ข้องใจทำไมไม่ไว้ใจตนเอง กมธ.จ่อตัดงบ กห.แสนล้าน ‘ช่อ’ โวยวิ่งไล่ลุงโดนคุกคาม
“บิ๊กตู่” โอดทำดีเพื่อประเทศ ไม่ได้ต้องการอำนาจ ทำไมไม่ไว้ใจผม เหน็บคนพันสองพัน หมื่นนึงต่อต้าน แต่ 60 ล้านคนเสียประโยชน์ บีบประชาชนเลือกจะเดินหน้าหรือถอยหลังรื้อทั้งหมดกลับสู่อดีต “บิ๊กป้อม” ไม่สั่งระงับวิ่งไล่ลุง แต่อย่าทำผิดกฎหมาย
“ธนาธร” รับทราบข้อหาแฟลชม็อบ 10 ม.ค. “ช่อ” โวยผู้จัดกิจกรรมหลายจังหวัดถูกตำรวจตามคุกคาม ที่อุบลฯผุดวิ่งเก็บขยะหน้าศาลหลักเมือง “ชวน” แจงไม่ได้รังเกียจทหารนั่ง ส.ว. แต่หลักการต้องไม่ยกเว้นใคร อุบไต๋ยังไม่ตอบฝ่ายค้านซักฟอกย้อนหลังได้หรือไม่ พท.จัดหนักข้อมูลถล่มรัฐบาลแบ่งเกรดเอบวก มีใบเสร็จมัดคอ “ภราดร” ชี้ 16-20 ม.ค. จ่อยื่นญัตติ คาดเปิดมีดเชือด 3 วันต้น ก.พ.หลังตรุษจีน เล็งขย่ม “บิ๊กป๊อก” ปมโรงไฟฟ้าขยะ “สุริยะ” ลุ้นติดโผขึ้นเขียงเซ่นแบน 3 สารพิษ หึ่ง “เจ๊หน่อย” งอนเก็บข้าวของพ้นพรรค
จากกรณีกลุ่มนักศึกษาและภาคประชาชนพร้อมใจกันจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในวันที่ 12 ม.ค. ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดย พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แต่การที่มีคนหลักพันหลักหมื่นคนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน จะทำให้คน 60 ล้านคนเสียประโยชน์
“บิ๊กตู่” ยันอดทนทำดีเพื่อประเทศ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย นำคณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ เข้าอำลาและรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก่อนเดินทางไปร่วมแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ 10 ณ เมืองซูบิค สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งสื่อมวลชนว่า นายกฯได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้โอวาทคณะนักกีฬาพาราลิมปิกแทน โดยมีรายงานข่าวว่าเนื่องจากนายกฯป่วยเป็นไข้หวัด แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่านายกฯจะให้โอวาทตามเดิม โดยนายกฯให้โอวาทตอนหนึ่งว่า นักกีฬาทุกคนได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติมากมายให้ประเทศ ทำให้คนไทยมีความสุข กีฬาสร้างเสริมให้คนไทยรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ทราบดีทุกคนมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้ความอดทน เสียสละ มุ่งมั่น ซึ่งทุกคนล้วนมีปัญหา อุปสรรคในชีวิต แต่ต้องเอาชนะให้ได้ ต้องมีความหวัง มีความเชื่อ มุ่งมั่นและมีศรัทธาทำความดี เหมือนนายกฯและรัฐบาล ปัญหามีมากแต่ตนอดทน มุ่งมั่นทำสิ่งที่ดีงามให้ประเทศ
...

