ถกงบวันที่ 2 จืด ‘ปู’ควง‘ทักษิณ’ ลุยธุรกิจลํ้ายุค
ถกงบประมาณ 2563 ยังอืด “ชวน” ชี้ ส.ส.รุ่นใหม่ยังไม่ชิน แต่เชื่อเสร็จตามกำหนด 10 ม.ค. ยักไหล่ใครจะยื่นศาลตีความถือเป็นสิทธิ์ แต่เห็นอยู่บ่อยๆยื่นไปก็ยกคำร้อง “เสรีพิศุทธ์” ย้ำคำเดิมใครโหวตหนุนจะฟ้องให้เหี้ยน “วิษณุ” โต้เรื่องเหลวไหลได้งบลับเดือนละล้าน พท.รุมยำ “ดอน” แนะรัฐบาลตัดเนื้อร้ายไล่พ้นเก้าอี้ ซัดอวดรู้ฉุดประเทศไปสู่ความเสี่ยง “ชลน่าน” เหน็บแสบรัฐมนตรีผีเจาะปาก ไม่รู้กาลเทศะ ยังดีที่ข้าราชการมีสมองออกมาปกป้องประเทศ ส.ส.ห่วงรัฐไม่ทุ่มงบสนับสนุนงานวิจัยเหมือนตัดอาหารพัฒนาสมอง ทีมวิ่งไล่ลุงยื่นหนังสือเชิญชวน 7 พรรคฝ่ายค้าน เจอตำรวจสภาสกัดแสลงเสื้อยืดบาดตา “สุทิน” บอกเป็นเจตนาบริสุทธิ์พร้อมชวนสมาชิกไปร่วมกิจกรรม “ช่อ” แฉตำรวจพูดอย่างทำอย่าง เดินเกมวางกำลังบล็อกงานวิ่งไล่ลุง 12 ม.ค.เต็มที่ “ยิ่งลักษณ์” ควง “ทักษิณ” เปิดธุรกิจล้ำยุค เลือกอาหารที่เหมาะกับดีเอ็นเอ
การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2-3 ยังเป็นไปอย่างยืดเยื้อ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งอาจจะมีการแจ้งความเอาผิด ครม.-ส.ส. ที่ยกมือสนับสนุน ตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ระบุไว้ ล่าสุดการพิจารณาในมาตรา 10 กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายค้านพุ่งเป้าถล่มโจมตีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กันแบบจัดเต็ม
“ชวน” เชื่อถกงบฯ 63 จบตามกำหนด
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ม.ค. ที่รัฐสภา เกียกกาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่เหลืออีก 46 มาตรากับเวลาอีก 2 วัน ว่า คงประชุมไปเรื่อยๆ แต่ในช่วงปลายอาจจะเร็วขึ้น เพราะเป็นข้อตกลงและเป็นคำมั่นสัญญาของผู้ควบคุมเสียงทั้งสองฝ่ายว่าจะให้เสร็จในวันศุกร์ที่ 10 ม.ค.นี้ การพิจารณางบฯในวาระที่สองครั้งนี้อาจจะด้วยความที่ ส.ส.หลายคนยังไม่เคยชิน จึงทำให้การอภิปรายเหมือนในวาระที่หนึ่งมาก คืออภิปรายเรื่องหลักการของงบประมาณ ไม่ใช่การแปรญัตติในแต่ละเรื่องอย่างที่เราเคยได้ยิน ตนจึงพยายามเตือนสมาชิก เชื่อว่าวันที่ 10 ม.ค. น่าจะเสร็จตามที่ตกลงกันไว้ ไม่น่ายืดเยื้อจนทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 มีปัญหา
...

