีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากเพราะเขาพร้อมดูแลอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล

ส.ส.ชงสร้างสะพาน “จันทร์โอชา”

อีกเรื่อง นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอฝากไปยัง รมว.คมนาคม ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีคนไปท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี การจราจรติดขัดมาก มีท่าเรือเพียง 2 แห่ง ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องสร้างสะพานจาก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไปยัง อ.เกาะสมุย ในอดีตนายพจน์ สารสิน สร้างสะพาน “สารสิน” จาก จ.พังงาไปภูเก็ต และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ สร้างสะพาน “ติณสูลานนท์” วันนี้ตนมีกราฟิกที่จะสร้างสะพานที่สวยงามไปเกาะสมุย และเพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับ พล.อ.ประยุทธ์โดยใช้ชื่อสะพาน “จันทร์โอชา”

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้สั่งการให้ตั้งชื่อสะพานโดยใช้ชื่อนามสกุล เป็นเรื่องของหน่วยงานพิจารณาตามความเหมาะสม

กกต.ยกคำร้อง “ชนม์สวัสดิ์”

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ยกคำร้องกรณี น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และพรรคพลังประชารัฐ ถูกกล่าวหาใช้อิทธิพลคุกคามเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งให้ โดย กกต.เห็นว่าผู้ร้องและพยานของผู้ร้องเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่ทราบแน่ชัดวัน เวลา สถานที่ ส่วนที่ร้องนายชนม์สวัสดิ์ใส่เสื้อสัญลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2562 ที่สนามกีฬา จ.สมุทรปราการ เป็นไปตามคำเชิญของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะนายชนม์สวัสดิ์เป็นประธานหอการค้าสมุทรปราการ จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งหมดกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย

เคาะเลือกซ่อมกำแพงเพชร 23 ก.พ.

ต่อมาช่วงค่ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.ได้ประสานไปยังสำนักเลขาธิการ ครม. เพื่อให้รัฐบาลเสนอทูลเกล้าฯเพื่อทรงตรา พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชร แทนตำแหน่งที่ว่าง จากกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ในคดีล้มประชุมอาเซียนเมื่อปี 2552 โดย ครม.จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมสัปดาห์หน้า เมื่อ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใช้บังคับแล้วภายใน 5 วัน กกต.จะประชุมและประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง วันสมัครรับเลือกตั้ง โดยจะกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ.เป็นวันเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นวันที่ 40 ของกรอบเวลา 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง และเปิดรับสมัคร 29 ม.ค.-2 ก.พ.

ศาลสั่ง กกต.แจงขั้นตอนยุบ อนค.

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อน ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรคอนาคตใหม่ กกต. กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-14 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำสำนวนเร่งรัดคดียุบพรรคไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตฯมีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. ขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสืบสวนไต่สวน รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และการดำเนินคดีดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีขั้นตอน วิธีการสืบสวน ไต่สวน การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามกฎหมาย กฎ ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร โดยให้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ศาลภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล ศาลนัดพร้อมวันที่ 20 ก.พ. เวลา 10.00 น.