เด็กนักกีฬาแซววิ่งให้ทันเขานะลุง
นายกฯกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าเรามีคนจำนวนมาก ความเห็นไม่ตรงกันเป็นธรรมดา แต่ทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมเดินไปข้างหน้า อะไรเป็นปัญหาช่วยแก้ ไม่ง่ายเหมือนการแข่งขันกีฬา แต่ตั้งใจว่าเราจะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจะทำวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ ตนทำแบบนี้ทุกวันไม่เคยทอดทิ้งเรื่องเหล่านี้ รวมถึงการดูแลผู้พิการ รัฐบาลคำนึงถึงมาโดยตลอด แต่ทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการ สุดท้ายขอฝากหัวใจ ฝากแรงรัก แรงศรัทธาและประเทศไทยไว้กับท่านทุกคน จากนั้นนายกฯเดินมาทักทายนักกีฬาพร้อมกล่าวว่า “พวกเราไปแข่งขันกีฬาที่โน่น ส่วนผมอยู่ที่นี่ก็แข่งกีฬาเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้ผมหรือเปล่า ผมทำความดี” ระหว่างที่นายกฯพูด ห่างออกไปด้านหลังห้องได้มีนักกีฬาคนหนึ่งพูดแซวเล่นกับเพื่อนว่า “ขอให้กำลังใจลุง ขอให้วิ่งให้ทันเขานะลุง”
ลั่น “ไม่ต้องการอำนาจ ทำไมไม่ไว้ใจผม”
ต่อมาเวลา 10.40 น. นายกฯให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้สิ่งที่กำลังดีๆ อยากให้เดินหน้าไป อย่าดึงให้ถอยหลัง ตนมุ่งมั่นทำงานมาตลอด 5 ปีก้าวสู่ปีที่ 6 ไม่ใช่ต้องการอำนาจ ใครบอกว่าการเมืองคืออำนาจผลประโยชน์ ในเมื่อตนไม่ต้องการอำนาจและผลประโยชน์ แล้วทำไมไม่ไว้ใจตน เมื่อไว้ใจตนก็ต้องไว้ใจการบริหารของตน วันนี้กำลังคิดแก้ไขปัญหาหลายเรื่อง เรื่องไหนทุจริตผิดกฎหมายชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ไปขึ้นกระบวนการศาล พูดกันไปมาไม่มีอะไรชัดเจน จนเกลียดชังหมด ไม่ใช่เวลาสร้างความเกลียดชังขึ้นในชาติ ทำไมไม่เอาเวลาไปสู้กับปัญหา แก้กันด้วยระบบกลไก ถ้ามัวโทษกันไปมาแก้อะไรไม่ได้สักอย่าง รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหาที่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่แก้ปัญหาเชิงเดี่ยวที่เปิดแล้วปรบมือปิดงาน ตนไม่ชอบแบบนั้น วันนี้ตนรับทุกปัญหาประชาชนมาคิดไม่เคยนิ่งนอนใจ ไม่ได้ฟังรายงานจากข้าราชการอย่างเดียว ฟังจากประชาชนที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ด้วย อยากให้ทุกคนใช้กลไกประชาธิปไตยของวันนี้ สร้างประเทศกันก่อนได้หรือไม่ ดีกว่าทำลายกันและกัน ผิดถูกตรงไหนก็ไปเข้ากระบวนการยุติธรรม ถ้าพูดกันไล่กันไปไม่เห็นประโยชน์
หมื่นคนต้าน 60 ล้านคนเสียประโยชน์
นายกฯกล่าวว่า ไม่ว่าต่อต้านตนสนับสนุนตนหรือสนับสนุนใคร เกิดประโยชน์กับใครบ้าง มีคนจำนวนหนึ่งที่ออกมาทำเรื่องแบบนี้ พัน สองพัน หมื่นนึง แต่คนที่เสียประโยชน์คือคน 60 ล้าน พอเถอะมาช่วยกันทำประเทศดีกว่า ช่วยกันฟังว่ารัฐบาลจะทำอะไร จะได้ประโยชน์อะไร ถ้าไม่พอใจอะไรก็ บอกมา รัฐบาลแก้ไขอย่าใช้ทุกเวทีดิสเครดิตกันไปมา ไม่เกิดประโยชน์ เพราะยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ใครผิดถูกอย่างไรให้มาแจ้ง เอาหลักฐานมาจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตัดสินอย่างไรว่าไปตามนั้น “มีองค์กรอิสระตรวจสอบเยอะแยะไปหมด แล้วจะกล้ามาเข้าข้างตนหรือ ถ้ากล้าช่วยเขามีความผิด เป็นท่านกล้าช่วยคนผิดหรือไม่เชื่อทุกคนกลัวความผิด ต้องเชื่อกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศอยู่ไม่ได้แน่นอน”