ยื่นตีความก็ถูกยกคำร้องบ่อยๆ
นายชวนกล่าวว่า ส่วนที่มี ส.ส.บางคนเกรงว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นเรื่องของ กมธ.และทางรัฐบาลดูแลอยู่ เมื่อถามว่า จะมีผลกระทบต่อการตรากฎหมายหรือไม่ นายชวนตอบว่า ตอนนี้ก็เป็นไปโดยปกติ ไม่มีอะไรที่ขัดระเบียบหรือกฎหมาย แต่ว่าความเห็นเรื่องขัดหรือไม่ขัดก็แล้วแต่ละท่าน เมื่อถามย้ำว่า มีการระบุว่าจะมีการยื่นต่อศาลให้ตีความ นายชวนกล่าวว่า “ก็มีสิทธิ์ทั้งนั้น บางคนยื่นอะไรบ่อยๆ ในนี้นะครับ แต่ว่ามักจะจบโดยยกคำร้อง”
พรรคร่วมฝ่ายค้านจ่อฟรีโหวต
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวประเมินการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ทุกคนทำหน้าที่กันดี บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อถามว่า ท่าทีของฝ่ายค้านจะงดออกเสียงใช่หรือไม่ นายสุทินตอบว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เป็นการอภิปรายในวาระ 2 ส่วนใหญ่งดออกเสียง แต่วาระ 3 จะต้องมีการประเมินอีกครั้ง แต่มีแนวโน้มสูงว่าจะมีการโหวตงดออกเสียง ส่วนพรรคเสรีรวมไทยที่จะไม่ร่วมลงมตินั้น ถือเป็นจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทยมาตั้งแต่แรก เราเข้าใจกันและให้เป็นอิสระไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า ในวาระ 3 การลงคะแนนจะเป็นเอกภาพหรือไม่ นอกเหนือจากพรรคเสรีรวมไทย นายสุทินตอบว่า ก็จะพยายามให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่คงไม่ถึงกับบังคับ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีเหตุมีผลก็อาจจะปล่อยให้พรรคร่วมฝ่ายค้านฟรีโหวตได้ แต่ได้มีการกำชับ ส.ส.ทุกคนดูและฟังข้อมูลให้ชัด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและระมัดระวังเรื่องที่สังคมกำลังจับตามองอยู่ และการเปิดฟรีโหวตไม่ทำให้งูเห่าแสดงตัว เพราะฟรีโหวตไม่ได้หมายความว่าฟรีโหวตทุกคน แต่เป็นฟรีโหวตของแต่ละพรรคฉะนั้นงูเห่าคงอาศัยช่องทางนี้ไม่ได้
“เสรีพิศุทธ์” ย้ำฟ้อง ส.ส.หนุนงบฯ 63
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาฯว่า ยืนยันว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ไม่แปรญัตติ และงดออกเสียงอย่างเดียว ส่วนกรณีที่กรรมาธิการฯยืนยันการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวถูกต้องแล้วนั้น ขอให้ว่าไปตามระบบ แต่จะเดินตามกฎหมายโดยยื่นฟ้อง ส.ส.ทุกคนที่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่จะดำเนินการหลังตรวจสอบผลการลงคะแนนออกมาก่อน ส่วนปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุนของรัฐบาลที่จะทำให้ต้องมีการซื้องูเห่าจากพรรคอื่น และมีการต่อรองให้ปรับคณะรัฐมนตรี และหากมีการปรับก็ต้องเข้าถวายสัตย์ฯ ก่อนทำหน้าที่ ซึ่งเห็นว่าเหมือนการกลัดกระดุมที่ผิดเม็ดแรกก็จะผิดไปตลอด ดังนั้นต้องยึดหลักการ
เด็ก พท.โผล่งดออกเสียงงบกลาโหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการโหวตลงคะแนนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ มาตรา 10 กระทรวงกลาโหม เมื่อคืนวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งที่ประชุมให้ความเห็นชอบด้วยคะแนน 247 ต่อ 195 งดออกเสียง 11 เสียงนั้น ฝ่ายค้านส่วนใหญ่โหวตลงมติไม่เห็นด้วย ส่วนผู้ลงมติงดออกเสียง 11 เสียงนั้น ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย 8 คน ที่ประกาศล่วงหน้าว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ส่วนอีก 3 เสียง ได้แก่ นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