แค่ศึกษาแก้ รธน.ก็ทะเลาะกันแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญไม่รู้จะทะเลาะกันทำไม ในเมื่อตอนนี้อยู่แค่ขั้นตอนการศึกษาแก้ไข จะมาคุยกันทางสื่อเปิดประเด็นกันทุกวันทำไม ในเมื่อตนก็ไม่ได้ขัดข้องอยู่แล้ว ไปคุยกันใน กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเขียนอย่างไรก็ไม่มีใครพอใจทั้งหมด ฉะนั้นอย่าเอาเรื่องเดิมๆมาทะเลาะกันอีกเลยขอร้องแค่นี้ ตีกันยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง อยากถามว่าแล้วสำเร็จอะไรสักอย่างหรือไม่ ความร่วมมือจะเกิดหรือไม่ แล้วมาบอกว่าห่วงเรื่องโน้น มีสู้รบสงคราม แต่ในประเทศก็ตีกันช่วยตนบ้าง ฝากคน 60 กว่าล้านคนที่เขาเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง บางทีไม่ได้สาระอะไรทั้งสิ้นพูดกันได้ทุกวัน เรื่องที่ยังไม่เกิดก็พูดทำให้สังคมระอุทุกวัน ทำเพื่ออะไรอยากถาม ตนทำเพื่อประเทศเพื่อทุกคน แต่อีกพวกจ้องจะทำลายทุกวัน ทำอะไรก็ผิดหมด ไม่มีใครทำถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมดหรอก
ถาม ปชช.เลือกเดินหน้า-กลับสู่อดีต
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น ใครจะด่าจะว่าในสื่อด่าตนทุกวันการ์ตูนเขียนด่ามา 5 ปีเต็มไม่เคยไปแตะต้องเลย รู้อยู่หนังสือพิมพ์ไหนหน้าไหน ไม่เคยแตะต้องรังแกสื่อไหน เขาทำผิดกฎหมายก็ว่าตามกฎหมายที่เขียนไว้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสั่ง หลายคนหลายกลุ่มอยู่กันไปตีกันไป นั่นมันโบราณกาลร้อยกว่าปีมาแล้ว ทำไมต้องกลับสู่ยุคอดีต แยกฝ่ายแล้วตีกันรบกัน แล้วประเทศชาติประชาชนอยู่ตรงไหน บอกรักชาติรักประชาชน รักจริงหรือเปล่า รักแบบไหน รักคนไทยถูกวิธีหรือเปล่า ถ้ารักต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ดีบ้าง ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง แต่คนได้ประโยชน์ต้องมากกว่าคนไม่ได้ประโยชน์ ต้องมีคนเสียประโยชน์ นั่นคือสิ่งที่ยากง่ายของการทำงาน ไม่ใช่ทำงานเหมือนสั่งขี้มูก สั่งปื๊ดไปแล้วโล่ง ทำไมไม่ช่วยตนบ้าง ถามว่าประชาธิปไตยวันโน้นกับวันนี้ต่างกันอย่างไร หาให้เจอเชื่อทุกคนทราบดี แต่คงลืมไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย วันนี้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ไม่ดียังมีค้างอยู่อยากให้ ประชาชนตัดสินใจจะเดินหน้า อยู่กับที่ หรือถอยหลังรื้อทั้งหมดกลับสู่อดีต
ขึงขังรวยจนรุกป่าดำเนินคดีหมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแก้ปัญหาจัดสรรที่ดินทำกินว่า การบุกรุกการจัดสรรที่ดิน แน่นอนต้องมีคนเดือดร้อนแต่ต้องแยกให้ออก ไม่ว่าใครก็ตามรวยหรือจน หากพบบุกรุกแน่ๆแล้วต้องถูกดำเนินคดี ส่วนพื้นที่ทับซ้อนต้องพิสูจน์สิทธิ ไม่ใช่โทษกันไปหมด กลายเป็นรัฐบาลไม่ดูแล ไม่รับผิดชอบ ไม่ให้ความเป็นธรรม อย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับตน ขณะนี้กำลังเร่งรัดให้คณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และหลายกระทรวงเตรียมเอาที่ดินที่เรียกกลับมาจัดสรรให้ประชาชนทุกพื้นที่เกือบทุกจังหวัดที่มีที่ดินเพียงพอ จัดให้เช่าหรือใช้ประโยชน์ แต่ออกโฉนดไม่ได้ผิดกฎหมาย หากทุกคนเอาที่ดินไปค้ำประกันวันหน้าก็หลุดอีก ไม่ได้หามาง่ายๆหรือมีมาก เมื่อให้แล้วต้องอยู่กับตัว รวมถึงที่ดิน ส.ป.ก.4-01 หากผู้ที่ได้รับไม่นำไปทำประโยชน์ทางการเกษตรเรียกคืนหมด เพื่อให้คนรุ่นหลังมีที่ดินทำกิน

“ประวิตร” มั่นใจ “บิ๊กตู่” แจงขายที่ได้
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการทำงานของพรรคในปี 2563 จะทำงานเชิงรุกและรับมือฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไรว่า เราดูแลหรือไม่ที่นี่เราดูแลไหม ดูแลแล้วจะถามทำไม เรื่องการทำงานเราเพิ่มเติมตลอด แต่ไม่ได้บอกสื่อ ตนทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านหยิบยกเรื่องที่ดินของบิดานายกฯ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องเก่า นายกฯชี้แจงได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไร
ไม่ระงับวิ่งไล่ลุงแต่อย่าผิด ก.ม.