“วิษณุ” โต้ได้งบลับเดือนละล้าน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 โดยระบุว่ามีการจัดสรรงบลับกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้กับนายวิษณุ เครืองาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เดือนละ 1 ล้านบาทว่า ไม่มี ไม่เคยมีด้วย ตนไม่ทราบและไม่เคยได้ยินที่ฝ่ายค้านพูด งบฯแบบนี้ไม่เคยมีนอกจากงบฯที่จัดให้รองนายกฯทุกท่านดูแลพื้นที่ที่กำกับดูแล เรียกว่างบภูมิภาคพื้นที่และไม่ได้มอบให้ตัวบุคคล เป็นงบที่ตั้งไว้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เพียงแต่ในพื้นที่ต้องการก็จะแจ้งมา งบฯส่วนนี้ห้ามนำไปใช้ผิดประเภท เช่น ห้ามนำไปใช้ดูงานต่างๆ แต่จะใช้ในโครงการที่เป็นประโยชน์กับคนในพื้นที่ ยืนยันที่ระบุว่าให้เป็นเงินเดือน เดือนละ 1 ล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีตั้งแต่ไหนแต่ไร รัฐบาลไหนก็ไม่เคยมี สักบาทหนึ่งก็ไม่มี เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ส่อขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ ทางกรรมาธิการฯเขาคงจะตอบได้ ส่วนตัวมองในแง่กฎหมายเห็นว่าไม่ขัด กรรมาธิการงบฯก็คงจะตอบเรื่องนี้เอง

พท.ตบปาก “ดอน” แนะรัฐไล่พ้นเก้าอี้
เมื่อเวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 วาระ 2-3 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่สอง โดยเป็นการพิจารณาในมาตรา 10 งบประมาณกระทรวงต่างประเทศ วงเงิน 4,940,473,000 บาท นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า รมว.ต่างประเทศคนปัจจุบัน เป็นลูกหม้อกระทรวงการต่างประเทศ แต่ผลงานช่วงหลายปีที่ผ่านมาน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะคำพูดที่ออกไปต่อสื่อหลายครั้ง ล่าสุดปัญหาระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านก็พูดว่า สหรัฐฯส่งสัญญาณการโจมตีอิหร่านมาให้ไทยทราบล่วงหน้า 1 วัน ถือว่าน่าห่วงมาก มีความเสี่ยงดึงไทยเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ถ้าสงครามลามมาถึงไทย รมว.ต่างประเทศจะรับผิดชอบได้หรือไม่ อาจถูกมองในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด การที่ รมว.ต่างประเทศปฏิเสธว่าสิ่งที่พูดเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยลามไปทั่วโลกแล้ว ขอให้รับผิดชอบด้วยการลาออก ขอให้รัฐบาลตัดเนื้อร้ายออก ดังนั้น จึงไม่ไว้วางใจให้งบประมาณของกระทรวงต่างประเทศขอตัดงบ 15%
อวดรู้ฉุดประเทศไปสู่ความเสี่ยง
นายสมคิด เชี้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอปรับลดงบประมาณกระทรวงต่างประเทศ 5% นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่ต้องเป็นหน้าตาประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดไปกินรังแตนมาจากไหน พูดเป็นตุเป็นตะเรื่องที่สหรัฐฯสังหารผู้นำทหารอิหร่าน ถ้าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือว่าโดนอภิปรายแน่ สุดท้ายบอกว่าเข้าใจคลาดเคลื่อน แล้วจะมาบริหารกระทรวงได้ยังไงตัด 5% ยังน้อยไป ความจริงไม่อยากให้เลยถ้าบริหารแบบนี้ การพูดจาแบบนี้จะสร้างความร้าวฉาน นายดอนพูดจานำพาประเทศไปสุ่มเสี่ยงต่อความรู้สึกของมิตรประเทศ อยากอวดอะไรก็อวดได้ แต่อย่าเอาคนไทยไปเสี่ยงต่อการอวดรู้ความสามารถตัวเอง
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายดอนขาดวุฒิภาวะ จากการสัมภาษณ์ของเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับอิหร่าน การดึงไทยเข้าไปมีส่วนร่วมการขัดแย้ง ทั้งที่ความสัมพันธ์ไทย-อิหร่านดีมาตลอด แต่สุดท้ายกลับบอกว่าได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน ถ้าเอาเงินไปให้คนไม่มีความรู้ ความสามารถมาบริหารถือว่าเสียหาย ขอให้ตัดงบกระทรวงการต่างประเทศ 10% และต้องปรับ รมว.ต่างประเทศออก
ข้าราชการ กต.ยังมีสมองมากกว่า
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ รมว.ต่างประเทศพูดออกมาต้องรับผิดชอบ การที่มีสมาชิกออกมาปกป้อง แต่ตนจะไม่ปรับลดงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศด้วยเหตุผลนี้ สิ่งที่เคยคาดการณ์ตัวเลขการเจริญโตทางเศรษฐกิจจะโต 3%นั้น เป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีรัฐมนตรีผีเจาะปากทำลายความเชื่อมั่น ใครจะมาท่องเที่ยว ค้าขายกับเรา เพราะไม่รู้ที่ถูกที่ควร ไม่รู้กาลเทศะ ไร้วุฒิภาวะ แต่ขอชื่นชมข้าราชการกระทรวงต่างประเทศที่ช่วยออกมาปกป้องประเทศ ถือว่ามีสมอง
นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล้าปฏิวัติ แต่วันนี้กล้ากับลูกน้องที่ไม่ประสีประสากับการต่างประเทศหรือเปล่า กล้าเอาออกหรือไม่ พูดชักศึกเข้าบ้านแบบนี้น่าเป็นห่วงมาก ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจโดยด่วน ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะถูกดึงเข้าสู่กระบวนการไปด้วย อยากให้ประเทศไทยเป็นกลาง เป็นประเทศมีความสุข
“ชวน” ติดเบรกรุมถล่มกันหนักข้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายมาตรา10 กระทรวงต่างประเทศนั้น ปรากฏว่า ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยทุกคนต่างขึ้นมาถล่มการให้สัมภาษณ์ของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ อย่างหนัก พร้อมให้รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานการประชุม ต้องคอยตักเตือนอยู่เป็นระยะๆ ให้อภิปรายอยู่ในกรอบของงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ไม่ใช่การอภิปรายในลักษณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระทั่งเวลา 11.30 น. หลังจากที่สมาชิกอภิปรายจนครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 10 ด้วยคะแนน 248 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 200 ไม่ลงคะแนนเสียง 1
ส.ส.รุมท้วง กมธ.ไม่หนุนงบวิจัย
ต่อมาในช่วงบ่ายเป็นการพิจารณามาตรา 11 งบรายจ่ายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วงเงิน 3,384,669,100 บาท มาตรา 12 งบรายจ่ายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วงเงิน 17,795,115,100 บาท บรรยากาศเป็นไปอย่างจืดชืด ไม่คึกคัก มี กมธ.และ ส.ส.อภิปรายตั้งข้อสังเกตกันไม่มาก ส่วนใหญ่ขอตัดงบประมาณ 5-10% ก่อนที่ประชุมจะลงมติให้ความเห็นชอบทั้งสองมาตรา ขณะที่มาตรา 13 งบรายจ่ายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 47,890,344,600 บาท สมาชิกหลายคนแสดงความเป็นห่วงเรื่องการตัดลดงบประมาณในส่วนการวิจัยลง ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ อาทิ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยไร้ทิศทาง ทำแบบปลายน้ำ เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับการวิจัย อยากเสนอให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯเป็นเจ้าภาพเรื่องการวิจัยเป็นหลัก เพื่อให้งานวิจัยที่ออกมานำไปใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่วิจัยเสร็จแล้วไปไว้บนหิ้ง
เหมือนตัดสารอาหารพัฒนาสมอง
นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญสนับสนุนงานวิจัย ไม่ใช่เฉพาะงานวิจัยที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ แต่รวมถึงงานวิจัยที่จับต้องไม่ได้ หรือไม่ประสบความสำเร็จด้วย เพราะแม้อาจไม่มีคุณค่าเชิงพาณิชย์ แต่มีคุณค่าเชิงพัฒนาสติปัญญา ทำให้เกิดการค้นคว้า พัฒนาคน ถือเป็นพันธกิจหลักของรัฐที่ต้องทำให้เกิดขึ้น จะโยนให้เป็นภาระภาคเอกชนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เรื่องงานวิจัยไม่สามารถใช้หลักการตัดงบแบบเหมารวมมาใช้ได้ การไม่สนับสนุนงานวิจัยเหมือนการตัดสารอาหารไม่ให้เข้าสู่สมอง เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ

ตัดแหลกงบกรมวิชาการเกษตร 600 ล้าน
ต่อมาเวลา 17.40 น. ที่ประชุมเริ่มเข้มข้นขึ้น เกิดการปะทะคารมระหว่าง กมธ.กับ ส.ส. เมื่อเข้าสู่การอภิปรายในมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 31,644,475,100 บาท ตามที่ กมธ.เสียง ข้างมากได้มีการแก้ไขปรับลดงบประมาณ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ชี้แจงการตัดงบประมาณของกรมวิชาการเกษตรว่า พบข้อผิดปกติเยอะมาก ตั้งงบรั่วไหล ขอดูทีโออาร์การจัดซื้อจัดจ้างก็ไม่ให้ดู ด้าน น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุใด กมธ.ตัดงบกรมวิชาการเกษตร จากเดิม 1,500 ล้านบาท เหลือ 899 ล้านบาท ตัดไป 600 ล้านบาท ขณะที่นายวรวัจน์ชี้แจงว่า เหตุที่มีการตัดงบเพราะพบว่ามีการเช่าคอมพิวเตอร์ 3 แสนบาทต่อ 5 ปี อยากถามว่ารับได้หรือไม่ เมื่อกรมวิชาการเกษตรตอบไม่ได้ว่าเหตุใดค่าเช่าคอมพิวเตอร์ถึงเป็น 3 แสนบาท ทั้งที่ค่าซื้อเพียงแค่ 1.7 หมื่นบาท กมธ.ก็ไม่มีใครกล้าให้งบ เพราะมีความผิดปกติเกินจริงเป็น 10 เท่า กระทั่ง เวลา 20.00 น. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามเนื้อหามาตรา 14 ด้วยคะแนน 245 ต่อ 2 งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนน 3 เสียง เห็นชอบตามที่ กมธ.เสียงข้างมากมีการแก้ไข

ทีมวิ่งไล่ลุงบุกสภาเชิญชวนฝ่ายค้าน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง พร้อมคณะกรรมการแนวร่วมสมาพันธ์จัดงาน เข้ายื่นหนังสือถึง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ผ่านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในวันที่ 12 ม.ค. นายธนวัฒน์กล่าวว่า เป็นตัวแทนของทีมงานวิ่งไล่ลุง เดินทางมาเพื่อมอบหนังสือเชิญตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เวลา 05.00-09.00 น. หลังจากที่เราได้เดินทางไปเชิญรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล จึงอยากมาเชิญฝ่ายค้านเข้าร่วม เพื่อให้ตัวแทนของประชาชนได้ไปรับฟังเสียงของประชาชนที่งานนั้นด้วย การมายื่นหนังสือในวันนี้ เรามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่โดนสกัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาไม่ให้เข้าด้านในอาคาร โดยตั้งข้อแม้ว่าต้องให้ตนเปลี่ยนเสื้อวิ่งไล่ลุงตัวที่ใส่มาก่อน จึงจะสามารถเข้าไปได้ แต่ตนได้ยืนยันว่าเสื้อตัวนี้ใส่แล้ว ไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามใส่เสื้อวิ่งไล่ลุง เรายืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนเสื้อ จึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้
“สุทิน” พร้อมชวนสมาชิกร่วมกิจกรรม
ด้านนายสุทินกล่าวว่า เรามองว่ากิจกรรมนี้เป็นเจตนาบริสุทธิ์และกระทำโดยเปิดเผย อยู่ภายใต้ข้อกฎหมาย ตนจะทำหน้าที่ไปเชิญชวนสมาชิกฝ่ายค้านให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม ในวันดังกล่าวตนติดภารกิจลงพื้นที่ต่างจังหวัด อาจจะร่วมในพื้นที่แทน
“ช่อ” แฉวางกำลังบล็อกงาน 12 ม.ค.