เมื่อถามถึงกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในวันที่ 12 ม.ค. ฝ่ายความมั่นคงติดตามสถานการณ์อย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องติดตามอะไร เขาวิ่งกันอยู่ ที่ไหน แค่รู้ว่าวิ่งกันอยู่ที่สวนรถไฟก็พอแล้ว จะให้ทำอย่างไร วิ่งแต่อย่าให้ผิดกฎหมายแล้วกัน เมื่อถามอีกว่า กลุ่มผู้ทำกิจกรรมกังวลว่าจะมีการระงับไม่ให้ใช้สถานที่ของสวนรถไฟ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้อนว่า สั่งปิดที่ไหน รัฐบาลให้ทำกิจกรรมแล้วไม่ให้ใครสั่งปิดหรอก ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเขามีคนดูอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อถามว่ากิจกรรมดังกล่าวมีนักการเมือง ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคฯ เข้าร่วมด้วย รองนายกฯกล่าวว่า “ผมจะทำยังไงได้ ผมไม่ใช่ช่อนี่ เขาจะวิ่งแล้วจะไปทำ อย่างไร” เมื่อถามย้ำว่าจะไปร่วมกิจกรรมตามคำเชิญของกลุ่มผู้จัดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมจะไปยังไง ผมเดินยังจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ธนาธร” รับทราบคดีแฟลชม็อบ 10 ม.ค.
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการออกหมายเรียกบุคคลต่างๆให้เข้ารับทราบข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และกรณีคุกคามประชาชนที่จัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในจังหวัดต่างๆว่า การแจ้งข้อหาบุคคลต่างๆในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ในส่วนของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายไพรัฐโชติก์ จันทรขจร สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ หลังจัดกิจกรรมที่สกายวอล์ก ปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ทั้งสองคนจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 10 ม.ค. เวลา 10.00 น. แน่นอน ตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น แต่เรายังคงยืนยันว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560
“ช่อ” ห่วงวิ่งไล่ลุงถูกคุกคามหลาย จว.
น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนกำลังถูกคุกคาม จากกรณีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ม.ค. มีการจัดกิจกรรมกระจายไปในหลายสิบจังหวัดทั่วประเทศไทย ที่ผ่านมาผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในกรุงเทพฯถูกคุกคาม ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม ทั้งที่เป็นรูปแบบที่สงบสันติ เป็นการแสดงออกที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ต่อมาได้มีการร้องเรียนการถูกคุกคามเข้ามาที่คณะกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีการเรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองยืนยันว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่จะจัดขึ้น เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมา การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในหลายจังหวัดมีการคุกคามผู้จัดกิจกรรม ถูกติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในฐานะผู้แทนราษฎร ขอยืนยันว่า พื้นที่สาธารณะทุกแห่งในประเทศไทยเป็นพื้นที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศ และตราบใดที่กิจกรรมที่ทำไม่ได้ขัดต่อกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมไม่มีสิทธิไปคุกคาม และยังต้องอำนวยให้กิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างสะดวกเรียบร้อยและปลอดภัย
ตร.อุบลฯไฟเขียววิ่งไล่ลุงเก็บขยะ
นายฉัตรชัย แก้วคำปอด อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.อุบลราชธานี ตัวแทนกลุ่มวิ่งไล่ลุง เข้ายื่นคำร้องขอชุมนุมในกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” กับ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี นายฉัตรชัยเปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปด้วยความถูกต้องและชัดเจน ตนเป็นตัวแทนเข้ายื่นคำร้องขออนุญาตจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” และ “วิ่งเก็บขยะบริเวณหน้าศาลหลักเมืองอุบลราชธานี” ระยะทาง 5 กม. ในวันที่ 12 ม.ค. เวลา 05.00-08.00 น. จะมีประชาชนเข้าร่วม 1,000 คน
พ.ต.ท.ปราโมทย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่พิจารณาในรายละเอียดแล้วเป็นการชุมนุมโดยสงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ และไม่มีการเรียกร้องจากองค์กรหรือส่วนราชการ ไม่กีดขวางทางเข้า-ออก รบกวนการปฏิบัติงานใช้บริการสถานที่ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 และไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง อนุญาตให้จัดกิจกรรมตามการยื่นคำร้องดังกล่าว

“ชวน” แจงไม่ได้รังเกียจทหารนั่ง ส.ว.