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แถลงว่า กมธ.มีเรื่องค้างการพิจารณาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือ เรื่องการจัดงานวิ่งไล่ลุง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ม.ค. มีการร้องเรียนมายัง กมธ.ตั้งแต่เดือน ธ.ค.62 โดยทาง กมธ.ได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตอบข้อซักถามแล้ว และได้รับคำตอบว่าสามารถจัดงานวิ่งไล่ลุงได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ยังเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นประชาชน ล่าสุดวันที่ 9 ม.ค. นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย แกนนำผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง นำหนังสือจะมาเชิญ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านไปร่วมงาน แต่ตำรวจรัฐสภาไม่อนุญาต ให้เข้ามาในพื้นที่รัฐสภา เพราะนายธนวัฒน์สวมใส่เสื้อกิจกรรมวิ่งไล่ลุงมา โดยตำรวจรัฐสภาบอกว่าให้ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนไม่เช่นนั้นจะไม่ให้เข้า จึงเกิดคำถามว่ารัฐสภาเป็นพื้นที่ของประชาชน โดยทั่วไปไม่มีประชาชนคนไหนใส่สูทผูกไทเข้ามา แต่เหตุใดผู้จัดงานวิ่งไล่ลุงจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาบริเวณรัฐสภา หากปล่อยให้สภาใช้อำนาจโดยไร้การอ้างอิงแบบนี้ ส.ส.คงไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นตัวแทนของประชาชน ทั้งนี้เราไม่รู้ว่าวันที่ 12 ม.ค.นี้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะหลายพื้นที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามจัดกิจกรรม เราขอยืนยันต่อประชาชนว่าจะทำเต็มความสามารถ เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ หากใครถูกคุกคาม หรือสั่งห้ามเข้าร่วมกิจกรรมสามารถมาร้องเรียนกับทาง กมธ.ได้
ยังตามกัดติด “อับดุลเลาะ” เสียชีวิต
น.ส.พรรณิการ์ยังกล่าวถึงกรณีของนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ที่ถูกควบคุมตัวภายในค่ายอิงทยุทธบริหาร จ.ปัตตานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ว่า กมธ.เคยเชิญเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มาซักถามแต่ได้เลื่อนไปในครั้งแรก และครั้งที่สองมีเพียงตัวแทนจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และญาติผู้ร้องมาให้ข้อมูล โดยไม่ได้รับคำตอบจาก กอ.รมน. ตนในฐานะ กมธ.ขอยืนยันว่าจะยังแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป เพื่อให้ กอ.รมน.มาตอบข้อซักถาม ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางคณะ กมธ.ไม่เคยใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะ กมธ.เลย แต่เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน อาจจำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว อย่าให้ต้องใช้อำนาจกันขนาดนั้นเลย
ประมวลสถานการณ์คุกคาม “วิ่งไล่ลุง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน www.tlhr2014.com เผยแพร่ข้อมูล เรื่อง ประมวลสถานการณ์คุกคามสิทธิฯ “วิ่งไล่ลุง” โดยระบุว่า กิจกรรมวิ่งไล่ลุงมีการประกาศจัด 34 จังหวัด ใน 39 จุด (บางจังหวัดมีหลายจุด) ในกรุงเทพฯ มีการกดดันสถานที่ไม่ให้จัดแถลงข่าวงานวิ่งไล่ลุงถึง 2 ครั้ง สุดท้ายต้องเปลี่ยนไปวิ่งในสวนรถไฟ ในส่วนของภาคกลาง ที่มีจัดงานวิ่งไล่ลุง ใน 9 จังหวัดนั้น เท่าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิ-มนุษยชนติดตาม มีคณะผู้จัดถูกแทรกแซง ได้แก่ จังหวัดนครปฐม ชลบุรี พะเยา อุบลราชธานี ผู้จัดโดนกดดัน ผู้ร่วมงานก็ถูกติดตาม ไม่เพียงแต่จะมีการคุกคามหรือแทรกแซงผู้จัดงานเท่านั้น แต่ยังเลยไปถึงกลุ่มที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเดิมที่เจ้าหน้าที่จับตาอยู่ โดยจะมีตำรวจไป “เยี่ยมบ้าน” เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนในพื้นที่ที่ไม่มีการจัดงาน เช่น จังหวัด เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถ่ายรูป ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ และถามว่ามีการจัดงานหรือไม่ เว็บไซต์ศูนย์ทนาย ระบุด้วยว่าหากผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง หรือประชาชนทั่วไป ประสบปัญหาการใช้เสรีภาพในการแสดงออกหรือเสรีภาพในการชุมนุมจากกรณีดังกล่าว สามารถติดต่อเพื่อให้ข้อมูลหรือขอคำปรึกษาทางกฎหมายได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 09-6789-3173, 09-2271-3172 ทางอีเมล tlhr@tlhr2014.com
เรียก 4 บิ๊กแจงยุค คสช.เรืองอำนาจ
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน แถลงความคืบหน้าการพิจารณาการดำเนินคดีโดยรัฐเพื่อกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมือง ตามที่มีผู้ร้องเรียนต่อ กมธ.ว่า ในวันที่ 15 ม.ค. กมธ.จะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะอดีตหัวหน้า คสช. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. ในฐานะอดีตเลขาธิการ คสช. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. ในฐานะอดีตเลขาธิการ คสช. และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะอดีตเลขาธิการ คสช. เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ. เพราะบุคคลทั้ง 4 คน ถือเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามถ้อยคำที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ. รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ก่อนหน้านี้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.บุรินทร์ ในการดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมืองเป็นไปตามคำสั่งของ คสช.ทั้งสิ้น เราอยากให้มาชี้แจงด้วยตนเอง ที่ผ่านมา กมธ.ใช้วิธีอย่างละมุนละม่อมมาโดยตลอด อย่าให้ถึงขั้นต้องใช้กฎหมายบังคับกันเลย
จนท.ติวเข้มรับมือวิ่งไล่–เชียร์ลุง
เวลา 09.00 น. ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 ร่วมกันเปิดโครงการอบรมทบทวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ประจำปี 2563 มีข้าราชการตำรวจที่รับผิดชอบงานควบคุมฝูงชนสังกัด บก.น.9 จำนวน 2 กองร้อย รวม 310 นาย เข้ารับฟังการบรรยายจากวิทยากร พล.ต.ต.โชคชัยกล่าวว่า การอบรมในวันนี้เป็นการติดอาวุธทางปัญญาทางภาคทฤษฎีให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน หลังจากนี้จะมีการฝึกภาคปฏิบัติด้วยตามวงรอบทุกๆเดือน สาเหตุที่ต้องทำการฝึกเนื่องจากมีการคาดการว่า สถานการณ์ทางการเมืองในปี 2563 น่าจะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น แม้ในท้องที่ บก.น.9 จะไม่มีสถานที่เชิงสัญลักษณ์ แต่ต้องส่งกำลังเข้าสนับสนุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองหรือสถานการณ์
“พิชัย” จี้ลดภาษีน้ำมันช่วยประชาชน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ให้ทรุดลงไปอีกจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่จะสูงขึ้น ทั้งนี้ประชาชนไม่ทราบว่าในช่วงรัฐบาลปัจจุบันราคาน้ำมันลดลงจากเดิมกว่าครึ่ง ถ้าบริหารดีเศรษฐกิจคงดีกว่านี้ ราคาน้ำมันขายปลีกยังสูงเกือบเท่าราคาเดิม เพราะจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น หากสงครามทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น รัฐบาลควรลดภาษีน้ำมันลงยิ่งถ้าลดตอนนี้เลยจะช่วยค่าครองชีพประชาชนได้มาก ส่วนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กลับชักศึกเข้าบ้านพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ยอมรับว่าเป็นข่าวคลาดเคลื่อน แก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ยิ่งตอกย้ำความผิดพลาด รมว.ต่างประเทศควรมีวิจารณญาณในการพูดหรือไม่พูดอะไร ควรลาออกแสดงความรับผิดชอบเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดเพิ่มขึ้นกับประเทศ
“สามารถ” ลาออกพรรคเพื่อไทย
วันเดียวกัน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันที่ 9 ม.ค. โดยยื่นหนังสือไป 3 ฉบับ ถึงหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลในการลาออกว่า สังกัดไทยรักไทยและทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ปี 2543 ครบ 20 ปีพอดี มีโอกาสทำงานได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง จึงคิดว่าถึงเวลาต้องการความเป็นอิสระปลอดจากสังกัดพรรคการเมือง เพื่อทบทวนตัวเอง ถอยออกมามองและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ในภาพกว้างมากขึ้น รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพรรคพวกเพื่อนฝูงทุกกลุ่ม ทุกสี ทุกสาขาอาชีพอย่างกว้างขวางด้วยบรรยากาศสบายๆ ไม่กังวลในสถานะที่สังกัด ทั้งนี้ เพื่อจะก้าวเดินต่อไปในทิศทางที่เหมาะสมถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่