ที่สถาบันพระปกเกล้า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การที่ไม่เห็นด้วยให้ ผบ.เหล่าทัพดำรงตำแหน่ง ส.ว.ว่า แปลกใจเหมือนกัน เพราะเคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งแล้ว แต่ข่าวที่ออกมาช่วงปีใหม่ไปตัดมาเพียงแค่ประเด็นนี้ หากต้องการทราบข้อมูลทั้งหมด ขอให้ไปอ่านคำสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ถ้าไปตัดเอาเฉพาะบางคำมา คนอาจเข้าใจผิดว่าไปรังเกียจทหารหรือไม่ แต่ความจริงเป็นเรื่องหลักการ ที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ควรไปกำหนดตำแหน่งใด ทหารหรือผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคนเป็นคนดี มีความสามารถ แต่ในเชิงประชาธิปไตย ไม่ควรกำหนดตำแหน่งใด เช่น หากต้องการให้อดีตนายกฯ อดีตประธานรัฐสภาเป็น ส.ว.ก็ไม่ควร และเห็นด้วยว่าการที่รัฐธรรมนูญไม่กำหนดให้ข้าราชการเป็น ส.ว.ถูกต้องแล้ว
ยึดหลักการไม่ควรยกเว้นให้ใคร
นายชวนกล่าวอีกว่า ดังนั้นไม่ควรมียกเว้นกับตำแหน่งใด หลักการมันไม่เปลี่ยน เราไม่รับรัฐธรรมนูญนี้ตั้งแต่แรก เหตุผลหนึ่งคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความเป็นประชาธิปไตยไม่เท่าในอดีต ยืนยันเรื่องการไม่เห็นด้วยให้ ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.ให้ความเห็นมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งแล้ว ไม่ใช่มาตำหนิติเตือนเหล่าทัพ ส่วนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำงาน ได้ดีหรือไม่ ต้องให้เกียรติ กมธ.พิจารณาว่าเห็นควรอย่างไร แต่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกัน เชิญทุกฝ่ายมาให้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ รวมถึงฝ่ายไม่เห็นด้วย เพื่อลดความรู้สึกขัดแย้งลงมา
ปธ.สภาฯเชื่อถกงบฯปี 63 ไม่วุ่น
ที่สถาบันพระปกเกล้า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรอบการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า เบื้องต้นกำหนดไว้วันที่ 8-9 ม.ค. หากไม่เพียงพอต่อวันที่ 10 ม.ค. ได้ แต่จะต่อกี่วันคงต้องดูเหตุการณ์ ความเห็นผู้อภิปรายประกอบ เชื่อว่าคงจะไม่วุ่นวาย คงวุ่นวายแค่ในหน้าหนังสือพิมพ์ ปกติแล้วการอภิปรายงบฯ ผู้แปรญัตติและผู้สงวนความเห็นมีสิทธิ อภิปรายได้ทุกกระทรวง จะยืดยาว 3-4 วัน ถือเป็นเรื่องปกติของทุกปี แต่ไม่มีอะไรเป็นเรื่องรุนแรงหรือ แปลกพิสดารอะไร รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังคงใช้วิธีการนั้นอยู่ กมธ.มีหน้าที่ชี้แจงให้เหตุผลการตัดงบประมาณ
ยังไม่ตอบซักฟอกย้อนหลังได้หรือไม่
นายชวนกล่าวอีกว่า ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้ประสานมา มีเพียงข่าวที่นำเสนอไม่สามารถวิจารณ์ได้ จะเปิดอภิปรายในช่วงใดขึ้นอยู่กับการเสนอญัตติของพรรคฝ่ายค้าน เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเตรียมจะอภิปรายไม่ไว้วางใจย้อนหลังไปถึงสมัยรัฐบาล คสช. ทำได้หรือไม่ นายชวนตอบว่า ยังไม่มีประเด็น จึงยังไม่มี ความเห็น ไม่ขอไปพยากรณ์ล่วงหน้า

รบ.ให้ฝ่ายค้านโซ้ยงบฯได้เต็มที่
ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2-3 ว่า ได้หารือ กับประธานวิปฝ่ายค้านจะให้เวลาอภิปรายเต็มที่ มีผู้อภิปราย 146 คน อภิปราย 2 วัน ในวันที่ 8 ม.ค. เลิกเกินเที่ยงคืน จากนั้นพักประชุมให้มาต่อช่วงเช้าวันที่ 9 ม.ค.ได้ทันที ไม่ต้องนับองค์ประชุม หากยัง อภิปรายไม่จบ นำมาพิจารณาต่อได้วันที่ 10 ม.ค.ไร้ปัญหา ได้กำชับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลให้อยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้าจนเลิก ไม่ว่าดึกดื่นกี่โมง พรรคร่วมรัฐบาลยืนยันจะอยู่ร่วมโหวตตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะต้องโหวตทุกมาตรา เชื่อว่ารัฐบาลจะได้คะแนน เสียงมากขึ้น งบฯกระทรวงกลาโหมที่ กมธ.ปรับลดบางส่วน ปรับลดในส่วนงบฯก่อสร้าง ไม่เกี่ยวกับงบฯ ที่นำไปใช้ปฏิบัติภารกิจกองทัพ ได้ประสานเลขาธิการนายกฯนำเรียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาฯพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯด้วย แต่ไม่ทราบว่าจะมาร่วมประชุมช่วงเวลาใด
เปิดตัว “ฐนภัทร” ใส่เสื้อ พปชร.
นายวิรัชกล่าวว่า ขณะนี้เสียง ส.ส.ในสภาฯมี 498 เสียง ไม่รวมนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลสั่ง หยุดปฏิบัติหน้าที่ และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลตัดสิน จำคุก เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ 117 เสียง ล่าสุดได้เสียงเพิ่มจากนายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่นเขต 7 และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี อดีต ส.ส.อนาคตใหม่ ที่จะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเป็นทางการวันที่ 7 ม.ค. หลังจากยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ปลายปี 62 ส่วนนายจารึก ศรีอ่อน อดีต ส.ส.อนาคตใหม่อีกคน ทราบว่าไปอยู่ร่วมกับพรรคพลังท้องถิ่นไท ทำให้พรรคพลังท้องถิ่นไทมีเสียงเพิ่มเป็น 5 เสียงแล้ว
ฝ่ายค้านอิสระสลายตัวร่วม รบ.
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ร่วมแถลงข่าวยุบฝ่ายค้านอิสระ 2 พรรคเข้าเสริมทัพรัฐบาล มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท แกนนำกลุ่มกิจสังคมใหม่
นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว โดยนายมงคลกิตติ์และพิเชษฐร่วมกัน เปิดสวิตช์ไฟสีธงชาติแสดงสัญลักษณ์เข้าร่วมรัฐบาล มอบหนังสือแถลงการณ์แสดงเจตจำนงลงนามเข้าร่วม รัฐบาลให้นายอุตตมและนายสนธิรัตน์อย่างเป็นทางการ

“เต้” ไม่รับปากจะไม่ชิ่งถอนตัวอีก
นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านอิสระ 2 เสียงมีมติแนวทางเดียวกันให้ยุบฝ่ายค้านอิสระตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เป็นกำลังเสริมทำให้เสถียรภาพรัฐบาลดีขึ้น เมื่อถามว่า มีอะไรยืนยันหรือไม่ว่าต่อจากนี้จะไม่ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล นายมงคลกิตติ์ตอบว่า การเมืองคือการเมือง ณ ปัจจุบันเราคือพรรคร่วมรัฐบาล จะอยู่ทำงานร่วมกับกลุ่มกิจสังคมใหม่ เมื่อถามว่ายังมีโอกาสจะถอนตัวจากรัฐบาลอีกใช่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ตอบว่า ถ้ารัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประชาชน ไม่ทุจริตจะยังร่วมงานกันต่อไป แต่หากมีรัฐมนตรีคนใดมีปัญหาทุจริตจะพิจารณารายคน จากนี้อาจมีนักการเมือง 3-4 คน มาร่วมทำงานกับรัฐบาล
พรรคเล็กพร้อมเสียบโควตา ครม.
ขณะที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวว่า 2 เสียง ในสภาฯมีความสำคัญ บทบาทของกลุ่มกิจสังคมใหม่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าความมีเสถียรภาพรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญ ครั้งนี้เป็นการเล่นการเมืองครั้งสุดท้ายของตน ต้องการสนับสนุนการสร้างความมั่นคงให้รัฐบาล ไม่ต้องการให้กังวลกับเสียงปริ่มน้ำ โดยเฉพาะช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าไม่ห่วงเรื่องตำแหน่ง ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศจริงๆ
นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทย กล่าวว่า ข้อสงสัยที่ว่า หากมีการปรับ ครม.พรรคเล็กจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ส.ส.ถ้าไม่มีตำแหน่งก็ทำงานกับประชาชนลำบากถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้ก็พร้อมทำงานเต็มที่ ถ้าท้ายที่สุดไม่มีตำแหน่งอะไรให้เลยก็คงอยู่กับรัฐบาลต่อไป เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า
กมธ.จ้องตัดเหี้ยนงบ กห.แสนล้าน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะ กมธ.พิจารณางบฯปี 2563 กล่าวว่า ในการพิจารณางบฯวาระ 2 คณะ กมธ.ขอสงวนคำแปรญัตติไว้จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือการตัดลดงบฯสำรองฉุกเฉินที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งไว้ 96,000 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่งนำมาใช้ได้ จึงเสนอตัดลดลงไป 40,000 ล้านบาท เพราะเวลาใช้งบฯเพียง 7 เดือน แต่รัฐบาลกลับตั้งงบฯไว้มหาศาลเกินความจำเป็น ไม่มีเหตุผลรองรับ นอกจากนี้ ได้ขอสงวนคำแปรญัตติงบฯของกระทรวงกลาโหมไว้ทั้งหมดหรือมากกว่า 100,000 ล้านบาท เพราะที่มา พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมายส่อว่าจะขัดรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องตัด จะปล่อยให้หน่วยงานที่มีที่มาไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาขอใช้งบฯไม่ได้
สรรพากรโดนหั่นเหตุไม่เก็บภาษี สนช.
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า ส่วนกรมสรรพากรที่ตัดลดงบฯลงไป เพราะที่ผ่านมากรมสรรพากรไม่ยอมเก็บภาษีของคณะอนุ กมธ.สมัย สนช. ถือว่าทำผิดกฎหมาย ผู้แทนกรมสรรพากรให้คำชี้แจงว่าไม่ทราบว่าเก็บได้หรือไม่ จึงไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง จำเป็นต้องตัดงบฯกรมสรรพากรลง แม้การเก็บภาษีของสมาชิกสนช.จะไม่มาก เพียงคนละ 100,000 บาท แต่เป็นเรื่องกฎหมาย สมาชิก สนช.จะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้

พท.จัดข้อมูลซักฟอกเกรดเอมีใบเสร็จ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ข้อมูลพร้อมจะอภิปรายหัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีแบ่งเป็น ชุด A บวก คือ ข้อมูลที่มีใบเสร็จกับชุด A ที่แม้จะไม่มีใบเสร็จ แต่มีความน่าเชื่อได้ว่าน่าจะมีการกระทำผิด ที่ผ่านมาคณะกรรมการกิจการพิเศษได้ประชุมซักซ้อมเตรียมพร้อมอภิปราย เราดูทั้งบุคคล ห้วงเวลาที่เหมาะสมที่ควรอภิปราย เชื่อว่าคงทำให้หัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ยืนอยู่ต่อไปลำบาก จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแน่นอน บางทีอาจหนักกว่าการปรับ ครม.ก็ได้ เป้าหมายอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาล การทำงานจะสอดรับระหว่างการวิ่งไล่ลุงวันที่ 12 ม.ค. ส่วนเรารับความประสงค์ประชาชนมาทำให้เป็นจริงในสภาฯผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค. เบื้องต้นขอเวลาอภิปรายไว้ 3 วัน คาดว่าจะบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังตรุษจีน คงจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงต้นเดือน ก.พ.
“สุริยะ” เข้าข่ายติดโผขึ้นเขียง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า สำหรับการเตรียมพร้อมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัติถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ รวม 5 คน ที่ถูกยื่นอภิปรายแน่นอนแล้ว โดยทีมผู้อภิปรายสัดส่วนพรรคเพื่อไทย แต่ยังรอรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเสนอชื่อเข้ามาอีก เบื้องต้นตกลงว่าจะมีรัฐมนตรีอีก 2-3 คนอยู่ในข่ายจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ที่กำลังรวบรวมข้อมูลกรณีอ้างถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้เลื่อนการแบนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ออกไปเป็นวันที่ 1 มิ.ย.2563 และยกเลิกการแบนไกลโฟเซตเป็นจำกัดการใช้แทน
“บิ๊กป๊อก” โดนถล่มโรงไฟฟ้าขยะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วน พล.อ.อนุพงษ์จะเป็นเรื่องให้ส่วนงานอื่นดำเนินโครงการแทนหน่วยงานหลักของกระทรวง เช่น ให้ท้องถิ่นตั้งโครงการขุดลอกคูคลองขึ้นมา แล้วจ้างช่วงต่อโดยอาจให้คนของตัวเองไปหาประโยชน์ หรือการสร้างโรงงานไฟฟ้าจากขยะ ที่มีข้อน่าสงสัยอย่างมาก เช่น การรับซื้อขยะในราคาแพงเกินจริง หรือแม้แต่การสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ ทั้งที่คำนวณชัดเจนแล้วว่าเอกชนที่รับสัมปทานจะมีรายได้สัมปทานจำนวนมาก เหตุใดภาครัฐต้องมีส่วนลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าด้วย

หึ่ง “เจ๊หน่อย” งอนเก็บของพ้นพรรค
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มีแกนนำพรรคเข้าร่วม อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน โดยนายสุทินชี้แจงต่อที่ประชุมว่าวิปฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้หารือกรอบการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 เบื้องต้นว่าการอภิปรายจะมีขึ้นวันที่ 8 และ 9 ม.ค.ถึงเที่ยงคืน หากอภิปรายไม่จบจะพักการประชุมและขยายเวลาการประชุมไปวันที่ 10 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรควันที่ 6 ม.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยมีกระแสข่าวลือกันหนาหูว่าคุณหญิงสุดารัตน์เก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกไปจากห้องทำงานที่พรรคหมดแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 62 และได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้ว แต่ยังไม่มีการอนุมัติหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ
“อนุดิษฐ์” โบ้ยไม่รู้ข่าวมาจากไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานสอบถามไปยังนายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้คำตอบว่า เพิ่งทราบเรื่องหลังมีข่าวเผยแพร่ออกมา จึงสงสัย คุณหญิงสุดารัตน์จะลาออกได้อย่างไร เพราะวันที่ 6 ม.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ยังนัดทานข้าวกับ ส.ส.กทม. และ ส.ก.พรรคเพื่อไทย วันที่ 7 ม.ค.ยังนัด ส.ส.ต่างจังหวัดมาทานข้าวเย็นที่บ้าน แบบนี้จะลาออกได้อย่างไร ไม่รู้ว่ากระแสข่าวดังกล่าวออกมาจากไหน
พ่อนายกฯสิ้นใจสงบด้วยวัย 97 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 6 ม.ค. ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เสร็จสิ้นภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ได้รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อเข้าเยี่ยม พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา ที่เข้ารับการรักษาอาการป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ สมองเสื่อม และสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน หลังคณะแพทย์ได้รักษาอาการมานานระยะหนึ่งแล้ว ช่วงบ่ายวันเดียวกันได้รับการเปิดเผยจากคนใกล้ชิดนายกฯว่า พ.อ.ประพัฒน์ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยอายุ 97 ปี โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในเวลา 17.00 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่ศาลา 9 วัดโสมนัสราชวรวิหาร โดยงดรับพวงหรีด