“ยิ่งลักษณ์” ควงพี่ชายเปิดธุรกิจล้ำยุค
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ควงคู่กับพี่ชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดตัวธุรกิจ นำเทคโนโลยีทางด้านเทเลคอมมาผสมผสานกับเทคโนโลยีตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ในงาน CES 2020 ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมโพสต์เฟซบุ๊กว่า “วันนี้ดิฉันและพี่ชายมางานเปิดตัวสินค้าของธุรกิจได้ที่ลงทุนไว้ ในงาน CES 2020 (Consumer Electronics Show) หรืองานจัดแสดงผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งธุรกิจนี้ได้เปิดตัวต่อเนื่องมาจากการเปิดตัวที่ลอนดอนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นการลงทุนโดยนำเทคโนโลยีทางด้านเทเลคอมมาผสมผสานกับเทคโนโลยีตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ด้วยการตรวจดีเอ็นเอจากร่างกายอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องส่งตัวอย่างเข้าตรวจในห้องแล็บ และข้อมูลที่ได้มาจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อเลือกอาหารที่เหมาะกับดีเอ็นเอของแต่ละคน ถือเป็นการปรับพฤติกรรมในการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คือ ทานอาหารให้เป็นยาป้องกันไม่ให้เราต้องทานยาเป็นอาหาร มองว่าตรงนี้ทำให้เราสามารถเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพได้อย่างน่าสนใจ หากใครสนใจที่จะทดสอบ DNA ก็สามารถแวะมาที่ ร้าน DNA nudge ย่าน Covent Garden กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ”
กกต.ยุติคดีผู้สมัคร พปชร.แจกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ผลคำวินิจฉัย กกต.กรณีก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏว่านางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต นครราชสีมาเขต 8 พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) จัดปราศรัยหาเสียงบริเวณลานหลังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาห้วยแถลง อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา โดยจัดรถกระบะหลายคันบรรทุกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาฟัง และจดรายชื่อผู้ฟังปราศรัยจ่ายค่าตอบแทนด้วยนั้น กกต.ไต่สวนพยานบุคคลที่ฟังการปราศรัย 7 ปากและผู้นำชุมชนใกล้เคียง ต่างให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่าไม่พบเห็นหรือได้ยินว่ามีการจ่ายเงินแล้วจดรายชื่อผู้ร่วมฟังการปราศรัย ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านางทัศนาพร กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ตามข้อกล่าวหาจึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง
นายกฯปฏิบัติภารกิจทำเนียบฯปกติ
ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม วันเดียวกัน เวลา 08.32 น. นายกฯเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยไม่มีวาระงานใดๆ ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรอยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2 และ 3 โดยมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรด้วยตัวเองหลังการพิจารณาเสร็จสิ้น ขณะเดียวกัน หลังจากการพิจารณางบประมาณแล้วเสร็จ นายกฯอยากให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการ คลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ส่วนพิธีสวดพระอภิธรรม พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา ของนายกฯที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร ซึ่งเป็นวันที่ 2 นั้น ทางเจ้าภาพยังคงต้องการให้จัดเป็นการภายใน
เตรียมหอบ ครม.สัญจรนราธิวาส
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ในเดือน ม.ค. เดิมเสนอให้จัดประชุมขึ้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค. แต่การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ได้เสนอให้เปลี่ยนไปจัดที่ จ.นราธิวาสแทน โดยล่าสุดวันที่ 9 ม.ค.ได้มีร่างกำหนดการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและสร้างความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดขายแดนภาคใต้ ตามนโยบายรัฐบาลและการประชุม ครม.สัญจร จ.นราธิวาส ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค.